เจ้าสาวที่ไม่ใช่สเป็ก

1331 Words
บทที่ 5 เจ้าสาวที่ไม่ใช่สเป็ก “ถ้าเหตุผลทางธุรกิจมันบังคับล่ะ” นวพลมองเพื่อนรักที่นิ่งเงียบเป็นครั้งแรกตั้งแต่พูดเรื่องนี้กัน ถึงแม้เธอจะเป็นคนดื้อรั้นและเอาแต่ใจตัวเอง แต่สิบหกปีที่เป็นเพื่อนกันมาทำให้เขารู้ว่าเธอเป็นคนแข็งนอกแต่อ่อนใน ปากร้ายแต่ใจดี เธอมีเหตุผล มีน้ำใจและเอาใจใส่ต่อคนรอบข้างตามสไตล์ของเธอ “แกก็คิดซะว่าพี่นุ่มเขาแต่งงานแทนแกก็แล้วกันนะนิ่ม แกจะได้เลิกโกรธพี่เขา” “มาแต่งแทนฉันทำไม ฉันโตพอที่จะแต่งงานได้แล้วเหมือนกัน” เธอเริ่มสงสัยว่ามันจะเป็นแบบที่เพื่อนพูดหรือไม่ “เมื่อกี้แกยังบอกว่าไม่อยากแต่งอยู่เลยนะ” “ก็แกมาพูดให้ฉันคิดทำไมล่ะ” ท่อนขายาวแต่ไม่ค่อยเรียวยกขึ้นหมายจะยันใส่เพื่อนหนุ่ม แต่โทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นมาซะก่อน จึงต้องเปลี่ยนใจไปหาโทรศัพท์แทน “พี่กูลโทรมา” เธอปั้นหน้าเครียดเพราะสังหรณ์ใจว่าจะไม่ใช่เรื่องดี “ปิ่นรับสายแทนนิ่มหน่อยสิ บอกว่านิ่มเข้าห้องน้ำก็ได้” ปรียากรที่นั่งเงียบมาตลอดถูกยัดโทรศัพท์ใส่มือ หล่อนจึงกดรับสาย กรอกเสียงทักทายสวัสดีลงไปและพูดตามที่โชติรสบอก “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” กดรอสายเพื่อให้ปลายทางได้ฟังเสียงดนตรีและตัวเองได้คุยสะดวก “พี่เขาบอกว่าให้ฉันเรียกแกให้หน่อย เขามีเรื่องด่วนมากที่ต้องคุยกับแกให้ได้” แล้วยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อน “รับเถอะนิ่ม น้ำเสียงพี่เขาไม่ดีเลยว่ะ” ได้ยินดังนั้นโชติรสจึงยอมรับโทรศัพท์จากเพื่อนมากดรับ “หนูนิ่มเองค่ะพี่กูล.. พี่กูลรู้แล้วเหรอคะ” เธอถามเสียงเครือเพราะรู้สึกสงสารเขาเหลือเกิน (นุ่มเขาโทรบอกพี่เมื่อกี้นี้เอง พี่ตั้งตัวไม่ติดเลยนิ่ม พี่อยากจะถามเขาตั้งหลายอย่างแต่เขาไม่เปิดโอกาสให้พี่ถามเลย นิ่มพอจะรู้ไหมว่าทำไมนุ่มเขาถึงทำกับพี่แบบนี้ พี่ทำอะไรผิดใจเขาไปหรือเปล่า นิ่มบอกพี่หน่อยได้ไหม) หญิงสาวปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเพราะความสงสารและเห็นใจจับใจ “หนูนิ่มก็ไม่รู้ว่าทำไมพี่นุ่มถึงทำแบบนี้เหมือนกัน แต่หนูนิ่มมั่นใจว่าพี่นุ่มต้องมีเหตุผลและหนูนิ่มก็รู้ว่าพี่นุ่มยังรักพี่กูลอยู่” (พี่อยากคุยกับนุ่ม อยากจะอ้อนวอนเขา นิ่มช่วยพี่หน่อยนะ) “วันนี้เลยเหรอคะพี่กูล” (พี่มีโอกาสแค่วันนี้เท่านั้น เพราะเขากำลังจะเป็นของคนอื่น พี่อยากใช้โอกาสที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเปลี่ยนใจเขา นิ่มช่วยพี่ด้วยนะ) “ค่ะ หนูนิ่มจะช่วยพี่กูลเอง” เธอรับปากอย่างไม่ลังเลเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเขา ต่อให้เธอต้องแต่งงานกับไอ้ฝรั่งนั่นแทนพี่สาวเธอก็จะแต่ง เพื่อให้คนที่เธอรักทั้งคู่ได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข คฤหาสน์อัครวัตร โชติกามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกบานใหญ่ วันนี้เธอคือเจ้าสาวที่งดงามไร้ที่ติ แต่เธอกลับไม่มีความสุขแม้สักนิด หัวใจของเธอมีแต่ความเจ็บปวดและโศกตรม และเกลียดตัวเองที่เห็นแก่ตัว ถึงขั้นกล้าทำร้ายจิตใจผู้ชายที่รักเธอมากคนหนึ่งได้ลงคอ เธอหยิบกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตาที่เริ่มไหล แต่ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหล สุดท้ายเธอก็ปล่อยให้มันไหลออกมาตามที่ใจต้องการ สตรีวัยกลางคนที่แอบมองเจ้าสาวร้องห่มร้องไห้ปานใจจะขาดกับรูปใบหนึ่งค่อยๆ ปิดประตูอย่างเบามือที่สุด นางหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาด้วยความรู้สึกปวดใจเหลือเกิน ที่ต้องมาเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเสียใจ เพราะเธอเป็นคนเลือกแบบนี้เอง นางยืนทำอารมณ์อยู่สักพักแล้วจึงเดินลงไปที่ชั้นล่างเพื่อทำหน้าที่ของแม่คนหนึ่ง ไบรอันยืนขึ้นเมื่อเห็นสตรีที่เดินลงมาจากชั้นบน จำได้ว่าท่านคือมารดาของว่าที่เจ้าสาวคนสวยที่ไม่ใช่สเป็กของเขาสักนิด เขาเดินไปหาท่านแล้วโค้งศีรษะกล่าวคำทักทายอย่างอ่อนน้อม สุริสาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่กำลังจะกลายมาเป็นลูกเขยคนโตตามกฎหมาย และนางก็เดาว่าเขาคงอยากจะเจอเจ้าสาว แต่เวลานี้มันยังไม่เหมาะ ที่สำคัญกว่านั้น.. “ฉันอยากให้คุณช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม” “ได้สิครับมาดาม” นางมองไปทางสามี เห็นเขากำลังคุยกับครอบครัวของว่าที่ลูกเขยโดยไม่ได้สนใจมองมาทางนี้ “เราไปคุยกันที่ห้องหนังสือดีกว่า” “ได้ครับ” ไบรอันตอบรับและเดินตามไปอย่างไม่ลังเลถึงแม้จะสงสัยอยู่บ้าง “เชิญพูดมาเลยครับมาดาม” เมื่ออยู่ในห้องหนังสือด้วยกันตามลำพังเขาก็เปิดปากถามทันที “คุณอย่าเพิ่งจดทะเบียนสมรสกับลูกสาวฉันตอนนี้ได้ไหม” สุริสาไม่อ้อมค้อม “..มาดามกลัวผมจะหลอกลูกสาวมาดามเหรอครับ ความจริงเราแต่งงานกันเพราะธุรกิจ เราก็กำลังหลอกกันอยู่แล้วนี่ครับ” เขาไม่กลัวว่าสุภาพสตรีท่านนี้จะโกรธเพราะที่พูดมันคือเรื่องจริง และเขามั่นใจว่าท่านเองก็รู้ดี “มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก ฉันแค่อยากให้ลูกสาวฉันมีเวลาทบทวนบางอย่างเท่านั้น แต่ฉันพูดเรื่องนี้กับเธอไม่ได้เพราะเธอคงไม่ฟังฉัน ฉันจึงอยากให้คุณช่วย” แค่ยื้อเวลาจดทะเบียนสมรสจะยื้อไปทำไม ถ้าให้ยื้อเวลาแต่งงานออกไปสิเขาจะรีบรับปากทันที “ผมเสียใจที่ไม่สามารถช่วยมาดามได้ ขอตัวก่อนนะครับ” แล้วเดินออกไปจากห้อง เพราะกลัวจะเผลอใจอ่อนถ้าได้ยินประโยคต่อไปของท่าน โชติลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจเมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กที่ออกจากบ้านไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้กลับมา เขาเรียกเธอแล้วกวักมือเรียกให้เข้ามาหา “เธอคือน้องสาวของลิก้า ชื่อโรส” เขาบอกกับครอบครัวของไบรอันแล้วหันไปบอกกับลูกสาว โดยใช้ชื่อที่พวกเธอใช้กับเพื่อนฝรั่งเพื่อให้ง่ายต่อการเรียกหา “รู้จักกันไว้สิลูก” โชติรสฝืนใจส่งยิ้มให้กับแขกฝรั่งของบิดา ไหว้พวกเขาตามวัฒนธรรมไทยเมื่อถูกท่านแนะนำให้รู้จัก แต่คนไหนล่ะที่จะมาเป็นพี่เขยของเธอ เธอมองไปที่ชายหนุ่มสองคนทางด้านขวามือ คนหนึ่งดูเด็กไปหน่อยสำหรับคำว่าเจ้าบ่าว ส่วนอีกคนหนึ่งมีเด็กหญิงตัวน้อยกำลังนั่งอยู่บนตัก และเธอก็ได้ยินเด็กน้อยเรียกเขาว่าพ่อ “พี่นุ่มล่ะคะคุณพ่อ” บางทีเขาอาจจะอยู่กับพี่สาวของเธอก็ได้ “พี่นุ่มเขาบ่นว่าปวดหัวพ่อก็เลยให้ขึ้นไปพักก่อน เพราะเจ้าหน้าที่จากเขตนัดมาบ่ายๆ โน่น” “ก็แค่แต่งงานเพื่อธุรกิจไม่เห็นจำเป็นต้องมีฤกษ์มียามเลยนี่คะคุณพ่อ” ใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มพูดประชดบิดา “จริงๆ มันก็ไม่มีฤกษ์มียามหรอกลูก พี่สาวของลูกบอกว่านัดนายทะเบียนเอาไว้ตอนบ่ายสองโมง ตอนนี้ก็เลยเป็นเวลาว่างเพราะเสร็จพิธีไปหมดแล้ว พ่อก็เลยให้พี่เขาไปพักเพราะอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลา” โชติอธิบายให้ลูกสาวสุดที่รักเข้าใจ เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกแย่ไปกว่านี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD