ในห้องรับประทานอาหารของโรงแรมหรูใจกลางเมืองกรุง ออกแบบและตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรป ทอฝัน สาวสวยวัยยี่สิบเจ็ดปี ที่เพิ่งเรียนจบแพทย์ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดัง กำลังก้มมองรายชื่อเมนูตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ บนใบหน้าขาวเนียนถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางบางๆ ประดับไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา ผมยาวสลวยสีดำขลับถูกรวบข้าง มีกิ๊บดอกไม้เล็กๆ สีเงินติดประดับเอาไว้อย่างมีศิลป์ชวนมอง
วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสเปิดไหล่สีชมพูหวานอวดผิวขาวนวน ซึ่งไม่ค่อยจะได้สวมแบบนี้มากนักในวันเวลาปกติ เพราะส่วนใหญ่ต้องสวมเสื้อกาวน์ทับชุดอีกชั้นเสมอ
เนื่องจากการเรียนที่หักโหม ยิ่งปีสุดท้ายที่ผ่านมา ไหนกิจกรรมที่จัดนอกสถานที่ การเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อรักษาคนไข้ในพื้นที่กันดาร เรียกได้ว่าจากที่เคยเป็นคุณหนูทอฝันของบิดา แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรด้วยตนเอง แต่เมื่อได้ตัดสินใจเรียนแพทย์ เธอก็พบว่า มันลำบาก และต้องเจออะไรมากกว่าการอ่านตำราในห้องเงียบๆ เรียนเสียอีก
ในระหว่างที่เธอกำลังตัดสินใจว่าจะเลือกทานอะไรอยู่นั้น ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก็เดินเข้ามาในห้อง กลิ่นดอกกล้วยไม้ ซึ่งเป็นกลิ่นเอกลักษณ์ของคนที่เธอรู้จัก ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้างามระบายกว้างขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่ดวงตาทั้งสองจะสบประสานกันเสียอีก
ประกาศิต หรือ เล็ก ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เอสพี ไทยแลนด์ วัยสามสิบห้าปี เจ้าของความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซ็นติเมตร ตอนนี้กำลังอยู่ในชุดสูทมาดหรู ในมือมีดอกไม้ช่อโตเต็มอ้อมแขน รอยยิ้มกระจายทั่วใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ทอฝันหัวเราะน้อย ๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มกระชากใจเธอจากบุรุษเจ้าเสน่ห์ส่งมาแต่ไกล
รอจนบริกรเดินพ้นจากประตูกระจก เหลือเพียงคนสองคน ประกาศิต ก็ก้าวยาวๆ มาหาเธอ แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
“ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ป้ายแดงด้วยนะครับ คุณหมอคนสวยของพี่เล็ก”
แล้วช่อดอกไม้ช่อใหญ่ก็ถูกยื่นมาตรงหน้าของหญิงสาว เธอส่งยิ้มให้กับอีกฝ่ายก่อนจะรับมาสูดดมกลิ่นหอมๆ เข้าเต็มปอดด้วยท่าทางชื่นอกชื่นใจ ขณะที่ดวงตาคู่คมจับจ้องด้วยความพอใจ
“หอมดอกไม้ไปแล้ว เมื่อไหร่จะหอมคนมอบให้บ้างละครับ?”
ประโยคชวนใจสั่นพร้อมกับสายตาออดอ้อนที่แฝงอยู่ในดวงตาคู่คมของเขาทำให้หญิงสาวหน้าร้อนซ่านเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อได้อย่างง่ายดาย
จริงอยู่ที่เธอกับเขาคบกันมาได้สักระยะหนึ่งแล้วแต่เรื่องแตะเนื้อต้องตัวหรือ หอมแก้ม จับมือนั้น ที่ผ่านมาทอฝันยังไม่อยากให้เกินเลยไปถึงขั้นนั้น ทั้งนี้ก็เพราะก่อนที่มารดาจะจากไปด้วยโรคร้ายเมื่อหลายปีก่อนนางได้สอนให้เธอรักนวนสงวนตัว เพื่อรักษาคุณค่าในตัวเอง และที่สำคัญ เพื่อเป็นการมอบของขวัญแต่งงานที่ล้ำค่าให้กับสามีในคืนวันเข้าหอนั่นเอง
แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะเป็นกรณียกเว้น
แม้ว่าทอฝันจะมีแต่เรื่องเรียน ก็ต้องยอมรับว่า ช่วงเวลาที่เครียด ก็จะมีกำลังใจจากประกาศิต มาช่วยให้รู้สึกดีเสมอ และที่สำคัญการคบกันระหว่างเธอกับเขานั้นเป็นที่รับรู้ของบิดาอันเป็นที่รักของเธอด้วย เรียกได้ว่าอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่แบบที่ควรจะเป็นมาโดยตลอด
“ก็ได้ค่ะ แค่วันนี้วันเดียวนะคะ”
หนุ่มหล่อทำตาโตใส่ รีบยื่นแก้มให้คนตัวเล็กรีบหอม ทอฝันข่มความเขินอายเอาไว้ กลั้นใจยื่นจมูกแนบกับแก้มสาก นึกไม่ถึงว่าเจ้าของแก้มจะรีบหันมาจูบเธอแทน ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
“พี่เล็ก...”
