“หนูไปก่อนนะแม่” เสียงหวานบอกมารดาที่กำลังทำบางอย่างกับเครื่องจักรเย็บผ้าตัวเก่าอยู่กลางบ้าน
วันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรกของพิกุล หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ว่าผ่านการสัมภาษณ์จากร้านอาหารที่เธอไม่คาดคิดเมื่อสามวันก่อน
วันนั้นเธอเล่นปากดีและต่อปากต่อคำกับเจ้าของร้านไปขณะนั้นเพราะคิดว่ายังไงตัวเองก็ไม่ผ่านแน่ แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรถึงได้เลือกเธอเข้าทำงานในครั้งนี้
และอีกใจพิกุลก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาคงไม่ได้รับเธอเข้าทำงานเพราะต้องการกลั่นแกล้งกันหรอกใช่ไหม คนตัวเล็กนึกกังวลจนแสดงออกทางสีหน้าทั้งหมด
“ทำหน้าอะไรละนั่น” พรพรรณเอ่ยขึ้นเพราะสีหน้าเคร่งเครียดของลูกสาว
“เปล่าหรอก แม่ก็รับงานให้น้อยลงหน่อยดีไหม” พิกุลพูดขณะสวมรองเท้าผ้าใบคู่เก่ง แม่เธออายุจะห้าสิบอยู่แล้วแต่ยังต้องก้ม ๆ เงย ๆ เย็บผ้า ตัดชุดอยู่ทุกวันก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่เอาหรอก กุลทำงานหนักขนาดนี้จะให้แม่อยู่เฉย ๆ ได้ยังไง” พรพรรณตอบลูกสาวเสียงนุ่ม ภาระหน้าที่ในบ้านหลังนี้มันเยอะเหลือเกิน เธอจะปล่อยให้ลูกสาวคนโตแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวได้อย่างไร แม้ว่าสิ่งเธอทำจะไม่ได้มีรายได้มากนักแต่ก็ยังดีกว่าให้อยู่บ้านเฉยๆ ล่ะนะ ทางด้านพิกุลที่เข้าใจแม่ตัวเองก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ...แต่ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ”
“จ้า เออ...กุล แล้วจะกลับบ้านตอนไหน”
“วันนี้น่าจะไม่ดึกมากค่ะ” แม้จะเป็นงานประจำ แต่เวลาเข้างานหรือเลิกงานในแต่ละวันกลับไม่เหมือนกัน และพิกุลที่ทำแบบนี้มาทั้งชีวิตไม่ได้มีปัญหากับการจัดการเวลาเลยแม้แต่น้อย สองแม่ลูกยิ้มให้กันก่อนที่พิกุลจะออกจากบ้านไป
พิกุลอาศัยอยู่กับแม่และน้องชาย ตั้งแต่ที่พ่อเธอเสียชีวิตไปแม่ก็เริ่มรับจ้างเย็บผ้าเพื่อหารายได้ส่งเธอและน้องเรียนหนังสือ เราทั้งสองเรียนโรงเรียนรัฐบาลธรรมดา
จนขึ้นมหาวิทยาลัยพิกุลก็สอบชิงทุนของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งมาได้ ส่วนน้องชายเธอตอนนี้ยังศึกษาอยู่ในชั้นมอปลาย
และถึงแม้ครอบครัวเราจะไม่ได้มีฐานะแต่ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่น โดยมีพิกุลเป็นเสาหลักของบ้าน
ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะถึงร้านอาหารที่เธอต้องมาทำงาน ร่างเล็กเปิดประตูร้านเข้าไปด้วยท่าทีกระหืดกระหอบเพราะเธอมาทำงานสายตั้งแต่วันแรกเลยน่ะสิ!
ขาเรียวเดินเข้าไปก่อนจะพบกับเจ้าของร้านหน้าดุที่มองเธออยู่ก่อน
“ตามผมมาหน่อย”
พิกุลหันมองไปทั่วบริเวณและพบว่าไม่มีใครกล้าสบตาเธอสักคน ร่างเล็กเดินตามแผ่นหลังกว้างกระทั่งถึงห้องทำงานของเขา ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเกือบนาทีก่อนที่เสียงเข้มติดดุของคนตรงหน้าจะดังขึ้น
“ทำงานวันแรกก็มาสายเลยนะ”
“คือบ้านดิฉันอยู่ค่อนข้างไกล แล้ววันนี้ทางมาก็เกิดอุบัติเหตุด้วยค่ะ”
แม้จะฟังดูเหมือนแก้ตัว แต่เธอกะเวลาออกมาแล้วจริง ๆ แต่เพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนทำให้รถติดเป็นพรวน พิกุลบอกอีกฝ่ายด้วยท่าทีเรียบร้อยต่างจากวันสัมภาษณ์งาน
“บ้านไกล? ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่หางานที่อยู่ใกล้บ้านทำแทนล่ะ”
อัศวินเงยหน้าจากเอกสารก่อนจะมองมาที่เธอด้วยสายตาเรียบเฉย แม้ถ้อยคำที่อีกฝ่ายใช้จะไม่ได้หยาบคายแต่ก็ทำพิกุลสะอึก เพราะที่เขาพูดเมื่อกี้ไม่ได้ต่างจากการจะไล่เธอออกเลยสักนิด
“ขอโทษค่ะ”
หลังจากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของร้านความอยากทำงานที่นี่ก็ลดลง แต่เมื่อมาคิดดูจริง ๆ แล้วฐานะอย่างเธอมีสิทธิ์เลือกงานได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอเลือกมาทำงานที่นี่นะ แต่ถ้าจะทำตัวเหมือนเด็กเล่นแบบนี้ อย่ามาทำให้เสียเวลา”
“ค่ะ ขอโทษค่ะ”
ร่างบางแทบกลั้นหายใจเมื่อถูกยอกย้อนจากคำที่เธอเคยพูดเมื่อหลายวันก่อน สองมือประสานกันแน่นอย่างประหม่า ขณะที่ยังก้มหน้าก้มตาฟังอีกคนติเตียนอยู่เงียบ ๆ
เธอทำผิดจริงจะให้พูดอะไรก็เหมือนแก้ตัวทั้งนั้น อีกอย่างมาทำงานวันแรกก็สายเป็นเจ้านายคนไหนก็คงไม่พอใจ
นัยน์ตาคมกริบมองท่าทางแสนสุภาพเรียบร้อยก็แปลกใจเล็กน้อย คิดว่าเธอคนนี้จะต่อปากต่อคำกับเขาเสียอีก ผ่านไปไม่กี่วันไม่อยากเชื่อว่าคนเราจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“อื้ม แล้วอย่าให้มีอีก”