สองสาวพูดออกมาพร้อมกันอย่างหวาดกลัว พวกเธอไม่ได้กลัวผู้หญิงหน้าหวานคนนี้ แต่พวกเธอกลัวผู้ชายที่นั่งฉีกยิ้มกว้างอยู่ในตอนนี้มากกว่า ถึงน้ำเสียงของเขาฟังดูนุ่มนวล หากแต่แววตาที่เหลือบมองพวกเธอกลับดุดันและเยียบเย็นจนทำให้ขนลุกชันไปทั้งตัว
“งั้นเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว แล้วคุณมาที่ผับได้ยังไง นั่งรถแท็กซี่หรือเช่ารถมาขับ”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างครับ พี่เอารถของนายพยัคฆ์มาขับ”
“คุณมีเพื่อนที่เมืองไทยด้วยหรือคะ”
“มีสิครับ แต่ตอนนี้หนูหยกช่วยพยุงพี่หน่อยสิครับ พี่เดินไม่ไหว”
“ไม่ต้องมาสำออยเลยค่ะ หยก...เอ่อ...ฉันไม่ช่วยคุณหรอก”
“พี่ไม่ได้สำออย แต่พี่ลุกไม่ไหวจริงๆ พี่โดนผู้หญิงสองคนนี้มอมเหล้านะครับ แค่พี่พยายามครองสติเอาไว้ ก็แทบแย่แล้ว ถ้าให้เดินออกไปจากผับคนเดียว คงไม่ไหว”
“คุณนี่มัน...” กชกรพูดพลางส่ายหน้ากับท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงของอีกฝ่าย ดวงตาคู่งามมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาคู่อ่อนเชื่อมอย่างค้นคว้า ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปพยุงร่างสูงใหญ่ “ถ้างั้นพวกเราก็กลับกันเถอะค่ะ” เธอตัดบท แล้วเดินประคองอเล็กซิสออกมาจากผับ
ขณะที่กชกรพยุงเขาออกไปจากผับ อเล็กซิสก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมามองสองสาวที่ถูกจ้างมาทำร้ายเขาแวบหนึ่ง และไม่ลืมที่จะแสยะยิ้มเหี้ยมให้ทั้งสองสาวอีกครั้ง แล้วหันหน้ากลับมาซบไหล่สาวน้อยที่ช่วยพยุงเขาออกจากผับ
กชกรเดินประคองอเล็กซิสออกมาจากผับ เดินตรงไปยังลานจอดรถ กวาดสายตามองหารถที่อเล็กซิสขับมา “รถของคุณจอดไว้ตรงไหนหรือคะ” เธอถามออกไป เมื่อคนที่เธอพยุงอยู่ เอาแต่เงียบ
“จอดเอาไว้ตรงโน้น” อเล็กซิสเอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้ไปยังจุดที่เขาจอดรถเอาไว้
กชกรมองตามนิ้วที่ชายหนุ่มชี้ไป แล้วเธอก็พบรถสปอร์ตคันสีเหลืองจอดอยู่ไม่ไกล จากที่เธอยืนมากนัก “รถสปอร์ตคันสีเหลืองใช่ไหมคะคุณอเล็กซ์” เธอถามย้ำเขาอีกครั้ง
“พี่อเล็กซ์ครับหนูหยก” อเล็กซิสเตือนความจำด้วยน้ำเสียงสั่นน้อยๆ ความร้อนรุ่มประหลาดเริ่มแผดเผาอยู่ในกาย ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวทันควัน เมื่อรู้ว่าตัวเองเจอเรื่องยุ่งยากให้เข้าแล้ว จึงเอ่ยอีกครั้ง “พี่ว่าพวกเรารีบกลับกันเถอะ” ผู้หญิงสองคนนั้นไม่ได้มอมเหล้าเขาอย่างเดียว แต่พวกหล่อนอาจวางยาเขาด้วย
“ก็รีบเดินสิคะ แล้วก็เลิกบ่นเสียที”
“ครับๆ พี่ผิดเองที่บ่น พี่คงขับรถกลับไม่ไหว หนูหยกมีใบขับขี่หรือเปล่าครับ”
“มีค่ะ”
“นี่กุญแจรถครับ” แล้วยื่นกุญแจรถสปอร์ตให้กชกรทันที
กชกรไม่ตอบ เพียงแต่ชะงักเท้าลง รับกุญแจรถสปอร์ตจากมาถือเอาไว้ ก่อนจะพยุงคนเมาเดินตรงไปที่รถ เธอปลดล๊อคเปิดประตูรถ ดันร่างสูงใหญ่เข้าไปในตัวรถ คาดเข็มขัดนิรภัยให้เสร็จสรรพ ก่อนปิดประตูแล้วเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ แล้วขับรถออกจากสถานบันเทิง
/////////
สองชั่วโมงต่อมา
กชกรดันร่างสูงใหญ่ให้นั่งบนโซฟา กว่าเธอจะพาเขากลับมาถึงบ้านได้ก็เล่นเอาหมดแรง นึกไม่ถึงเลยว่าการดูแลและพาคนเมากลับบ้าน มันจะเหนื่อยถึงเพียงนี้ เธอมองชายหนุ่มที่นั่งหลับตาพิงพนักโซฟาด้วยความรู้สึกหนักใจ
ตั้งแต่ติดต่อไปขอความช่วยเหลือเมื่อหลายเดือนก่อน แล้วติดต่อเขาไม่ได้ เธอก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับเขาอีก ทั้งที่เธอคิดว่าเขาคงลืมเธอไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาช่วยเหลือเธอจริงๆ อย่างที่เคยบอกไว้ ถึงมันจะช้าไปหน่อยก็เถอะ
“เฮ้อ...จะทำยังไงล่ะทีนี้ ไปทำอีท่าไหนถึงถูกสาวเมาเหล้าเอาได้ แล้วมาเที่ยว ทำไมถึงไม่พาบอดี้การ์ดมาด้วย ไหนบอกว่าตัวเองมีลูกน้องเยอะไง แล้วไอ้สภาพน่าสังเวชนี่มันอะไร”
เจ้าของเสียงหวานบ่นพึมพำ ขณะจ้องมองคนถูกเมาเหล้าอย่างเหนื่อยใจ หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วตัดสินใจเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก เพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนเมา
หลังจากเสียงบ่นพึมพำเงียบไปพร้อมกับร่างของกชกรเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ คนที่เอาแต่หลับตานั่งเงียบอยู่บนโซฟาก็ลืมตาขึ้น นัยน์ตาคู่สีเขียวมรกตกวาดมองไปรอบห้องแวบหนึ่งเพื่อสำรวจความเป็นอยู่ของสาวน้อยผู้น่ารักของเขา
หลายปีที่ผ่านมาเธอคงลำบากไม่น้อย เขาไม่เข้าใจเลยว่าหลายปีที่ผ่านมา เหตุใดสาวน้อยผู้นี้ถึงไม่ยอมติดต่อขอความช่วยเหลือจากเขาเลยสักครั้ง หรือถ้าไม่หนักหนาสาหัสจริงๆ ก็จะไม่โทรขอความช่วยเหลือ
ชายหนุ่มถอนหายใจ ขณะก้มมองแก่นกายของตัวเองที่บัดนี้ เหยียดขยายขึ้นเป็นลำ อวดความยาวใหญ่อยู่ภายในกางเกง นอกจากโดนเมาเหล้าแล้วเขายังโดนวางยาอีก ใครกันที่กล้าลงมือเล่นงานเขา เขามั่นใจว่าไม่มีศัตรูในเมืองไทย คนที่เขาพอจะนับได้ว่าเป็นศัตรูก็มีเพียงผู้หญิงคนนั้น
โชคดีที่เขาเคยทดสอบใช้ยาพวกนี้เหมือนกัน พอช่วงเข้าวัยรุ่นเขาก็เริ่มฝึกความอดทนด้วยการยาปลุกอารมณ์ เพราะคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจถูกวางยา เพื่อป้องกันเรื่องที่จะเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน เขาจึงได้เริ่มทดลองใช้ยาเพื่อควบคุมความต้องการของตัวเอง
