ปองธรรมยกยิ้มบางๆ แต้มมุมปากเมื่อเห็นพี่สาวหุบปากเงียบ แล้วเหลือบมองโชติกาด้วยแววตาหวาดระแวง ถ้าไม่เจอด้วยตัวเอง เขาก็ไม่เชื่อเรื่องนิสัยที่แสนร้ายกาจของเธอ ที่ใครๆ บอกว่าน่ากลัวเป็นจริง ทุกครั้งที่เขากับพี่สาวทะเลาะกันต่อหน้าโชติกา ก็ไม่เห็นโชติกาจะว่าอะไรเลยสักคำ เพียงแต่เงยหน้าขึ้นมองเท่านั้น แต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง ดูท่าวันนี้หญิงสาวคงอารมณ์ไม่ดี ถ้าเขาเอ่ยขอโทษออกไปคงดี บรรยากาศในห้องนั่งเล่นคงดีกว่านี้ และเขาสามารถหายใจได้คล่องขึ้นด้วย
“ผมขอโทษครับคุณใบเตย”
“อืมม์...” โชติกาเพียงพยักหน้าตอบปองธรรมเท่านั้น ก่อนเหลือบมองพี่สาวของปองธรรมแวบหนึ่ง แล้วหันมาสนใจแฟ้มเอกสารที่ยังหล่นอยู่บนพื้น ยังไม่ทันที่เธอจะก้มลงเก็บ เสียงของปาลินีก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“เดี๋ยวฉันเก็บให้เองก็ได้”
“อืมม์...” โชติกาตอบสั้นๆ เธอนึกว่าปาลินีจะนั่งเฉย ไม่ยอมเก็บแฟ้มเอกสารที่หล่นไปกองอยู่บนพื้นเพราะฝีมือของตัวเองเสียอีก
“แกช่วยฉันเก็บหน่อยสิไอ้ป้อง”
“ทำเองก็เก็บเองสิพี่นี หัดทำอะไรด้วยตัวเองเสียบ้าง สมัยนี้เขาเลิกทาสกันหมดแล้ว” ปองธรรมตอบเสียงเข้ม
“ถ้าแกไม่ช่วย ก็ไม่ต้องพูดมาก” ปาลินีต่อว่าน้องชายอย่างขุ่นเคืองแทนที่จะช่วยเหลือ กลับมาต่อว่าเธออีก ถ้าไม่อยากช่วยก็ไม่เห็นต้องหาเรื่อง พูดจาประชดประชันกันก็ได้
“คุณป้องทำงานอะไรอยู่ตอนนี้” เมื่อหลายวันก่อนเธอเห็นปองธรรมเดินเข้าไปในบริษัทแห่งหนึ่ง เธอนั่งรอจนปองธรรมออกมาจากบริษัท แล้วจึงเข้าไปสอบถาม จึงได้รู้ว่าชายหนุ่มกำลังหางานทำอยู่
“ผมกำลังหาอยู่ครับ” ปองธรรมหรี่ตามองโชติกาอย่างแปลกใจ จู่ๆ ก็ถามเขาเรื่องงาน ต้องมีอะไรแน่ ถ้าไม่อย่างนั้นผู้หญิงคนนี้คงไม่คิดถามหรือสนใจเรื่องของเขาหรอก
“แล้วเรียนจบคณะอะไรมา”
“ผมจบมัณฑนศิลป์ สาขาออกแบบภายในมาครับคุณใบเตย”
“อยากทำงานกับฉันไหม” โชติกาถาม
“คุณใบเตยจะรับผมเข้าทำงานที่บริษัทหรือครับ” ปองธรรมถามอย่างตื่นเต้น สบตามองโชติกานิ่งเพื่อดูว่าเรื่องที่หญิงสาวพูดเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝัน พลันหัวใจเต้นแรงเล็กน้อย เมื่อเห็นสายตาจริงใจคู่นั่นมองมา ไม่คิดว่าเขาจะได้ยินประโยคนี้จากปากของผู้หญิงที่เขาคิดว่าร้ายกาจและเย็นชาที่สุดในคฤหาสน์ขจรเดช
“อืมม์...ว่าแต่คุณสนใจหรือเปล่า?”
