หลายวันต่อมา...
[ผมได้ยินต้นหอมบอกว่าญาณินกับต้นหอมได้แสดงเต้นประกอบเพลงในวันเด็ก ใช่ไหมครับ]
“ค่ะ ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน” นิ้วเรียวกดส่งข้อความหาต้นกล้า พูดคุยกันตามประสาผู้ปกครอง เธอไปส่งลูกที่โรงเรียนทุกวันหลังจากที่ได้คนขับรถ
[ครับ เห็นบอกวันเสาร์ต้องไปเช่าชุดด้วย]
“ใช่ค่ะ”
[โอเคครับ ไปพร้อมกันเลยไหมครับ]
“ยินดีค่ะ” ญาตาส่งข้อความเสร็จก็วางโทรศัพท์ลง โทรศัพท์เครื่องนี้ใช้มาสามสี่ปีแล้ว ยุคเทคโนโลยีแบบนี้การเปลี่ยนแปลงทางอิเล็กทรอนิกส์ช่างไวนัก เธอยังไม่ได้เปลี่ยนโทรศัพท์เลย เงินที่คุณใหญ่เจียดให้ก็มากอยู่เหมือนกัน แต่เธอก็อยากเก็บเงินไว้ให้ลูกเรียน เพราะไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยการมีเงินติดบัญชีไว้ก็ดี
เวลานี้ช่างเงียบเหงาอย่างเช่นทุกวัน ญาตาเหม่อมองออกไปนอกบานหน้าต่าง ท้องฟ้าช่วงนี้ก็เริ่มแปรปรวน เดี๋ยวเดียวก็ฝนตก ไม่นานก็แดดออก ประเทศไทยมีสามฤดูในวันเดียวสงสัยจะจริง
...ร่างบางนั่งพับเสื้อผ้าภายในห้องแต่งตัวของคุณใหญ่ นึกคิดถึงวันที่แอบมองเขา ในตอนนั้นมันสุขใจกว่าตอนนี้มาก
.
.
.
“แล้วจะไปเรียนยังไง เล็กไปแล้วไม่ใช่เหรอ” ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก อายุสิบห้าแต่เขาก็เข้ามหา’ลัยแล้ว
“คือว่า..ดิฉัน”
“มาสิ จะไปส่ง ทางผ่านมหา’ลัยพอดี” เขามีเมตตากับเธอ คุณใหญ่ชอบข้องแวะเพราะเธอเป็นคนสวย และเธอก็เป็นคนที่คุณเล็กชอบ ความคิดแผลง ๆ อยากแกล้งน้องชายจึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยไม่รู้ว่าสาวน้อยคนนี้มีใจให้เขา
“มะไม่มีดีกว่าค่ะคุณใหญ่” เธอไม่กล้านั่งรถของเขาหรอก
“เถอะน่า ขึ้นมา” ญาตายอมขึ้นรถไปกับเขาในที่สุด เธอก็เป็นของเธอแบบนี้ พ่ายแพ้ให้กับคำพูดของเขา
“เธอชอบไอ้เล็กหรือเปล่า”
“คะ?”
“เธอรู้ไหมว่าไอ้เล็กชอบเธอ”
“คือ...” เธอก้มหน้าลง
“หึ พ่อรักมันมากเลย แม่มันทำให้แม่ของฉันตาย” ญาตาเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตาของคุณใหญ่สั่นไหว ซึ่งญาตาก็เข้าใจความรู้สึกของเขาเป็นอย่างดี
“แต่คุณเล็กไม่เกี่ยวนะคะ”
“ไม่เกี่ยวได้ไง มันเกิดมาพ่อก็รักมันจนย้ายไปอยู่กับแม่มัน ถ้าคุณย่าไม่เอามันมาเลี้ยงมันก็จะกลายเป็นครอบครัวสุขสันต์” เขาร่ายยาวออกมาอย่างระบายอารมณ์
“ค่ะ...” เธอทำได้แค่รับฟัง เสนอความคิดเห็นให้นายไม่ได้หรอก เป็นบ่าวเป็นไพร่เธอรู้ตัวดี
“เฮ้อ เธออย่าไปรักมันก็แล้วกัน”
“หือ? ...”