“ครับ...” เสียงของประกาศิตแหบชอบกล จนบัณฑิตป้ายแดงต้องรีบเบือนหน้าหนี ผลักร่างของคนตัวโตออกห่าง บอกเสียงงอนๆ
“พี่เล็กขี้โกง ไปนั่งที่ตัวเองเลย”
“ฮ่าๆๆ ขอโทษ ขอโทษน่าคนดี ในโอกาสอันดีขนาดนี้ พี่มีอะไรจะให้คนสวยของพี่ชิมด้วยแหละ”
ประกาศิตเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ในที่ของตัวเอง ยกมือขึ้นเหนือศีรษะมาตบแปะๆ ในไม่ช้าบริกรก็ได้ยกถาดไวน์ชั้นดีพร้อมกล่องกํามะหยี่สีแดงสี่เหลี่ยมเล็กๆ วางไว้บนถาด ในขณะที่บริกรกำลังวางแก้วแล้วเปิดฝาขวดอยู่นั่น ชายหนุ่มก็ได้หยิบกล่องนั้นส่งมาตรงหน้าเธอ
“ของขวัญจากพี่ครับ”เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอกกับคนรักสาว ขณะที่ดวงตาคู่คมจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้างดงามมิวางตตา
“อะไรเหรอคะพี่เล็ก ?”
ทอฝันเอ่ยถามพร้อมกับรับมาเปิดดูก่อนที่จะระบายยิ้มออกมาเมื่อพบว่าภายในกล่องเป็นแหวนเพชรน้ำงามส่องแสงประกายระยิบระยับยามต้องแสงไฟ ตัวเรือนทำมาจากทองคำขาว แลดูเรียบหรูและสวยงาม บ่งบอกถึงรสนิยมของคนเลือกแหวนเป็นอย่างดี ทอฝันอดคิดไปเองไม่ได้ว่า
‘หรือนี่จะเป็นการขอแต่งงาน แบบอ้อมๆ กันนะ’คิดแล้วน้ำตาก็รื้นขึ้นมาด้วยความรู้สึกดีใจอย่างมิอาจห้ามได้
“ถ้าจะให้ฝัน พี่เล็กก็สวมให้สิค่ะ”เธอบอกพร้อมกับยื่นกล่องใบเล็กส่งให้คืน
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจที่เห็นเธอไม่ปฏิเสธ เขารับแหวนมาจากมือเธอแล้วบรรจงสวมมันลงบนนิ้วนางยาวเรียวข้างซ้ายของคนรักสาวอย่างนุ่มนวล ไม่ลืมที่จะประทับจูบตามลงไปอีกที
“คนนี้พี่จองแล้วนะ”
คำพูดของเขาเหมือนจะเป็นการยืนยันความคิดเรื่องการของแต่งงานก่อนหน้านี้ แต่ทอฝันก็ไม่อยากจะคิดไปเอง เพราะตราบใดที่เขายังไม่เอ่ยประโยคขอแต่งงาน เธอก็ไม่อยากมโนว่าเขาเลือกเธอเป็นคู่ชีวิตจริงๆ
“ขอบคุณมากค่ะ พี่เล็ก”
บริกรรินไวน์เสร็จแล้ว โค้งตัวให้ทั้งสอง แล้วก็ยกถาดเดินออกไป ชายหนุ่มจึงยื่นแก้วไวน์ส่งให้กับเธอ ทว่าหญิงสาวกลับรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ค่ะพี่เล็ก ฝันไม่ชอบดื่ม”
“แค่วันนี้วันเดียวเองนะฝัน ถือว่าเป็นการฉลองเนื่องในวันเรียนจบของฝันละกัน”
ดวงตาออดอ้อน บวกกับการขอร้องจากคนรักหนุ่ม ทำให้ทอฝันที่ปฏิเสธคนไม่เก่งจำต้องรับมาจิบดู ปรากฏว่ามันอร่อยกว่าที่คิด เพราะรสชาติไม่แรงเท่าวิสกี หรือ สุรา อย่างที่เธอเคยชิมมาก่อน
“หวานจัง แถมยังหอมมากอีกด้วย”ชิมแล้วก็เริ่มติดใจ
“ครับ ชอบก็ดื่มเยอะๆ ครับคนดี ถ้าเมาเดี๋ยวพี่จะพาไปส่งบ้านเอง”
เมื่อคนรักหนุ่มอาสาพาไปส่งบ้าน หญิงสาวก็ละทิ้งความกังวล เริ่มจะยกแก้วไวน์ส่งน้ำเมาเข้าปากอยากเพลิดเพลินและดื่มด่ำกับรสชาติแปลกใหม่ที่ได้ลิ้มลอง โดยหารู้ไม่ว่าบนใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นแสนดีของคนที่อยู่ตรงหน้านั้นจะซ่อนแผนร้ายเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน
………………………………………