“สนใจสิครับ” ปองธรรมตอบอย่างดีใจ ใครบ้างไม่อยากทำงานอินฟินิตี้ ควอลิตี้ เอ็นจิเนียริ่ง ที่จริงเขาเลือกสมัครงานที่นี่เป็นที่แรก แต่บริษัทนี้มีโชติกาเป็นเจ้าของบริษัท เขาเลยเลิกคิดที่จะไปสมัครงานที่นี่ เพราะไม่อยากมีปัญหากับมารดาและพี่สาว
“คืนนี้เตรียมเอกสารให้พร้อมสำหรับยื่นให้ฝ่ายบุคคล” โชติกาบอก
“ครับ” ปองธรรมรับคำ
“ถึงคุณจะเป็นคนในครอบครัวของฉัน ก็อย่าใช้อภิสิทธิ์ในฐานะญาติของเจ้าบริษัทเด็ดขาด ฉันไม่อยากเสียการปกครอง ทำให้พนักงานรู้สึกไม่ดีและคิดว่าฉันลำเอียงเข้าข้างญาติตัวเอง ถ้าคุณทำผิดหรือคิดยักยอกเงินของบริษัท ฉันจะไล่คุณออกจากบริษัททันที ที่พูดกับคุณแบบนี้ เพราะในอดีตเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับบริษัทมาแล้ว ฉันจึงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก”
“ผมเข้าใจครับคุณใบเตย ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
“ครับ” ปองธรรมพยักหน้ารับคำ ตอนนี้เขารู้สึกดีใจจนพูดไม่ออก นอกจากตอบโชติกาไปเพียงสั้นๆ เท่านั้น
ปาลินีเม้มปากเข้าหากันแน่น เหลือบมองน้องชายสลับกับโชติกาอย่างไม่พอใจ ตอนเธอขอเข้าไปทำงานโชติกาปฏิเสธเธอแทบทันที แล้วมันเพราะอะไร ทำไมโชติกาถึงชวนน้องชายของเธอไปทำงานด้วย
โชติกาวางแฟ้มเอกสารแฟ้มสุดท้ายลงบนโต๊ะ หยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาถือ จึงตัดสินใจลุกออกจากห้องนั่งเล่น เธอมานั่งรอบิดาเกือบสองชั่วโมง ท่านก็ยังไม่กลับมาเสียที ไม่รู้ตอนนี้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ทั้งที่เธอนัดกับท่านเอาไว้ แต่ดูเหมือนท่านจะลืมนัดของเธออีกแล้ว
ปาลินีกำหมัดแน่น หน้าบึ้ง รู้สึกโกรธอย่างแรงที่โชติกาไม่ให้ความสนใจเธอเท่าที่ควร ทั้งที่ความจริงคนที่โชติกาควรใส่ใจก็คือเธอไม่ใช่ปองธรรม เพราะถ้านับญาติกันแล้ว เธอต่างหากที่เป็นน้องไม่ใช่ปองธรรม
“ตอนที่ฉันขอไปทำงานที่บริษัท ทำไมเธอถึงปฏิเสธฉัน ทั้งที่ความจริงฉันกับเธอก็เกี่ยวดองกันแล้ว ลืมไปแล้วหรือไงว่าคุณพ่อของเธอกับคุณแม่ของฉันแต่งงานกัน ยังไงตอนนี้ฉันก็เป็นน้องสาวของคุณ” โชติกาชะงักเท้าที่กำลังเดินออกจากห้องนั่งเล่น แล้วหันกลับมามองปาลินีด้วยสายตาราบเรียบ ในใจเต็มไปด้วยความฉุนเฉียว ผู้หญิงคนนี้กล้ามาก ที่บอกว่าเป็นน้องสาวของเธอ
“โทษทีคุณนี ฉันไม่มีน้องสาว และที่ฉันไม่รับคุณเข้าไปทำงานที่บริษัท นั่นก็เพราะว่าคุณเรียนไม่จบอะไรเลยสักอย่าง ฉันต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถเข้าไปทำงานที่บริษัท”
“ถึงไม่ต้องเรียนจบ ฉันก็ทำได้”
“ฉันไม่มีนโยบายรับคนที่ไม่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาทำงานในบริษัทของฉัน”
“บริษัทของคุณลุงเทิดต่างหาก” ปาลินีเถียงขึ้นอย่างไม่ชอบใจ
“แต่ปัจจุบัน...บริษัทเป็นของฉัน จำเอาไว้ปาลินี ถ้ายังคิดจะอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ เธอควรหุบปาก แล้วทำตัวให้ดีกว่านี้ ให้เหมือนที่แม่ของเธอเคยโฆษณาเอาไว้ อย่าทำให้ฉันต้องไล่เธอออกจากบ้านหลังนี้”
“เธอกล้าดียังไงถึงจะไล่ฉันออกจากที่นี่”
“ถ้าอยากรู้ว่าฉันสามารถไล่เธอออกจากที่นี่ได้ไหม ก็ไปถามแม่ของเธอดูก็แล้วกัน”
“พอเถอะครับพี่นี” ปองธรรมร้องถามผู้เป็นพี่สาว
“หุบปากไปเลยไอ้ป้อง นี่มันไม่ใช่เรื่องของแก” ปาลินีหันมาตวาด เธอรู้สึกแค้นและอิจฉาในความโชคดีของน้องชาย ไม่ว่าจะทำอะไรปองธรรมมักทำได้ดีกว่าเธอเสมอ แม้แต่โชติกาก็ยังรักและเอ็นดูปองธรรมมากกว่าเธอ ทำไมทุกคนต่างก็รุมรักไอ้น้องต่างสายเลือดของเธอด้วย
ปองธรรมหุบปาก เม้มปากเล็กน้อย สองมือกำแน่น รู้สึกน้อยใจขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่ปาลินีโกรธหรือไม่พอใจอะไร ก็มักใช้น้ำเสียงและแววตารังเกียจเขาแบบนี้เสมอ อยากรู้เหมือนกันว่าเขาไปทำอะไรให้ปาลินีโกรธนักโกรธหนา เวลาไม่พอใจก็มักมาลงที่เขา
โชติกามองสองพี่น้องทะเลาะกันอย่างสงสัย คิ้วเรียวสวยขมวดขึ้น เห็นทีเรื่องที่เธอรู้มาคงเป็นเรื่องจริง แต่ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ความอิจฉาที่ปาลินีมีให้น้องชาย มันมากมายเหลือเกิน มากเสียจนเธอหวั่นใจ
“คุณป้อง”
“ครับคุณใบเตย”
“ช่วยถือแฟ้มเอกสารไปที่รถให้ฉันหน่อยสิ”
“ได้ครับ” ปองธรรมรับคำแล้วลุกจากโซฟาเดินไปรับแฟ้มเอกสารจากโชติกาแล้วเดินตามหญิงสาวออกจากห้องนั่งเล่น เขาก็ไม่อยากนั่งอยู่ในห้องนี้อีกเพราะเขาเบื่อแล้วเหมือนกันที่ต้องทะเลาะกับพี่สาว
“กรี๊ด!”ปาลินีกรีดร้องออกมาเพราะทำอะไรโชติกากับน้องชายไม่ได้ จากที่ไม่ชอบปองธรรมอยู่แล้ว ก็ยิ่งไม่ชอบหนักเข้าไปอีก เรียกว่าเกลียดเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่บิดารับปองธรรมเข้ามาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว คุณพ่อก็รักและเอ็นดูปองธรรมมากว่าเธอที่เป็นลูกแท้ๆ เสียอีก
“ฉันเกลียดแกไอ้ป้อง เพราะแกคนเดียว คุณพ่อถึงไม่รักฉัน ถ้าฉันไม่มีความสุข แกก็อย่าหวังว่าชีวิตนี้ แกจะมีความสุขเลย”
////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...