“ถ้าเธอไม่รักมันฉันคงสะใจมาก ฮ่า ๆ” เขาหัวเราะร่วน แต่แววตาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย คุณใหญ่ส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับอยากสลัดความคิดไม่ดีออกจากหัว
...ในบางครั้งเธอก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นที่พักพิงให้เขา วันที่เขาเมาเหล้าหัวราน้ำกลับบ้าน หรือวันที่มีเรื่องชกต่อย ญาตารู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ต่อเขาทุกครั้งที่เขามาหา
“ทำไมเธอชอบมานั่งใต้ต้นไม้โง่ ๆ นี้” เขานั่งลงบนพื้นหญ้าทางด้านหลังเรือนหลังเล็ก ญาตาค่อย ๆ หันไปมองเขา
“คุณใหญ่รู้สึกยังไงคะ มันร่มรื่นใช่ไหมคะ ฉันแค่รู้สึกสบายใจ ลองหลับตาดูค่ะ” เธอหันไปมองเขาก็เห็นว่าเปลือกตาหนากำลังหลับลงอย่างที่เธอพูด สายลมเย็น ๆ ใบไม้ที่ปลิดปลิว ชนินทร์รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่เธอว่าจริง ๆ
...ใบหน้าหล่อเหลามีรอยช้ำที่มุมปาก ญาตาเพิ่งมองเห็น เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
“หน้าไปโดนอะไรมาคะ”
“หึ ผู้หญิงอะดิตบมา” เขาว่าพร้อมกับหัวเราะ เอนตัวลงนอนหนุนตักของเธออย่างถือวิสาสะทำเอาญาตาสะดุ้ง แต่ก็ไม่ได้ผลักไส
“ทำไมถึงตบคะ”
“เหมือนเดิม จับได้ว่าคบซ้อน ฮ่า ๆ” เขาหัวเราะอีกครั้ง ชนินทร์รู้สึกสนุกและคึกคะนองกับการคบหาผู้หญิงหลายคนพร้อมกัน
“ทำไมถึง...” ปลายนิ้วเรียวแตะลงเบา ๆ ที่มุมปากของเขา อยากถามเหลือเกินว่าเขาคิดจะหยุดอยู่ที่ใครหรือเปล่า
“อย่าไปฟ้องคุณย่าล่ะ โดนด่าตายแน่ ๆ”
“หึ...แค่โดนด่าไม่ตายหรอกค่ะ” เธอยิ้มให้กับเขา ญาตาไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมสาว ๆ ถึงชอบเขา และอยากลองเล่นกับไฟ อยู่ ๆ ก็มีบางอย่างผุดเข้ามาในหัว
“คุณใหญ่...คิดอยากแต่งงานไหมคะ”
“แต่งงานเหรอ ฝันไปเถอะ...” เขาว่าพร้อมกับหลับตาลง ชายหนุ่มไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานหรอก
“ทำไมคะ...”
“หืม เธอไม่เห็นเหรอ ฉันคิดว่าฉันไม่เหมาะกับการแต่งงานหรอก ยังใช้ชีวิตไม่สุดเลย อีกอย่างนะ...ไม่รู้ด้วยว่าจะหยุดทำแบบนี้ได้หรือเปล่า สงสารผู้หญิงคนนั้น” เขาว่าจากใจ รู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร ไม่คิดอยากแต่งงานให้ปวดหัว
“เหรอคะ แต่ถ้าเจอคนที่รักจริง ๆ ...” ระหว่างที่พูดคำคำนี้ เปลือกตาหนาก็ลืมขึ้นสบตากับเธอ
“ทำไม เธอหวังอะไรกับคำถามนี้”
“ปะเปล่าค่ะ”
“หึ ฉันอยากอยู่คนเดียวจนตาย ไม่ได้อยากแต่งงานมีพันธะกับใคร...” เขาว่าเสร็จก็พริ้มตาหลับลงอีกครั้ง ชนินทร์เห็นพ่อกับแม่แล้ว เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะแต่งงานกับใคร เขารู้ตัวดี
...รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าสวยหวานจึงค่อย ๆ หดหายไปจากใบหน้า ไม่คิดอยากบอกกับเขาหรอกว่าเธอชอบเขามากแค่ไหน
.
.
.
นานเข้าคุณใหญ่ก็เริ่มเอาปัญหาเชิงชู้สาวเข้าบ้าน แม้แต่วันที่ท่านหญิงมาลัยป่วยหนัก...
“แม่ของผู้หญิงคนนั้นเรียกเงินหนึ่งล้านค่ะ” ค่าเงินล้านในตอนนั้นช่างมหาศาล ท่านหญิงมาลัยลมแทบจับ
“เหมือนกันไม่มีที่ติ ตาใหญ่เหมือนพ่อไม่มีผิด” เสียงแหบแห้งเอื้อนเอ่ยออกมาช้า ๆ ท่านหญิงมองสาวใช้อย่าญาตาด้วยแววตาเศร้าสร้อย
“เรียกทนายมาคุยกับย่าที”
“คะ? ...”