นึกไม่ถึงว่าเขาจะได้ใช้มันจริงๆ ร่างกายของเขาสามารถระงับความต้องการได้ในระดับหนึ่ง อย่างมากก็แค่ทำให้เขาสามารถหนีจากเหตุการณ์ตรงหน้าได้บ้างเล็กน้อย
โชคยังดีที่เขาได้เจอกับกชกร ไม่อย่างนั้นคืนนี้เขาคงลำบากไม่น้อย ถ้าไม่หาผู้หญิงมาร่วมหลับนอน เขาก็คงต้องช่วยเหลือตัวเองไปตลอดทั้งคืน อเล็กซิสหลับตาลงอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าของบ้านเดินออกมาจากห้องน้ำ...เสียงวางของลงบนโต๊ะ แล้วเขาก็ได้ยินเสียงอ่อนหวานเอ่ยกับเขา
“พี่อเล็กซ์ค่ะ เดี๋ยวหยกเช็ดตัวให้นะคะ พี่อเล็กซ์จะได้นอนสบายหน่อย” เจ้าของเสียงหวานเอ่ยบอกคนเมา ก่อนใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่บิดน้ำออกหมาดๆ ขึ้นมาเช็ดที่หน้าผ่านมายังลำคอแกร่ง “เดี๋ยวคืนนี้พี่อเล็กซ์นอนที่โซฟานะคะ ถึงบ้านหยกจะมีสองห้องนอน แต่ห้องนอนเล็กหยกทำเป็นห้องเก็บเสื้อผ้านะคะ” เธอร้องบอกเขาขณะที่ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมามองเธอด้วยแววตาลุ่มลึกและยากที่จะคาดเดา ใบหน้าของเขาระบายไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“น้องหยกช่วยพี่หน่อยได้ไหมครับ”
“พี่อเล็กซ์จะให้หยกช่วยเรื่องอะไรคะ”
กชกรถามด้วยความสงสัย ดวงตาคู่งามจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่แดงก่ำจนลามไปถึงลำคอแกร่ง นัยน์ตาคู่สีเขียวมรกตฉ่ำปรือชวนให้ลุ่มหลง
อเล็กซิสมองใบหน้าสวยหวานด้วยนัยน์ตาหื่นกระหายอย่างปิดไม่มิด ถ้ากชกรไม่แตะต้องตัวเขาก็ยังพอระงับความต้องการของตัวเองได้ แต่พอถูกอีกฝ่ายสัมผัส ความปรารถนาก็พุ่งพลุ่งขึ้นมาจนไม่สามารถควบคุมได้ จึงจับร่างบอบบางขึ้นมานั่งบนตัก
“ทะ...ทำอะไรคะพี่อเล็กซ์ ปล่อยหยกเดี๋ยวนี้นะคะ”
“หนูหยกช่วยพี่หน่อยนะครับ พี่ทนไม่ไหวแล้ว”
“ทะ...ทนไม่ไหว?”
“ครับ...พี่ทนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้พี่แข็งไปตัวแล้ว ถ้าไม่เชื่อ...หนูหยกก็จับดูสิครับ”
ชายหนุ่มไม่เพียงแต่พูด แต่ยังจับมือนุ่มนิ่มข้างหนึ่งไปลูบแก่นกายที่พองขยายใหญ่คับแน่นอยู่ใต้กางเกง จนคนที่ถูกดึงมือไปวางบนเป้ากางเกงถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาคู่งามเบิกกว้างพยายามดึงมือที่ถูกจับให้ลูบตรงเป้ากางเกงของเขาอย่างตื่นตระหนก และเธอไม่มีโอกาสได้เปล่งเสียงร้องโวยวายได้ เมื่อริมฝีปากหยักได้รูปก้มเข้ามาประกบปิดปากเธอเอาไว้
//////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...