แทนไทเดินเข้าห้องเรียนเมื่อลูกศิษย์สาวจากไป ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะข้างหน้าต่าง กวาดสายตามองไปรอบห้องก็เห็นตัวอันตรายที่เอาแต่จ้องหน้าเขาเหมือนกินเลือดกินเนื้อ แล้วก็ต้องถอนหายใจ อยากรู้จริงว่าเขาไปทำอะไรให้ลูกศิษย์หนุ่มคนนี้โกรธแค้น
ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิงยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะเขาไม่เคยให้ความสนิทสนมกับนักศึกษาหญิงในมหาวิทยาลัยแห่งนี้สักคน แค่สนทนากันผ่านๆ ก็มีเยอะ แต่เข้าขั้นสนิทด้วยนั่นไม่มีเลย
“รีบสอนหน่อยไม่ได้หรือไงจารย์ ถ้าไม่อยากสอนก็ไม่ต้องสอน ผมจะได้กลับบ้านไปนอนต่อ”
พีรพัฒน์ตะโกนถามศัตรูหัวใจอย่างเกรี้ยวกราด อยากรู้จริงว่าไอ้ดอกเตอร์หน้าจืดมันมีอะไรดี บุษกรถึงคอยเป็นห่วงเป็นใยตลอด ทั้งที่เขามีเหนือกว่าทุกอย่าง ฐานะ ชาติตระกูล เขาก็มีเหนือกว่า แต่คนที่เขาชอบดันไปให้ความสนิทสนมกับคนที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากตำแหน่งดอกเตอร์นำหน้าชื่อเท่านั้น
“เปิดหนังสือหน้า 153 ครับ วันนี้เราจะเรียนเรื่องโปรแกรมกันต่อจากคาบที่แล้ว” แทนไทลอบถอนหายใจแล้วสั่งให้นักศึกษาเปิดหนังสือเรียน ซึ่งเรียนค้างเอาไว้ในอาทิตย์ก่อน
////////////////////
หลายวันต่อมา
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอต้องกลับคฤหาสน์รัชชานนท์ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและรถคันใหม่แล้วรีบเดินทางไปทำงาน เมื่อมาถึงที่บริษัทก็พบว่าพี่เลี้ยงหนุ่มกำลังทะเลาะอยู่กับหมอโรสในห้องทำงานของเธอ
‘เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย ทะเลาะกันได้ทุกวัน แต่ปกติแล้วหมอโรสต้องอยู่ที่คลินิกไม่ใช่เหรอ แล้วมาทำอะไรอยู่ที่นี่ หรือจะถูกคุณเทียนฉุดมาอีก เฮ้อ...ตกลงคุณเทียนกับหมอโรสมีความสัมพันธ์แบบไหนกัน ทะเลาะอย่างกับคู่สามีภรรยา’
บุษกรปิดประตูอย่างเบามือ ไม่ได้สนใจพี่เลี้ยงหนุ่มกับหมอประจำตัว อยากทะเลาะก็เรื่องของพวกเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อย ถ้าเหนื่อยเดี๋ยวก็หยุดกันไปเอง
ฉีเทียนเบนสายตามองเจ้านายสาวแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันมาสนใจคู่กรณีต่อ วันนี้ไม่มีงานอะไรที่ต้องทำอีก บางทีคงต้องขอลาพักสักอาทิตย์เพื่อพาโรสิตาไปให้พ้นรุ่นพี่หนุ่มของหญิงสาว ที่ช่วงนี้พยายามเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตรักของเขา
“ตกลงคุณบอกผมได้หรือยัง ไอ้หมอนั่นมันเป็นอะไรกับคุณ”
“นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน อย่าลืมสิว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน นอกจากมีเจ้านายคนเดียวกัน”
โรสิตาพูดใส่หน้าฉีเทียนด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่าน เป็นมารเรื่องงานยังไม่พอ ยังมาเป็นมารเรื่องความรักของเธออีก เธอจะดวงซวยไปถึงไหน ไม่รู้ป่านนี้รุ่นพี่หนุ่มเป็นอย่างไรบ้าง โดนหมัดไปถึงสองที ซึ่งไอ้ตัวต้นเหตุของอาการบาดเจ็บของรุ่นพี่ของเธอก็คือผู้ชายเอาแต่ใจคนนี้
“อยู่ด้วยกันนอนด้วยกันก็ตั้งหลายครั้ง ยังมาบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันอีก นี่แหละน่าผู้หญิง หลายใจ เชื่อใจไม่ได้”
ชายหนุ่มพูดเปรยขึ้นด้วยท่าทางไม่เป็นมิตรกับคนตรงหน้านัก เขาหรืออุตส่าห์เป็นห่วงไม่อยากให้ถูกหลอก เขาส่งลูกน้องไปสืบประวัติไอ้ผู้ชายสารเลวนั่นมาแล้ว ถึงนามสกุลจะดังก็เถอะ แต่ภายในเรียกว่าแย่เต็มทน อีกไม่นานคงถูกฟ้องล้มละลาย
คงเพราะเหตุนี้มันถึงพยายามจีบโรสิตาหวังรวยทางลัด แต่ฝันไปเถอะเขาไม่มีทางยกผู้หญิงที่เขาหมายตาเอาไว้ให้ผู้ชายหน้าไหนเด็ดขาด แม่ของลูกของเขาต้องเป็นโรสิตา ธีรกานต์ เท่านั้น
“พูดให้มันดีๆ นะคุณเทียน ฉันไปนอนร่วมเตียงกับคุณตั้งแต่เมื่อไร ถ้าจะพูดก็พูดให้มันถูกหน่อย ใครมาได้ยินฉันจะเสียหาย”
‘เคยนอนห้องเดียวกันก็จริง แต่ก็คนละเตียง ตาแก่นี่ชอบพูดกำกวมอยู่เรื่อย เกิดใครมาได้ยินฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน’
โรสิตาเม้มริมฝีปากแน่น ต่อว่าเขาอยู่ในใจ พลางแหงนหน้าขึ้นมองฉีเทียนอย่างโกรธจัด ถ้าไม่ติดว่าเขาเก่งเรื่องศิลปะการต่อสู้ เธอคงไม่ลังเลเลยที่จะตบปากเสียๆ ของเขาให้เลือดกบปาก เกลียดนักไอ้พวกพูดจาไม่รักษาน้ำใจของคนอื่นแบบนี้
‘ดูพูดเข้า เพราะปากเสียแบบนี้ไงหมอโรสถึงได้เกลียด ไม่ได้เรื่องเลยคุณเทียนเนี่ย’
บุษกรตำหนิพี่เลี้ยงหนุ่มอยู่ในใจ ปากเสียขนาดนี้ผู้หญิงที่ไหนอยากจะใช้ชีวิตด้วย ถ้าเป็นสุภาพบุรุษอย่างดอกเตอร์แทนไทก็ว่าไปอย่าง เธอเชื่อว่าสาวๆ คงอยากได้มาเป็นสามี เป็นพ่อของลูกแทบทั้งนั้น
“ถ้าผมขอลาพักร้อนสักสองอาทิตย์ บอสจะอนุมัติหรือเปล่า”
ฉีเทียนหันไปถามเจ้านายสาวที่นั่งทำหน้าตึงอยู่ด้านหลัง อยู่เมืองไทยก็สี่ปีเข้าไปแล้ว เขายังไม่เคยได้ลาพักร้อนเลยสักครั้ง ถือโอกาสลาพักร้อนในครั้งนี้พาโรสิตาไปพักผ่อนด้วยน่าจะดี
“ได้สิ”
บุษกรตอบด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน มานึกดูแล้วพี่เลี้ยงหนุ่มก็ไม่เคยลาพักร้อนเลย นับตั้งแต่มาดูแลเธอที่เมืองไทย ปล่อยให้ไประบายความเครียดบ้างคงดี
“บะ...บอสเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรคะ”
โรสิตาถามเจ้านายสาวหน้าแดงก่ำ คงไม่ได้มาตั้งแต่เธอเริ่มทะเลาะกับฉีเทียนหรอกนะ
“ฉันเพิ่งมา สบายใจได้ฉันไม่ได้ยินและไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
ก็ได้ยินเต็มสองหูว่าฉีเทียนกับโรสิตาทะเลาะกันเพราะเหตุใด ถ้าไม่ใช่เรื่องงานเธอก็ไม่สนใจหรือรับรู้ เรื่องของความรักต้องเคลียร์กันสองคน ให้คนอื่นมาช่วยตัดสินใจคงไม่ได้ ยิ่งฟังคำพูดของเจ้านายสาว โรสิตาก็ยิ่งอายจนแทบแทรกแผ่นดิน คำพูดที่หลุดออกมาจากปากอิ่ม แสดงให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงได้ยินเรื่องที่เธอกับฉีเทียนทะเลาะกัน
“เอ่อ...ฉันต้องขอตัวกลับคลินิกก่อนนะคะบอส”
ขืนเธอยังอยู่ที่นี่คงถูกเจ้านายสาวล้ออีกแน่ รีบกลับตอนนี้คงปลอดภัยที่สุด โรสิตาหันมาถลึงตาใส่ฉีเทียนแล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานของเจ้านายสาว
“เฮ้อ...ไม่ไหวเลยนะคุณเทียน ทำไมชอบทำให้หมอโรสโกรธ แล้วไอ้คำพูดสองแง่สามง่ามนั่นอีก เกิดมีใครมาได้ยินหมอโรสจะเสียหาย คุณเทียนไม่รู้หรือไง”
ทันทีที่หมอโรสออกไปจากห้อง บุษกรก็เริ่มตำหนิพี่เลี้ยงหนุ่ม แต่เหมือนสิ่งที่เธอพูดไม่ได้เข้าหูของอีกฝ่ายเลย
“ไม่เอาน่าบอส เลิกต่อว่าผมเสียที คนดื้อก็ต้องเจอแบบนี้แหละ”
ฉีเทียนบอกด้วยสีหน้าราบเรียบ เดินไปหยิบแฟ้มเอกสารที่เขาเตรียมเอาไว้ให้เจ้านายสาวตรวจดูอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ก่อนสั่งรถนำเข้าล๊อตใหม่เข้ามาในอีกหนึ่งเดือน
“แต่ยังไงหมอโรสก็เป็นผู้หญิง คุณเทียนควรให้เกียรติเธอหน่อยสิ ไปว่าเค้าเสียๆ หายๆ ระวังเถอะเดี๋ยวหมอโรสก็ไม่รักหรอก”
“มีลูกสักสามคนเดี๋ยวก็รักผมเองแหละบอส”
ฉีเทียนตอบพลางยักไหล่ ก็ให้มันรู้ไปสิว่าไม่รักเขา มีลูกกันแล้วอย่างไรซะโรสิตาก็ต้องรักเขา ถ้าไม่รักอีกก็มีลูกเพิ่มไปอีก ต่อให้มีลูกสักสิบคนเขาก็มีปัญญาเลี้ยง ว่าแต่มีปัญญาเกิดหรือเปล่า
“เอาแต่ใจตัวเอง” บุษกรพึมพำเสียงเขียว แต่คนที่ถูกหาว่าเอาแต่ใจก็ยังได้ยินชัดเต็มสองหู
“ผมกับบอสก็ไม่ต่างกันหรอกครับ ถ้าผมเอาแต่ใจแล้วนิสัยอย่างบอสเขาเรียกว่าอะไรล่ะครับ”
ชายหนุ่มถามอย่างหมั่นไส้นิดๆ สำหรับเขาเรียกว่าการแสดงความรักแบบผู้ใหญ่ เมื่อรักแล้วก็อยากได้มาครอบครอง ใครที่คิดขวางทางก็ต้องกำจัดให้หายไปจากชีวิต
///////////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...