“ย่าจะเปลี่ยนพินัยกรรมใหม่” ดวงตากลมโตของคนฟังเบิกกว้างขึ้น ท่านหญิงพูดอย่างนี้... “ย่าอยากให้ตาใหญ่แต่งงาน กับหนู”
“คะ? วะว่าไงนะคะ” ญาตาคลานเข่าขยับเข้าหา เธอส่ายหน้าเบา ๆ “คุณใหญ่ไม่ชอบค่ะ”
“ย่ารู้ แต่ย่าไม่อยากให้ใหญ่ทำอย่างนี้ ก็เผื่อว่าตาใหญ่จะเปลี่ยนไป หนูตา...ย่าขอได้ไหม ทำเพื่อย่าได้ไหม”
“ท่านหญิง ตา...ทำไม่ได้หรอกค่ะ”
“อึก เชื่อย่า...หนูน่ารัก ตาใหญ่จะรักหนูเหมือนที่ย่ารักหนู” น้ำตาของเธอไหลพราก คำที่พ่อกับแม่สั่งเสียไว้แทรกเข้ามาในหัว ว่าให้ถวายชีวิตให้กับครอบครัวนี้ อีกนัยหนึ่งเธอก็รักเขามาก มากจนกลัวว่าเขาจะกู่ไม่กลับ ใบหน้าเล็กจึงค่อย ๆ พยักหน้ารับ
“ค่ะท่าน” ตอบรับทั้งน้ำตา รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่รัก รู้ทั้งรู้ว่าไม่อาจทำให้เขาเปลี่ยนใจ รู้ทั้งรู้ว่าชีวิตนี้ยังไงเขาก็ไม่พอ...
ฝ่ามือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลพรากลงมายามนึกถึงเรื่องในวันวาน นานมาแล้วแต่ก็ไม่เคยลืม ตอนนั้นมันดีกว่านี้มาก เสียงผู้คนที่เดินกันให้ขวักในบ้านหลังใหญ่ยังคงดังอยู่ในหูของเธอ ไม่ได้เงียบเหงาอย่างเช่นตอนนี้ คิดถึงเพื่อนคนใช้คนอื่น ๆ ที่เขาไล่ออกเพียงเพราะอยากกลั่นแกล้งให้เธอเซ็นใบหย่า เพราะถ้าเธอเป็นฝ่ายขอหย่า...เขาจะได้มรดกเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยว แต่ที่เธอไม่หย่าเพราะคำสัญญาและรักเขา
...พอเดินกลับมาห้องพักของตัวเองก็มองเห็นรูปแต่งงานที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง แม้มันจะมีรอยร้าวจากที่ที่เขาฟาดมันทิ้งลงพื้น ความทรงจำในวันแต่งงานจึงผุดเข้ามาในหัวอีกครั้ง
.
.
.
“เธอจำไว้ว่าชีวิตนี้ของเธอจะไม่มีความสุข เธอจำไว้ว่าฉันจะไม่รักเธอ เธอจำไว้ว่าเธอจะตายทั้งเป็นที่คิดอยากแต่งงานกับฉัน!” คืนวันเข้าหอเขาตวาดเสียงใส่เธอ ไม่ได้กลัวว่าญาติผู้ใหญ่จะได้ยิน ญาติของเขาก็เยอะมาก แตกแขนงหลายตระกูล
“คุณใหญ่...ฮึก”
“อยากเป็นเมียฉันนักใช่ไหม อยากเป็นนักใช่ไหม!!” ฝ่ามือหนาของเขากระชากชุดแต่งงานจนขาดวิ่น ไม่คิดว่าเธอจะเจ็บปวดกับแรงกระชากของเขาเลยสักนิด
“ฮึก คุณใหญ่ ฮืออ~ ตาเจ็บ” เขาผลักเธอลงบนที่นอนขนาดใหญ่ ปลดเปลื้องชุดของเธออย่างไม่ปรานี ผิวขาว ๆ ของเธอแสบร้อนจากแรงกระชาก ญาตาร่ำไห้ไม่หยุด
“ฮึก ตาขอโทษ อึก ตาไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้”
“เหรอ...” เขากำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ระหว่างนี้ก็มองหน้าของเธอไปด้วย ชนินทร์ขึ้นคร่อมร่างบางก่อนจะยื่นมือไปบีบกรามเล็กอย่างแรง
“อยากเป็นเมียกูนักใช่ไหม!” เค้นเสียงออกมาอย่างคนเดือดดาลในอก ใบหน้าเล็กส่ายไปมาด้วยความขมขื่น เขาบีบ เขาลูบ เขาคลำ ฝ่ามือหนาเลื่อนไปตรงไหนก็มีแต่ความเจ็บ ลูบคลำตรงไหนก็ปวด
...ยิ่งตอนที่เขาสอดใส่ทั้ง ๆ ที่เธอไม่พร้อมก็ยิ่งเจ็บปวด ร้าวระบมไปทั้งกาย หัวใจแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ เธอสะอื้นไห้ตลอดทั้งคืน เขาไม่อ่อนโยน ทุกจังหวะเต็มไปด้วยความรุนแรงและเต็มไปด้วยความโกรธแค้น กระทั่งค่ำคืนนั้นจบลง
แต่เขากลับบอกว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา...