“ไปไหนมาพล ดูมีความสุขเป็นพิเศษนะ” พิพัฒน์ถามลูกชายที่เดินผิวปากเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี
ก็จะไม่ให้มีความสุขได้ยังไงล่ะครับ ได้ไปส่งคนที่ชอบ ได้อยู่ใกล้น้องมะนาวที่แค่ได้ยินชื่อก็เปรี้ยวเข็ดฟัน แต่พอเธอยิ้ม มะนาวก็กลายเป็นมะม่วงสุกสีเหลืองทองรสชาติหวานฉ่ำ ผมมีความสุขจนลืมไปเลยว่าระหว่างบางนามาลาดพร้าว รถติดเกือบสองชั่วโมง แต่ผมไม่ได้ตอบพ่อไปแบบนั้นหรอกนะครับ ผมตอบไปว่า...
“ทำไมยังไม่นอนล่ะครับพ่อ”
แหม่! สุดยอดไหมครับ ผมตอบคำถามด้วยคำถาม แนะนำให้เอาใช้เวลาไม่อยากตอบคำถามที่ไม่อยากตอบนะครับ
“ก็พ่อยังไม่ง่วง”
“แล้วทำอะไรครับ เปิดทีวีแต่ไม่ดู เปลืองไฟนะ” เขากวนพ่อ เห็นโต๊ะกลางหน้าโซฟาเต็มไปด้วยเอกสารมากมาย แบบนี้ไม่ได้สนใจอะไรที่อยู่ในทีวีหรอก
“อยากรู้ไหมล่ะ จะเล่าให้ฟัง” พิพัฒน์ถามส่งๆ ในขณะที่ถาม เขาก็ชี้นิ้วบอกลูกชายให้มานั่งคุยกันก่อน
“พ่อควรพักบ้างนะครับ” ลูกชายบอกเมื่อมองใกล้ๆ ก็เห็นว่าบนโต๊ะเต็มไปด้วยสิ่งที่พ่อชอบ นั่นก็คือรูปภาพของที่ดินเปล่ามากมาย
“มันก็อยากพักนะ แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องสะสางให้ลงตัว เช่นเรื่องนี้” เขาหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา มองที่หัวกระดาษให้แน่ใจว่าหยิบถูกแล้ว จึงส่งให้ลูกชาย
“ที่ตรงนี้น่าสนใจนะพล อยู่ระหว่างรอยต่ออยุธยากับสระบุรี ระหว่างทางมีโรงงานเล็กใหญ่เต็มไปหมด ซื้อไว้ทำบ้านจัดสรรขายก็ไม่เสียหาย ลูกค้าหลักคือคนทำงานโรงงานที่จบปริญญาตรีขึ้นไป เป็นพนักงานประจำที่มาจากต่างถิ่น ที่ทุกวันนี้เช่าหอพักหรือบ้านเช่าอยู่ มีรายได้มากพอจะผ่อนบ้านได้ แต่ยังไม่มีบ้านที่ตอบโจทย์ให้ลงหลักปักฐาน”
“38 ไร่ ราคาเท่าไหร่ครับ”
“ไร่ละสองล้านแปดแสน รวมแล้วก็ร้อยหกล้านกับอีกสี่แสนบาท แต่ถ้าซื้อหมด เขาขายร้อยห้าล้าน”
“ก็สมราคานะครับ เพราะที่สวย เกือบเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า อยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่ วางผังดีๆ น่าจะได้สักร้อยกว่าหลัง”
“ทำบ้านหลายๆ แบบก็จะตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น”
“ครับ เดี๋ยวเสาร์นี้ผมแวะไปดูที่จริง จะลองติดต่อเจ้าของว่าราคาถูกลงกว่านี้ได้หรือเปล่า”
“ถ้าได้ไม่ต่ำกว่าร้อยล้านไม่เอานะพล พ่อว่าเขาตั้งราคาสูงเกินไปหน่อย อีกอย่างเราจะซื้อทั้งหมด เขาไม่ควรขายราคานี้ให้เรา”
“ได้ครับพ่อ” เขารับแฟ้มเอกสารที่รวบรวมข้อมูลสำคัญของที่ดินที่พ่อหยิบให้เพิ่มเติม ก่อนจะเตรียมตัวจะขึ้นห้องนอน เพราะคิดว่าพ่อหมดเรื่องจะคุยแล้ว แต่ที่ไหนได้ ยังไม่ทันจะเดินได้ไปไหนไกล พ่อก็ถามคำถามที่ไม่อยากตอบจนได้
“ยังไม่ตอบพ่อเลยว่าไปไหนมา ไปกินข้าวกับพราวมาเหรอ”
“เปล่าครับ”
“แล้วไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแค่ไหนแล้วล่ะ”
“ก็...”
“เสาร์นี้ชวนพราวไปดูที่ดินด้วยสิ ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้างนะ”
“ครับ” เขาพูดจบก็เดินต่อไป ไม่สนใจแล้วว่าพ่อจะพูดอะไรไหม และเหมือนคนที่ถูกพูดถึงจะรู้ตัว เสียงเรียกเข้าและหน้าจอโทรศัพท์ จึงแสดงคำว่า “พราว” โทร.เข้ามา ทันทีที่ประตูห้องนอนปิดลง
“สวัสดีครับ”
“อื้อหือ! รับสายซะเป็นทางการเลยนะ ทำเหมือนพราวไม่ใช่เพื่อนพลงั้นละ”
“ก็พลเป็นคนมีมารยาทไง พราวมีอะไรหรือเปล่า” เขาทำเสียงให้ปลายสายเข้าใจว่านี่เป็นการพูดคุยที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจของกันและกัน แต่ความจริงแล้ว พีรพลหน้านิ่งเหมือนคนความรู้สึกตายด้าน
“แม่บอกว่าวันเสาร์จะทำบะหมี่ปู เลยให้โทร.มาชวนพลกับคุณลุงมาทานด้วยกัน ปูเนื้อแน่น ใส่ให้เต็มถ้วยเหมือนเดิม สนใจไหม พราวจะได้บอกให้แม่เตรียมปูไว้เยอะๆ”
“ไม่แน่ใจว่าพ่อว่างหรือเปล่า”
“แล้วพลว่างไหม” ปลายสายถามอย่างตื่นเต้น ไม่ได้เจอเขามาเกือบเดือน อยากเจอจะแย่อยู่แล้ว
“ว่าง...แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”
“จะให้แม่พราวทำบัวลอยไข่หวานให้กินด้วยเหรอ”
“เปล่า” เขาเผลอยิ้ม ปลื้มใจที่พราวฟ้าจำได้ว่านี่คือหนึ่งในขนมหวานสุดโปรด
“แล้วพลต้องการอะไรเอ่ย?”
“วันเสาร์ตอนสายๆ พราวไปดูที่ดินเป็นเพื่อนพลหน่อยสิ”
“ได้!”
“ไม่ถามเลยเหรอว่าที่ไหน”
“ที่ไหนเหรอ”
“สระบุรี”
“สบายมาก ไม่ไกลจากกรุงเทพนิ”
“แล้วถ้าบอกว่าล้อเล่น จริงๆ ชวนแล้วไปเชียงใหม่ล่ะ”
“ก็ไปด้วยอยู่ดี แต่จะบอกว่าให้นั่งเครื่องบินแล้วไปเช่ารถขับที่นั่นดีกว่า”
“โอเค งั้นเก้าโมงพลไปรับที่บ้านนะ”
“ได้เลย กลับจากดูที่ดินแล้วกินบะหมี่ปูที่บ้านพราวก่อนกลับด้วยนะ”
“ครับ เดี๋ยวพลถามพ่อให้ว่าว่างหรือเปล่า พรุ่งนี้ให้คำตอบ แต่เป็นตอนค่ำนะ”
“ได้เลย แล้วพลทำอะไรอยู่”
“กำลังทำงาน”
“เอางานมาทำที่บ้านอีกแล้วเหรอ” พราวฟ้าเสียงเศร้า ตั้งใจว่าจะชวนเขาคุยไปเรื่อยๆ แต่คงทำไม่ได้แล้ว
“อือ งานมันเยอะ วันเสาร์ไม่ว่างด้วย”
“วันนี้วันอะไรนะพล”
“วันพุธ”
“โอเค พลทำงานก็สู้ๆ นะ อีกสามวันเจอกัน”
“ครับ” เขาพูดจบก็วางสาย โยนโทรศัพท์ลงบนที่นอนด้วยความเซ็ง ไม่ได้สนใจว่าโยนไปแล้วมันกระเด็นกระดอนตกพื้นหรือเปล่า ขับรถไปดูที่ดินไม่เหนื่อย ไม่เมื่อยเท่าไหร่ มันเหนื่อยตรงที่ต้องคอยดูแลพราวฟ้า คิดแล้วก็เซ็ง เซ็งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากระบายความในใจด้วยคำว่า... เชี่ยเอ๊ย