มาเฟียหนุ่มกลับเข้ามาที่ห้องทำงานหลังจากไปตรวจโมเดลคอนโดมิเนียมที่กำลังจะสร้าง แต่เมื่อเข้ามาในห้องก็ไม่พบเลขานุการสาว เขายกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมาดู ตอนนี้บอกเวลาเที่ยงสิบห้านาที เขารู้ในทันทีว่าเธอหายไปไหน และอยู่ที่ใด ความรู้สึกไม่พอใจก่อเกิด โดยปกติเธอจะต้องทานอาหารกับเขาที่ห้องนี้
“พายครับ” พรพระพายหันหน้าไปตามเสียงเรียก
“พายจำพี่ได้ไหม พี่ธาวิน คนที่เจอกันที่หน้าลิฟท์ ตอนที่พายกำลังจะล้ม จำได้ไหมครับ” ธาวินอธิบายเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของพรพระพาย
“อ๋อ จำได้แล้วค่ะ” พรพระพายตอบพร้อมส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรกลับไป เธอไม่รู้จักพนักงานมากนัก ด้วยที่นี่มีพนักงานเป็นจำนวนมาก แล้วยังแยกออกไปแต่ละแผนก แต่ละชั้น ส่วนใหญ่เธอจะรู้จักหัวหน้าของแต่ละฝ่ายหรือแผนก เพราะต้องติดต่อประสานงานด้วย
“ไปทานข้าวกับพวกพี่ไหม พวกพี่ก็กำลังจะไปพอดี” ธาวินเอ่ยชวนพรพระพาย
“พี่ชื่อจุ๊บนะจ๊ะ”
“พี่แคนครับ”
“พี่ฟลุ๊ค พวกพี่อยู่ฝ่ายขาย” พนักงานที่มาพร้อมกับธาวินเอ่ยแนะนำตัว
“พายค่ะ เป็นเลขาของคุณแทนไท ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” พรพระพายเอ่ยทักทาย พร้อมทั้งส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเช่นเคย
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะเลยเวลาพัก คนยิ่งเยอะๆ อยู่ด้วย” ธาวินพูดขึ้น
“พายทานอะไรดีครับ” ธาวินเอ่ยถามขึ้นในขณะที่กำลังเดินเลือกร้านอาหาร
“ยังไม่รู้เลยค่ะ พี่ธาวินมีอะไรแนะนำพายบ้างคะ ที่พี่ธาวินว่าอร่อย” พรพระพายถามในขณะเดียวกันก็กวาดสายตาไล่อ่านเมนูอาหารของแต่ละร้าน
“ผัดไทร้านนั้นอร่อยมากพี่ทานบ่อย แต่ถ้าพายกลัวอ้วนก็สุกี้ร้านนั้น” ธาวินบอกพลางจับไหล่มนให้หันไปตามที่เขาบอกอย่างถือวิสาสะ
“พายไม่กลัวอ้วนหรอกคะ” พรพระพายนึกขำคำพูดของธาวินที่บอกว่าเธอกลัวอ้วน จริงๆ แล้วเธอเป็นคนที่กินเก่งมาก แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่อ้วนขึ้นบ้างเลย
“พี่ก็นึกว่าพายจะกลัวอ้วน ก็เห็นพายตัวเล็กนิดเดียว” ธาวินบอก แววตาของเขาเป็นประกายบ่งบอกว่าเขาสนใจและอยากสานสัมพันธ์กับหญิงสาว
มุมหนึ่งของโรงอาหาร มาเฟียหนุ่มที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาบึ้งตึง สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแสล็คสีดำราคาแพง อารมณ์ของเขาขุ่นมัวขึ้นมาทันที เมื่อเห็นพรพระพายพูดคุยอย่างยิ้มแย้มกับพนักงานชายคนนั้น อยากจะเดินเข้าไปกระชากเธอให้ออกมาจากตรงนั้นเดี๋ยวนี้ แต่ด้วยที่เขาเป็นถึงประธานบริหารของแทนไท คอร์ปอเรชั่น เขาจึงต้องควบคุมอารมณ์นั้นไว้
แต่แล้วใครจะคิดว่าประธานบริหารผู้กุมอำนาจของแทนไท คอร์ปอเรชั่นจะขาดสติ เมื่อเห็นพนักงานชายคนนั้นถูกเนื้อต้องตัวพรพระพาย ร่างสูงเดินปรี่พุ่งเข้าไปหาทั้งคู่ด้วยอารมณ์คุกรุ่นที่พร้อมจะระเบิดอารมณ์ออกมา
พนักงานบริษัทนับร้อยชีวิตต่างมองมาที่มาเฟียหนุ่มเป็นตาเดียวด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยมาปรากฏตัวที่โรงอาหารสำหรับพนักงานมาก่อน
แทนไทตรงเข้าไปกระชากแขนของพรพระพายอย่างแรง จนเธอเซมากระแทกกับแผงอกแกร่ง
“โอ๊ย! คะ...คุณแทน” พรพระพายร้องเสียงหลง ด้วยไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าเจ้าของอกแกร่งก็ยิ่งสร้างความตกใจให้แก่เธอกับธาวิน
“คุณแทน ปล่อยดิฉันค่ะ ดิฉันเจ็บ” พรพระพายร้องบอกด้วยรู้สึกเจ็บข้อมือที่ถูกมือหนาของเจ้านายหนุ่มจับไว้แน่น แล้วลากเธอออกไปจากโรงอาหาร พนักงานทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา
“คุณแทน คุณเป็นอะไรคะ...จะ...เจ็บ” พรพระพายเอ่ยถามเขาอีกครั้งเมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟท์ตามลำพัง
“หุบปาก!!” มาเฟียหนุ่มตวาดเสียงดังลั่น จนร่างบางถึงกับสะดุ้งกับน้ำเสียงแข็งกร้าวนั้น ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง คิดทบทวนว่าเธอไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือเปล่า แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อตอนที่เขาออกไปตรวจงาน เธอก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้เขาโกรธสักหน่อย หรือเธอจะทำงานผิดพลาด แต่เธอเป็นคนที่ทำงานละเอียดมาก แล้วงานจะพลาดได้อย่างไร
มาเฟียหนุ่มกดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 34 ซึ่งเป็นห้องทำงานของเขากับเธอ เมื่อลิฟท์เปิดออก เขาก็ลากเธอออกมาแล้วเดินตรงไปที่ห้องทำงานทันที บอดี้การ์ดที่ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่ในบริเวณนั้นต่างมองมาเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเรื่องของเจ้านาย
“คุณแทน ช้าๆ หน่อยสิคะ ดิฉันเดินตามไม่ทัน โอ๊ยเจ็บ” หญิงสาวร้องบอกอีกครั้งเมื่อถูกเจ้านายหนุ่มลากออกมาจากลิฟท์ แถมยังเดินเสียเร็ว ขาสั้นๆ ของเธอจะเดินทันขายาวๆ ของเขาได้อย่างไรกัน
เมื่อเข้ามาในห้องทำงาน แทนไทเหวี่ยงพรพระพายไปชนกับกำแพง ทำให้ไหล่ของเธอกระแทกกับกำแพงอย่างแรงจนเจ็บร้าวไปทั้งแขน มาเฟียหนุ่มจับแขนของเธอขึ้นเหนือศีรษะยึดข้อมือเล็กนั้นติดกับกำแพงด้วยมือข้างเดียว แล้วประกบปากเข้าหาริมฝีปากบางด้วยความรุนแรง จนได้รสปะแล่มๆ และกลิ่นคาวของเลือด
“อื้ออออ...” พรพระพายพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของมาเฟียหนุ่ม แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรุนแรงกับเธอ มือหนาฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเธอจนขาดวิ่น กระดุมหลุดกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง
“คุณแทน อย่าทำอะไรดิฉันเลยนะคะ อ๊ะ...อย่ากัด...จะ...เจ็บ...โอ๊ย...อย่า...อื้ออออ” พรพระพายอ้อนวอน เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระจากริมฝีปากร้าย และต้องร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อเขาฝังคมเขี้ยวที่ลำคอของเธอ
“ทำไม รังเกียจสัมผัสของฉันมากหรือไง แต่ชอบให้ไอ้พนักงานผู้ชายพวกนั้นมาถูกเนื้อต้องตัวเป็นของสาธารณะ ผู้หญิงมันก็ร่านเหมือนกันหมด” มาเฟียหนุ่มพูดใส่หน้าพรพระพายเสียงดังลั่น
ริบฝีปากหนาทั้งดูด ทั้งเม้ม ทั้งกัด ไปตามลำคอขาว เลื่อนลงมาถึงสองเต้างาม มือหนาบีบขยำอย่างแรง จนคนโดนกระทำต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด เขาทั้งดูดทั้งขบเม้มจนเกิดรอยจ้ำสีแดงไปทั่วทั้งลำคอและเนินอก
“อึก...คะ...คุณแทน...หยุดเถอะ...ดิฉันเจ็บ...ได้โปรด...อย่าทำอะไรดิฉันเลย...ฮือๆๆๆ” พรพระพายร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยนปานจะขาดใจด้วยความกลัว มาเฟียหนุ่มหยุดชะงัก เพราะเสียงร้องไห้ของเธอทำให้สติของเขาเริ่มกลับคืนมา นี้เขาทำอะไรลงไป เขากำลังทำร้ายเธอเพราะความหึงหวงเกินเหตุของตนเอง
“พะ...พาย ฉันขอโทษ” แทนไทดึงกายบางเข้ามาโอบกอดไว้แน่น เธอร้องไห้อยู่นานพอสมควร เมื่อเห็นว่าสงบลงจึงช้อนกายบางขึ้นอุ้มแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา โดยที่ร่างบางนั่งอยู่บนตักแกร่งในท่าหันข้าง มือหนาประคองศีรษะเล็กมาซบที่อกกว้าง
“อึก...ดิฉันทำอะไรผิด...อึก...ทำไม...คุณถึงทำ...อึก...แบบนี้” พรพระพายถามด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
“ไม่ ฉันผิดเอง ฉันขอโทษ” แทนไทประคองใบหน้าหวานที่ตอนที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมา แล้วประทับริมฝีปากลงไปที่หน้าผากมนด้วยความอ่อนโยน
“แล้ว...อึก...ทำไมคุณ...อึก...ต้องทำกับดิฉันแบบนี้...อึก” พรพระพายยังคงถามหาคำตอบจากเจ้านายหนุ่ม
“..........” ไม่มีคำพูดใด แทนไทนั่งกอดพรพระพายจนเธอหายสะอึกสะอื้น
“พาย ฉันขอโทษ ขอโทษที่ทำร้ายเธอ ก็ฉัน...ฉันหึงเธอ ฉันไม่ชอบที่ไอ้หมอนั่นมันมาแตะต้องตัวเธอ” แทนไทตัดสินใจพูดความรู้สึกของตนเองออกไป
"คุณแทน คุณรู้ตัวไหมคะว่าพูดอะไรออกมา อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ ดิฉันขอร้อง คุณต้องคิดถึงความรู้สึกของภรรยาคุณ ถ้าเธอรู้ว่าคุณทำแบบนี้กับดิฉัน เธอจะเสียใจมากขนาดไหน คุณกำลังนอกใจภรรยาอยู่นะคะ ไหนจะความรู้สึกของคุณอาชิอีก คุณอาชิจะเสียใจมากขนาดไหนถ้ารู้ว่าพ่อนอกใจแม่" พรพระพายตกตะลึงกับคำพูดของเจ้านายหนุ่ม
"พูดจบหรือยัง ถ้าจบแล้วก็ฟังฉัน ฉัน ไม่ มี เมีย ชัดนะ" ทั้งสีหน้าและคำพูดของแทนไทบ่งบอกว่าเขาพูดความจริง เขาเน้นย้ำทีละคำอย่างหนักแน่น
“จะเป็นไปได้ยังไงคะ แล้วคุณอาชิล่ะ” ดวงตาคู่สวยรื่นไปด้วยน้ำตาแฝงไปด้วยความความสงสัยในคำพูดของมาเฟียหนุ่ม
“ก็เป็นลูกของฉัน เราไว้คุยเรื่องนี้กันวันหลังเถอะนะ ไหนลองแทนตัวเองว่าพายสิ เหมือนเวลาที่เธอคุยกับคนอื่น”
“ดิฉะ...อื้อ...” แทนไทประกบปากจูบพรพระพายทันทีก่อนที่เธอจะได้พูดคำนั้นจนจบ
“พูดอีกสิ”
“ทำไม ดิฉะ...อื้อ...” ชายหนุ่มจูบคนบนตักอีกครั้ง เธอซบหน้าไปกับแผงอกแกร่งไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก
“พูด!” เสียงทุ้มออกคำสั่งอย่างคนมีอำนาจเหนือกว่า
“ทำไมต้องให้พายพูดด้วยล่ะคะ” พรพระพายยอมพูดตามความต้องการของอีกฝ่าย
“เพราะฉันไม่ชอบให้เธอแทนตัวว่าดิฉันหรือฉัน”
“ทีตัวเองยังพูดเลย” พรพระพายพึมพำกับตนเอง
“ได้ยิน”
“อื้อ...” แทนไทประกบปากจูบพรพระพายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นจูบที่สุดแสนจะอ่อนโยน พรพระพายยกสองแขนโอบรอบลำคอของมาเฟียหนุ่ม ตอบรับจูบของเขาด้วยความเต็มใจ
"หูยยย...อาชิไม่เห็นฮับ อาชิไม่เห็นอะไยเยย อาเดย์ก็ไม่เห็นใช่ไหมฮับ" อินทัชรีบยกมือเล็กๆ ขึ้นมาปิดตาตนเอง
"ใช่ครับ อาเดย์ไม่เห็นอะไรเลย อาเดย์ว่าเราออกไปซื้อขนมกันดีกว่าเนอะ ป่ะอาชิ เราไปกันเถอะ" ตรัยคุณยกมือขึ้นปิดตาบ้าง หันไปคุยกับเด็กน้อย แล้วจูงมือกันออกจากห้องไป
“ดิฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” เมื่อได้โอกาสพรพระพายรีบลุกหนีการเกาะกุมของเจ้านายหนุ่ม รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งอยู่ในห้องทำงานนั้น
“แล้วฉันจะกลับคอนโดยังไงล่ะเนี่ย” พรพระพายยืนหอบหายใจบ่นพึมพำอยู่หน้ากระจก เมื่อเห็นสภาพตนเองที่เสื้อผ้าขาดวิ่นแทบไม่เหลือชิ้นดี
“พาย จะออกมาได้หรือยัง” เสียงมาเฟียหนุ่มร้องเรียกที่หน้าประตูห้องน้ำ เพราะพรพระพายขังตัวเองอยู่ในนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
“ค่ะ กำลังจะออกไปแล้วค่ะ” หญิงสาวขานตอบ
พรพระพายเดินออกมาโดยที่พยายามใช้สองมือดึงเสื้อที่ขาดวิ่นมาปิดสองเต้าอวบอิ่ม แทนไทเดินเอาเสื้อสูทของเขามาสวบทับกายบาง
“ฉันขอโทษ” แทนไทเอ่ยบอกอีกครั้ง แล้วก้มลงไปจูบที่หน้าผากมน พลางติดกระดุมเสื้อสูทไปด้วย