ตอนที่ : 10 หัวใจว้าวุ่น

1281 Words
4 หัวใจว้าวุ่น คนถูกกวนตลอดทั้งคืนลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างลำบากยากเย็น มือน้อยควานหาสามีด้านข้างก็เจอแต่ความว่างเปล่า วธุกาปรับสายตาให้เข้ากับแสงแดดตอนเช้าก่อนจะยันกายลุกขึ้นนั่ง มองดูพื้นที่ว่างเปล่าด้านข้างและยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าได้กอดใครบางคนมาตลอดทั้งคืน รีบสลัดความคิดนี้ออกจากหัวลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไป ชีวิตมันจะอยู่แค่นี้จริงๆ หรือ วธุกาเริ่มตั้งข้อสงสัยให้กับการใช้ชีวิตคู่ของเธอกับเขา เสียงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่ายามมองดูผู้หญิงที่ยืนอยู่ในกระจกแผ่นใหญ่ตรงหน้า หญิงสาวผู้มีใบหน้ารูปไข่ริมฝีปากสวยอวบอิ่มกับดวงตาที่หวานซึ้งรับกับคิ้วโค้งพอเหมาะ ทุกอย่างลงตัวสวยตามฉบับสาวไทย วธุกามีความสูง 165 เซนติเมตร น้ำหนัก 48 กิโลกรัม รูปร่างอวบอัดได้สัดส่วน เพราะการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอในแต่ละวันทำให้รูปร่างยังคงสวยงามอยู่แม้จะมีอายุสามสิบห้าปีเข้าไปแล้ว ความจริงแล้วเธอไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลย เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสได้พบผู้ชายคนไหนที่ถูกใจมาก่อนหน้านี้ แต่บทจะพลาดก็ง่ายดายเหลือเกิน หญิงสาวมองโทรศัพท์มือถือแล้วรีบกดสายออกไปหายายนวลน้อย “ว่าไงยัยวาทแต่งงานไม่กี่วันก็คิดถึงยายแล้วเหรอ” ยายนวลน้อยทักหลานสาวอย่างอารมณ์ดี พลอยทำให้วธุกายิ้มออกได้ “พูดแบบนี้คุณยายไม่คิดถึงวาทใช่ไหมคะ” “คิดถึงสิ ว่างๆ ก็มาหายายได้นะ” “ไปวันนี้เลยได้ไหมคะ” “หืม มีอะไรหรือเปล่าวาท ไปอยู่กับคุณวิเนตย์ได้ไม่กี่วันก็จะกลับมาหายายแล้วเหรอ เดี๋ยวทางโน้นเขาก็จะเข้าใจผิดเอาหรอก” ผู้เป็นยายเอ่ยถึงความไม่เหมาะสม เพราะหลานสาวแต่งงานไปได้แค่สองวันเท่านั้นเองก็คิดจะกลับมาหาตนเสียแล้ว “เขาไม่เข้าใจผิดหรอกค่ะคุณยายไม่ต้องเป็นห่วง ว่าแต่มีเรื่องหนึ่งที่วาทอยากถามคุณยาย” “เรื่องอะไรพูดมาตอนนี้เลยก็ได้ ไม่ต้องถึงกับมาหายายก็ได้เกรงใจสามีวาท” “คือว่า...วาท วาทอยากกลับไปทำงานที่รีสอร์ตของเราอีก คุณยายจ้างวาทเหมือนเมื่อก่อนได้ไหมคะ” วธุกาคิดอยู่นานกว่าจะกล้าเอ่ยเรื่องนี้กับยายนวลน้อย ซึ่งผลของการพูดก็คือความเงียบคล้ายอึดอัดใจของคนที่อยู่ปลายสาย “คงจะไม่ได้หรอกวาท เพราะว่าหน้าที่ดูแลลูกค้าของรีสอร์ตเรา ยัยตีมอบหมายให้ยัยอรดูแลแทนวาทแล้ว เอาเงินเดือนส่วนนี้จ่ายยัยอร เพื่อที่จะได้มีคนสืบทอดกิจการในวันข้างหน้า” วธุกาได้ยินแล้วก็หันไปด้านข้างแล้วเป่าลมออกปากเสียยาวเหยียด ด้วยไม่อยากให้ยายนวลน้อยต้องได้ยิน “วาท มีอะไรหรือเปล่า” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณยาย นั่งๆ กินๆ นอนๆ แล้วเหมือนคนไม่มีค่ายังไงไม่รู้ ก็คนมันเคยทำงานมาตลอดนี่คะ” “ก็ช่วยงานสามีไปสิ รีสอร์ตเขาออกจะใหญ่โต ทำแบบนั้นมันถึงจะถูก ถ้ากลับมาช่วยงานยายนี่มันทำไม่ถูกนะยัยวาท คนจะครหาคุณวิเนตย์เขาได้ คิดอะไรไม่เข้าท่า” เสียงตำหนิแกมหวังดีของผู้เป็นยายทำให้หลานสาวถึงกับอมยิ้มนิดๆ “ค่า วาทมันคิดไม่เข้าท่า เฮ้อ งั้นวาทไม่ไปหาคุณยายแล้วก็ได้เอาไว้สักอาทิตย์หนึ่งก่อนดีกว่า วาทคิดถึงคุณยายนะคะ” มีหยอดเสียงหวานตอนท้ายด้วย “ยายก็คิดถึงวาทเหมือนกัน มีครอบครัวแล้วก็หมั่นดูแลเอาใจใส่สามีนะวาท ท่องคำว่า อภัย ให้มากกว่าคำว่า โกรธหรือโมโห นะลูก ไม่มีชีวิตคู่ไหนที่เขาสมบูรณ์แบบกันหรอก มันก็ต้องมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่ยายเชื่อว่าวาทจะรับมือเรื่องพวกนี้ได้ คนดีย่อมได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทนเสมอนะวาท” “วาทจะพยายามค่ะคุณยาย” แม้จะไม่รู้ว่าตนเองทำได้อย่างที่รับปากหรือเปล่า แต่วธุกาก็อบอุ่นในหัวใจทุกครั้งยามที่ได้ยินคำสั่งสอนจากปากของผู้เป็นยาย ฝ่ามือเหี่ยวย่นที่คอยวางทาบบนดวงหน้าช่างอ่อนโยนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก อ้อมกอดของยายนวลน้อยคือที่สุดของชีวิตที่เธอไม่เคยได้รับจากคนที่ได้ชื่อว่า แม่ วางสายจากผู้เป็นยายแล้ววธุกาก็เลือกสวมใส่ชุดกางเกงยีนขายาวกับเสื้อยืดสีขาวมัดผมยาวเป็นหางม้า บุคลิกทะมัดทะแมงเหมือนตอนทำงานที่รีสอร์ตยายนวลน้อย วันนี้เป็นวันธรรมดาลูกค้าในรีสอร์ตไม่ได้เยอะเหมือนวันหยุดสุดสัปดาห์ วธุกาเดินไปยังห้องอาหารของลูกค้า เพียงได้เห็นสามีถือจานตักอาหารหญิงสาวก็หลบฉากไปมุมด้านข้างในทันที หัวใจเริ่มเต้นตึกตักๆ เพราะภาพอันวาบหวิวเมื่อคืนกำลังหวนมาให้รู้สึกอับอาย ‘เย็นไว้วาทๆ’ “เอ้า คุณวาทวันนี้ลงมาทานอาหารเช้าพร้อมคุณวิเนตย์เลยนะคะ” เสียงทักของพนักงานหญิงทำให้สามีของเธอรู้ตัวแล้วหันกลับมามอง วิเนตย์ยกมุมปากขึ้นนิดหนึ่ง ก่อนจะถือจานข้าวเดินไปวางลงบนโต๊ะริมหน้าผาที่ประจำของเธอ (คิดเองว่าประจำก็มาทีไรว่างทุกที) “จ้า แล้วทำไมคุณวิเนตย์ของเธอถึงได้มาทานอาหารช้าล่ะ นี่มันจะแปดโมงแล้วนะ” “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เห็นแวะมาหลายรอบแล้ว แต่เพิ่งตัดสินใจตักอาหารก็เมื่อกี้นี้เอง นี่จานค่ะคุณวาท” พนักงานหญิงพูดพร้อมกับหยิบจานใบใหญ่มาให้วธุกา “ฉันกินข้าวต้มจ้ะ ขอบใจมาก” หญิงสาวยิ้มให้แล้วหยิบจานใบใหญ่จากมือของอีกคนนำกลับไปวางไว้ที่เดิม แล้วเปลี่ยนไปหยิบถ้วยมาตักข้าวต้มแทน วธุกาถือถ้วยข้าวต้มอยู่นานก่อนจะเดินไปนั่งอยู่ฝั่งด้านข้างกับสามี เหลือบตามองจานข้าวของเขากลับพบว่ามันไม่ได้พร่องลงไปเลยสักนิดเดียว “ผมรอกินข้าวกับคุณอยู่” เขาพูดเหมือนรู้ความคิดของภรรยา วธุกายิ้มไม่ออกเพราะบอกความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ หน้าของสามีไม่ได้มีความยินดีหรืออยากรอคอยที่จะได้นั่งรอภรรยาเลยสักนิด “ไม่ต้องรอก็ได้นี่คะ ฉันกินข้าวคนเดียวก็ได้” “ใครว่าผมตั้งใจรอ แค่เห็นคุณก็เลยจำต้องรอเท่านั้นเอง กินข้าวเถอะคุณวาท เดี๋ยวผมจะต้องไปทำงานต่อแล้ว” เขาพูดแล้วใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกเข้าปาก วธุกามองดูอาหารของสามีก็พบว่าเขารับประทานหลากหลายอย่างมาก มีทั้งอาหารนานาชาติ ข้าวต้ม ผลไม้ และเครื่องดื่มเกือบทุกชนิดที่อยู่ในห้องอาหาร “มีอะไร” “คุณกินเยอะจัง” “ไม่กินเยอะแล้วจะรู้รสชาติอาหารรีสอร์ตของตัวเองเหรอ คุณเองก็เถอะควรจะตักมาให้เยอะชิมรสชาติเผื่อลูกค้าด้วย เวลาเจออะไรผิดปกติจะได้บอกกล่าวทางห้องครัวได้ทัน” “ฉันไม่ใช่หนูทดลองอาหารนะ คุณก็ให้แม่ครัวของคุณชิมไปสิคนออกเยอะแยะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD