บทที่ 7 ของเล่น?

1438 Words
...แต่พอญาตาหันหน้ามาก็ต้องตกใจ ไหล่หนาสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเธอหันมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ชนินทร์มองเธอตาแข็งไม่ได้เผยพิรุธว่ายืนมองนานแล้ว “มะมีอะไรหรือเปล่าคะ” ว่าติด ๆ ขัด ๆ “รีบหน่อย หิว” เขาว่าเสียงเข้ม ส่วนคนตัวเล็กก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เร่งความร้อนก็คงไม่ได้เพราะมันจะทำให้อาหารไม่อร่อย “เอ่อ พอดีว่าต้องใช้เวลาหน่อยค่ะ...มีขนมรองท้องนะคะ” ว่าพลางกระตุกยิ้มเล็กน้อย เธอทำขนมเค้กไว้ให้ลูก เผื่อว่าเขาจะอยากกิน สายตาคมกวาดมอง ก่อนจะพยักหน้าลงเบา ๆ “เอามาสิ” ได้ยินอย่างนั้นก็เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน หยิบเอาขนมเค้กกล้วยไข่มาให้เขา “ติดหวานหน่อย ๆ นะคะ ยัยหนูชอบหวาน คงไม่ถูกปากคุณใหญ่สักเท่าไร” เขารับมาก่อนจะมองเธอด้วยสายตาประมาณว่าพูดมากอะไรของเธอ ญาตายิ้มแหย ๆ ก่อนจะกลับไปทำต้มยำกุ้งต่อ “คุณใหญ่ไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารได้เลยนะคะ” เธอรับรู้ถึงรังสีสายตาของเขาที่แผ่กระจายออกมา จะคิดว่าเขาพิศวาสอยากยืนมองคงไม่ใช่ เธอแค่คิดไปเอง ...ชนินทร์เดินกินเค้กกล้วยไข่ในมือไปที่โต๊ะอาหาร เวลาใกล้หัวค่ำแบบนี้เขาไม่ค่อยจะอยู่บ้าน แต่ว่าเพิ่งลงเครื่องบินมาทำให้รู้สึกเหนื่อยจึงไม่อยากออกไปไหน เค้กกล้วยหอมของเธออร่อยดี เขากินจนหมดในพริบตาเดียว อยากจะกินอีกสักชิ้น แต่ถ้าถามหาเธอคงคิดว่าเขาชอบและอยากกินอีกเป็นแน่ ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอกักเก็บความต้องการจริง ๆ ไว้ในใจ ...ญาตาเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับถ้วยกระเบื้องขนาดใหญ่ กลิ่นหอมของมันกุ้งทำเอาท้องของเขาร้องโครกคราก มองคนตัวเล็กวางถ้วยลง ก่อนที่เธอจะเดินหายกลับไปที่ห้องครัว หายไปสักพักก็ออกมาพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ “ระวังร้อนนะคะ” เขาชำเลืองสายตามอง ในใจคิดว่าเธอคิดว่าเขาโง่หรือถึงไม่รู้ว่าร้อน ทว่า “อ่า...ร้อนฉิบ” “น้ำค่ะ...” ฝ่ามือเล็กรีบคว้าเอาแก้วน้ำเปล่าให้เขาทันควัน ชนินทร์รีบคว้ามาดื่ม รู้สึกเหมือนลิ้นจะลวก แต่พอวางแก้วน้ำลงก็เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มอมยิ้มอยู่ “ยิ้มไรของเธอ สะใจหรือไง” “ปะเปล่านะคะ” ญาตาก้มหน้างุด เธอขยับถอยหลังไปยืนทางด้านหลังของเขา ประสานมือกุมไว้ที่หน้าขารอคอยรับใช้เขา ...เธอทำอาหารอร่อยมาก ละมุนลิ้นและกลิ่นหอมจากมันกุ้งก็ทำให้เขากินข้าวจนหมดจาน แต่พอจะเอ่ยปากบอกให้เธอตักข้าวมาอีก คำพูดมันก็ติดอยู่ในลำคอ “รับข้าวเพิ่มไหมคะ” ญาตามองเห็นจานเกลี้ยง ๆ ของเขา ซึ่งชนินทร์ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มกระหยิ่มในใจ “อือ” “สักครู่นะคะ” เธอดีใจที่เขาชอบอาหารที่เธอทำแม้นปากจะไม่พูด แต่เธอก็พอรู้ว่าเขาชอบอาหารที่เธอทำ ...ชนินทร์กินข้าวหมดจานที่สองถึงยอมลุกจากเก้าอี้ให้เธอเก็บกวาด ร่างหนาเดินไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เขาเอื้อมมือไปเปิดเพลงแจ๊สนั่นทำให้ให้ญาณินที่นอนอยู่บนเบาะสะดุ้งตื่น ดวงตาคมสบกับดวงตากลมโตนั้น “คุณพ่อ...” ก้อนน้ำลายถูกกลืนลงคอ ญาณินขยี้ตามอง ก่อนที่เธอจะหันหาคนเป็นแม่ ความงัวเงียและถูกรบกวนเวลานอนทำให้เด็กน้อยร้องไห้ออกมา แต่ก็พยายามไม่มีเสียงเพราะรู้ว่าผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้าไม่ชอบ “ณิน...” ร่างบางรีบเดินมาอุ้มลูกทันที เธอลูบแผ่นหลังเล็กก่อนจะพาลูกเดินหนีให้พ้นสายตาของเขา “ฮึก ฮืออ~” “ไม่เป็นไรนะ ๆ หนูแค่ง่วงนอน” คนเป็นแม่เจ็บปวดรวดร้าว เขาไม่ปลอบลูกเลยสักนิด ชนินทร์นั่งมองเด็กน้อยร้องไห้ด้วยสายตานิ่งเรียบแบบนั้น “ฮึก คุณแม่...ฮือออ~” “โอ๋ ๆ หิวใช่ไหม ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” ญาตาอุ้มลูกเดินเข้าไปในครัว ก่อนจะหยิบเอาเค้กกล้วยไข่ให้กับลูกสาว “ฮึก...” มือเล็กป้อมสั้นถือขนมเค้กในมือ ค่อย ๆ กัดกินช้า ๆ ไม่นานก็อารมณ์ดีขึ้น “หึ หิวนี่เอง” เธอยิ้มให้กับลูกน้อย โยกตัวไปมาให้ลูกเคลิ้ม ซึ่งลูกสาวอายุเจ็ดขวบแล้วแต่ยังติดอุ้ม ญาตาเข้าใจดี เพราะการอุ้มทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย ยัยหนูเลยติดการอุ้มมาก ทั้ง ๆ ที่โตมากแล้ว “อร่อยค่ะ คุณแม่ทำเยอะ ๆ” แก้มตุ้ย ๆ นี้ทำให้ญาตาเอ็นดู ยกมือเช็ดน้ำตาให้ลูก ก่อนจะเดินกลับไปที่โซฟา เห็นสามีนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ อยากจะฝากลูกสักหน่อยแต่ก็ทำไม่ได้ “ญาณินนั่งรอแม่ที่นี่นะคะ อย่าเสียงดัง...” “คุณพ่อไม่ชอบใช่ไหมคะ...” เด็กน้อยพูดแทนเสียแล้ว ญาตาชะงักไปเพราะญาณินคงรู้ความ จับเอาคำพูดของเธอมาพูดแล้ว หากเป็นเมื่อก่อนก็คงไม่น่ากังวลเท่าตอนนี้ ลูกสาวโตขึ้นเรื่อย ๆ “ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ คือว่ามันเสียงดังน่ะ หนูไม่ทำเสียงดังนะคะ” “ค่ะ หนูจะน่ารัก” “หึ ดวงใจของแม่” ญาณินลงไปนั่งบนพื้นกับกองของเล่นดังเดิม เธอยังติดของเล่นเหมือนเดิม เด็กน้อยถือขนมเค้กกล้วยไข่ข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างกำลังเขี่ยของเล่นโดยไม่รู้ว่าถูกมองอยู่ ...ชนินทร์ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างใช้ความคิด ชำเลืองสายตาเพื่อมองว่าเมื่อไรญาณินจะมองเห็นเลโก้ที่เขาเอามาวางไว้สักที สายตาผมเพ่งเล็งราวกับจะร่างเวทมนตร์ให้เธอสนใจ แต่ก็ไม่เป็นผล ทำเอาเขาหัวเสียไม่ใช่น้อย ...แม้จะคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของตัวเอง แต่ก็เห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก พอเห็นเลโก้ตัวนี้วางขายที่ญี่ปุ่นเขาก็หยิบมาจ่ายเงินโดยไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ทว่าขณะนั้นเอง “โอ๊ะ...” เสียงเล็กร้องเสียงหลง ทำให้ชนินทร์หันไปมองอีกครั้งก็เห็นว่าญาณินกำลังชูของเล่นที่เขาซื้อมาจากญี่ปุ่นขึ้น “แม่คะ!...” เสียงเรียกของลูกสาวนั้นทำให้ญาตารีบเดินออกจากห้องครัว “ว่าไง...” เธอนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าบุตรสาว พร้อมกับเอานิ้วชี้ขึ้นจ่อริมฝีปากเพื่อบอกให้คนเป็นลูกเบาเสียงลงสักหน่อย “อันนี้ไม่ใช่ของหนู” เลื่อนสายตามองตาม ญาตาขมวดคิ้วเช่นกัน ของเล่นชิ้นนี้ไม่คุ้นเลย “นั่นสิ” “ของใครก็ไม่รู้” “น่ารักดีนี่ คิตตี้” “แต่หนูไม่ชอบค่ะ” เปลือกตาหนากระตุกทันที เขาเงี่ยหูฟังไม่ได้มอง คำพูดของเด็กน้อยทำเอาเขาอยากเดินเข้าไปกระชากมาคืนซะให้เข็ด “หืม เดี๋ยวแม่ขอดูหน่อย” เลโก้รูปคิตตี้สีชมพูนี้น่ารัก แต่ว่าญาณินไม่รู้ต่างหากว่าจะต้องเล่นยังไง เป็นของเล่นเสริมพัฒนาการได้ดีเลยทีเดียว แต่พอนึกถึงคิตตี้ก็นึกถึงประเทศญี่ปุ่น หรือว่าเขาจะซื้อมาฝาก ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาก็เห็นว่าเขากำลังมองอยู่ ชายหนุ่มทำเสมองไปทางอื่นไม่รู้ไม่ชี้และไม่ยอมรับว่าซื้อมาให้ ซึ่งญาตาก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ถูกใจ เธอก้มหน้าลงคุยกับลูก “เดี๋ยวแม่มาสอนเล่นนะ แม่ขอเก็บของก่อน” “ค่ะ...” ชนินทร์นั่งผ่อนคลายตัวเองสักพัก ก่อนที่เขาจะเขี่ยโทรศัพท์เช่นเดิม ข้อความที่ยาหยีส่งมาให้นั้นยาวจนอ่านไม่ทัน อะไรนักหนาผู้หญิงคนนี้ เขานึกคิดในใจ ปัดข้อความทิ้งแล้วทิ้งเล่าก็ยังส่งมาอยู่ได้ ชักจะรำคาญแล้ว เห็นว่าตั้งใจเรียนเขาก็ส่งเสียให้เรียน ถือเป็นการทำบุญให้เด็กยากจนเอาตัวเข้าแลก แต่ดูท่าเจ้าหล่อนจะเรื่องเยอะต่างจากคนอื่น ๆ พอเที่ยวเสร็จก็อยากไปนั่นไปนี่อีก พอเขาบอกให้ไปเองสาวเจ้ากลับอยากให้เขาไปด้วย คงต้องเขี่ยทิ้งอีกคน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD