“ทำไม!” ภัทริยาถามต่ออย่างงอนๆ
“เลิกเซ้าซี้ใบเตยได้แล้วภัทร ถึงใบเตยซื้อคอนโด ก็ไม่ได้แปลว่าใบเตยจะไม่ไปนอนที่บ้านแกนี่นา” รวิพรพยายามไกล่เกลี่ย เธอเข้าใจเหตุผลที่โชติกาไม่อยากไปพักบ้านภัทริยา และยิ่งเข้าใจสิ่งที่ภัทริยาต้องการด้วย แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะไขว้คว้าความต้องการเหล่านั้นมา
โชติการู้สึกขอบใจในความหวังดีของภัทริยา เธอก็ไม่ต้องการรับความหวังดีของเพื่อนสนิทผู้นี้อยู่ดี เหตุผลหลักที่เธอไม่อยากไปอาศัยอยู่ด้วยก็คือ ภัทริยาไม่ได้คิดกับเธอแค่เพื่อน แต่มันลึกซึ้งกว่านั้นมาก
“รู้แล้วน่า แกเลิกบ่นได้แล้วไอ้พร” ภัทริยาหันมาแว้ดใส่รวิพรอย่างไม่พอใจ ทำไมถึงชอบขัดความต้องการของเธออยู่เรื่อย ก็รู้อยู่ว่าเธอคิดยังไงกับโชติกา แค่ร่วมมือกับเธอนิดหน่อย คงไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนต้องพังลงหรอก
รวิพรส่ายหน้าไปมากับนิสัยเอาแต่ใจของภัทริยา ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าภัทริยารู้สึกอย่างไรกับโชติกา และเธอก็รู้ดีว่าโชติกาไม่ได้คิดอะไรกับภัทริยา ขืนเธอปล่อยให้ภัทริยาทำตามใจ คงเกิดเรื่องที่ยากจะแก้ไขเข้าสักวัน
โชติกาส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอาระคนเบื่อหน่ายเล็กน้อยกับนิสัยเอาแต่ใจของภัทริยา ตั้งแต่เล็กจนโต นิสัยไม่เคยเปลี่ยน ถ้าไม่ติดว่ารู้จักและสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เธอคงเลิกคบไปแล้ว ยังเรื่องที่ภัทริยาคิดกับเธอเกินเพื่อนอีก ไม่รู้บ้างหรือไง ว่าเธอลำบากใจแค่ไหน ถ้าพูดไปก็กลัวจะทำให้ภัทริยาเสียใจ แล้วยังความสัมพันธ์ของครอบครัวอีก จะตัดสินใจทำอะไรสักทีก็ดูยุ่งยากไปหมด
“คืนนี้ไปเที่ยวกันไหมใบเตย” ภัทริยาถามเมื่อเห็นโชติกานั่งเงียบ
“ไม่ล่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องเข้าประชุมเช้า”
“จะประชุมอะไรนักหนาใบเตย เมื่ออาทิตย์ก่อน บริษัทใบเตยก็เพิ่งประชุมไปเองไม่ใช่หรือไง”
“ใบเตยเป็นเจ้าของบริษัทนะภัทร ไม่ใช่พนักงานในบริษัท ว่าแต่ภัทรเถอะเรียนจบมาหลายปีแล้ว ไม่คิดทำงานบ้างหรือไง” รวิพรบอก ขณะเบนสายตาไปมองโชติกาที่เอาแต่นั่งทานอาหารไม่สนใจบทสนทนาของเธอกับภัทริยาเท่าไร ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโชติกาถึงไม่พูดออกไปตรงๆ เกี่ยวกับเรื่องปัญหาที่เป็นอยู่ในขณะนี้
หรือถ้าพูดออกไปแล้ว กลัวภัทริยาจะเสียใจแล้วต้องเลิกคบกันไป
“ถ้าตำแหน่งงานที่บริษัทของใบเตยว่าง ฉันอาจจะทำก็ได้”
“โทษทีนะภัทร ตอนนี้ที่บริษัทไม่มีตำแหน่งว่างเลย” โชติกาปฏิเสธทันควัน ให้ภัทริยาไปทำงานที่บริษัท มีหวังคงได้วุ่นวายกันทั้งบริษัท พนักงานหลายคนก็ไม่ชอบนิสัยของภัทริยาด้วย เพราะเมื่อสองปีก่อน ภัทริยาเข้าไปอาละวาดจนบริษัทเกือบเสียชื่อเสียง
“ญาติๆ ของแกก็มีบริษัทไม่ใช่เหรอภัทร ทำไมไม่ไปทำงานที่บริษัทของญาติแกล่ะ” รวิพรถามอย่างสงสัย ถ้าคิดจะรอตำแหน่งงานที่บริษัทของโชติกา เธอมั่นใจเลยว่าชาตินี้ทั้งชาติ ภัทริยาก็ไม่มีโอกาสจะได้เข้าไปทำแน่นอน
“ฉันอยากทำงานกับใบเตยมากกว่า” ถ้าไม่ได้ทำงานที่บริษัทของโชติกา เธอก็จะไม่ไปทำงานที่บริษัทอื่นเด็ดขาด ยิ่งถ้าเป็นบริษัทของญาติฝ่ายบิดาด้วยแล้ว เธอยิ่งไม่ทำเข้าไปใหญ่
โชติกากับรวิพรแอบถอนหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน เมื่อได้ฟังคำพูดของภัทริยา โรงแรมที่ญาติของภัทริยาบริหารอยู่ มีแต่คนอยากเข้าไปทำงานทั้งนั้น แล้วคนที่โอกาส? ทำไมถึงไม่เข้าไปทำ
“รีบกินเถอะพร นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันอยากกลับบ้านไปนอนแล้ว”
“อืมม์” รวิพรตอบ แล้วลงมือจัดการอาหารบนโต๊ะ
“ภัทรก็รีบกินเถอะ ขับรถกลับบ้านดึกๆ มันอันตราย” โชติกาหันมาเตือนภัทริยาอีกคน เอาแต่นั่งเขี่ยอาหารอยู่ได้ แล้วเมื่อไรถึงจะอิ่ม เธอไม่ใช่แม่พระที่คอยดูแลคนอื่นมากกว่าตัวเอง
“ใบเตยก็ไปส่งภัทรสิ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”
“ภัทร” โชติกาเรียกภัทริยาเสียงเข้มกว่าเดิมเล็กน้อย
“โอเคๆ ภัทรเข้าใจแล้ว” ภัทริยาตอบอย่างงอนๆ เมื่อถูกปฏิเสธจากโชติกา แค่ไปส่งเธอที่บ้านแค่นี้ ทำไมต้องไม่พอใจด้วย เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยหรือโชติกาจะรู้เรื่องที่เธอรัก...ไม่จริงน่า ถ้ารู้ก็ต้องพูดอะไรออกมาบ้างแล้วสิ แต่เธอยังไม่เห็นโชติกาพูดหรือแสดงอาการรังเกียจเธอเลยจากนั้นโต๊ะอาหารก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง เริ่มกังวลกับบรรยากาศที่ชวนอึดอัดอยู่รอบๆ ตัว หลังจากทานอาหารอิ่ม โชติกา รวิพรและภัทริยาก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
////////
สามเดือนผ่านไป...
โชติกาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารบนมือ มองไปจุดที่เสียงดังแว่วเข้ามาในหู และเธอก็ได้เห็นลูกสาวคุณนลินีเดินหัวเราะอย่างมีความสุขเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น สองมือเต็มไปด้วยถึงกระดาษยี่ห้อดัง
ปาลินีหยุดหัวเราะลงเมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แล้วเดินหน้าระรื่นเข้ามานั่งข้างโชติกา วางกระเป๋าสะพายและข้าวของที่ซื้อมาลงบนโต๊ะจนแฟ้มเอกสารหล่นลงบนพื้น
“วันนี้ไม่ไปทำงานหรือค่ะคุณใบเตย”
“คุณนีไม่รู้หรือค่ะว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์”
“พี่นีไม่รู้หรอกครับคุณใบเตยว่าวันนี้เป็นอาทิตย์ เพราะปกติพี่นีก็จำวันไม่ค่อยจะได้อยู่แล้ว” ปองธรรมที่เดินออกมาจากห้องหนังสืออธิบายให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของคฤหาสน์ฟังอย่างอารมณ์ดี ก่อนหันไปติหนิพี่สาวเล็กน้อย
“ทำไมเอาของไปวางบนโต๊ะล่ะครับพี่นี ไม่เห็นหรือไงว่ามีแฟ้มเอกสารวางอยู่เต็มโต๊ะ”
“เห็น” ปาลินีตอบอย่างไม่แยแส ไม่สนใจด้วยว่าใครจะคิดหรือรู้สึกอย่างกับเรื่องที่เธอทำลงไป ในเมื่อเธอกับโชติกาไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย
“เห็นแล้ว ทำไมยังทำล่ะครับ”
“เรื่องของฉัน เกี่ยวอะไรกับแกด้วย”
“เพราะมันไม่เหมาะสมไงครับพี่นี ถ้าใครมาเห็น เดี๋ยวจะหาว่าพ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนเอาได้”
“ไอ้ป้อง” ปาลินีหันมาตวาดใส่น้องชายอย่างเหลืออด
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว อายสาวใช้กันบ้างสิ” โชติกาตำหนิ วางเอกสารใส่แฟ้มตามเดิม ก่อนรับแฟ้มที่ตกบนพื้นจากปองธรรม ครั้งแรกที่เห็นลูกสาวและลูกชายของคุณนลินี อดสงสัยไม่ได้ว่าปาลินีกับปองธรรมเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาจริงๆ หรือเปล่า?
ทำไมนิสัยหรือถึงต่างกันสุดขั้วนัก!
ปองธรรมกับปาลินีหยุดทะเลาะและหันมามองโชติกาอย่างสงสัยแกมแปลกใจ เพราะตั้งแต่พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ โชติกาไม่เคยใช้น้ำเสียงเย็นชาชวนให้หนาวยะเยือกลงไปถึงหัวใจเลยสักครั้ง
ปาลินีนั่งเงียบกริบ ตัวตรง เหลือบมองโชติกาอย่างหวาดระแวง ถึงจะเคยทะเลาะกันหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนน่ากลัวเท่าครั้งนี้เลยก็ว่าได้ หรือเป็นเพราะเธอทำแฟ้มเอกสารบนโต๊ะตกลงพื้น เลยทำให้โชติกาไม่พอใจ
////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...