อรสาพยักหน้าหงึกๆ ตอบรับ และพูดดีกับอลินมากกว่าทุกวัน “พูดเก่งดีนะ”
นางพยายามพูดให้ช้าและชัด แล้วมองเข้าไปที่หน้าจอโทรศัพท์อย่างสนใจ อลินจึงบอกให้เด็กทั้งสองไหว้และกล่าวสวัสดีทักทายคุณอรสา เด็กทั้งสองทำตามอย่างว่าง่าย ปกป้องรู้ว่างานของหม่ามี้คือบำบัดสภาพร่างกายและจิตใจผู้ป่วย แต่ไม่รู้จะเรียกผู้หญิงสูงวัยที่นอนอยู่บนเตียงไฟฟ้าว่าอะไร จึงเอ่ยขึ้นว่า
“ถ้าคุณย่าหายป่วย ป้องจะเอาโมเดลตึกที่ป้องเพิ่งต่อเสร็จไปให้คุณย่าเลยนะครับ” แฝดผู้พี่รีบโชว์ผลงานการต่อตัวต่อเลโก้ ที่ตัวเองเพิ่งทำเสร็จให้อรสาดู “สวยไหมครับ”
คุณอรสาที่เพิ่งผ่านความเสียใจมาอย่างรุนแรง เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของหนูน้อยในหน้าจอโทรศัพท์ก็รู้สึกถึงความชุ่มชื่นหัวใจ มีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก เพราะนางเป็นคนชอบเด็กอยู่แล้ว พอเห็นหนูน้อยหน้าตาเหมือนลูกชายตอนเด็กๆ แล้วยังดูช่างพูดช่างเจรจาก็รู้สึกถูกชะตาขึ้นมาทันที
“สวยสิครับ หนูต่อได้เก่งมาก ถ้าหนูว่างๆ มาหาย่าที่โรงพยาบาลนะ ย่าจะสั่งให้คนไปซื้อมาให้ต่อเล่นสักสิบชุดเลย”
เด็กชายยิ้มแก้มแทบแตก “คุณย่าใจดีที่สุดในโลกเลย ป้องจะขอให้หม่ามี้พาป้องไปหาคุณย่านะครับ”
“อยากเจอหน้าย่าหรืออยากได้ตัวต่อ”
หญิงสูงวัยมองเด็กชายยิ้มกว้าง ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์เหมือนธาวิตตอนเด็กๆ ที่ชอบมาหลอกล่อให้ซื้อของเล่น แล้วก็นึกขำ
“ย่าสัญญา ถ้าหนูมาหาย่า ย่าจะซื้อให้จริงๆ”
“เย้!!” คราวนี้ ปกป้องถึงกับร้องตะโกนพร้อมกระโดดเหยงๆ
เมื่อเห็นพี่ชายฝาแฝดออกอาการลิงโลด เด็กหญิงตัวน้อยที่ถืออมยิ้มอยู่ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ยื่นหน้าแทรกเข้ามาในหน้าจอโทรศัพท์ แล้วออกแรงผลักปกป้องออกไปนอกกรอบ
“ปรานมีอมยิ้มสีรุ้งค่ะ” แล้วหยิบโชว์ขึ้นมา “ถ้าคุณย่าได้กินต้องยิ้มหวาน หายป่วยแน่ค่ะ”
โปรดปรานพูดแล้วฉีกยิ้มหวานโชว์หน้ากลมๆ ที่ใครมองเห็นก็ต้องยิ้มตาม ส่วนพี่ชายก็ขยับหน้าเข้ามาเบียดกับน้อง
“คุณย่าอย่าไปเชื่อเด็กขี้โม้ครับ”
เท่านั้น คุณอรสาก็หัวเราะไม่หยุด “ย่าอยากกินอมยิ้มของหนู กินแล้วต้องอารมณ์ดีเหมือนหนูสองคนแน่เลย”
แฝดสองพี่น้องต่างเห็นคนที่ตัวเองเรียกว่าย่าอารมณ์ดีขึ้นมาก จึงช่วยพูดให้กำลังให้อีกหน่อย จนอลินคิดว่าได้เวลาให้คุณอรสาพักผ่อนแล้ว จึงบอกให้เด็กๆกล่าวลาก่อนจะวางสายไป หญิงสูงวัยถึงกับฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุขในความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กทั้งสอง แล้วบอกกับหญิงสาวว่า
“เธอโชคดีนะ ที่มีลูกน่ารัก”
อลินเห็นแววตาเปี่ยมสุขของอรสา และแอบเห็นหยาดน้ำตาแห่งความตื้นตันไหลลงมาจากหางตาเรียว หญิงสูงวัย อายุร่วมห้าสิบปีหวนคิดถึงเรื่องราวของตัวเอง นางเคยมีลูกมีสามีอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่แล้วพ่อลูกก็หมางใจกันจนต้องแยกกันอยู่ กระนั้น นางก็ยังพอทำใจได้ แต่เวลานี้ สามีถูกจับแยกออกไปตลอดชีวิตตลอดกาลแล้ว
อลินแสร้งทำเป็นไม่เห็น เพราะเกรงว่าท่านจะอายที่ร้องไห้ต่อหน้าเธอ คงเป็นเพราะอยากมีหลานๆ อุ้มเล่นตามประสาคนวัยนี้ จึงคิดได้ว่า ถ้าให้อรสาได้เจอ ได้เห็นความน่ารักสดใสของเด็กๆ บ่อยๆ อาการป่วยทางใจคงดีขึ้นตามลำดับ ส่วนเรื่องการทำกายภาพบำบัดต่อจากนั้นคงไม่ยากเกินความสามารถของเธอ ถ้าคนไข้ใจสู้ก็ไม่มีอะไรยากเกินไป เธออยากทำให้คุณย่าของเด็กๆ กลับมาเดินได้อีกครั้ง
“อีกสามวันจะเป็นวันหยุดของปกป้องและโปรดปราน ทุกวันหยุด อลินจะพาเด็กๆ มาเล่นที่สวนสนุกของโรงพยาบาล คุณน้าอยากเจอพวกเด็กๆ ไหมคะ อลินจะขออนุญาตพาคุณน้านั่งรถเข็นไฟฟ้าลงไปดูเด็กๆ” ที่พูดแบบนี้เพราะเธอมีแผนในการรักษาอยู่ในใจ
อรสารีบพยักหน้าหงึกๆ และยิ้มรับอย่างมีความหวัง นางเองก็เบื่อกับการเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปไหนไม่ได้ เพียงคุยกับเด็กแฝดสองคนแค่ไม่กี่คำ หญิงสูงวัยก็รู้สึกมีความสุขและอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก อยากจะคุย อยากจะจับแก้มอ้วนๆ ของเด็กสองคนพี่น้องเหลือเกิน
“อยากเจอสิ ฉันชอบเด็กๆ พวกแกคุยเก่ง น่ารักเชียว” อรสารอคอยให้ธาวิตมีครอบครัวและมีหลานชายหลานสาวตัวน้อยๆ ให้ แต่รายนั้นก็ไม่ถูกตาต้องใจใครพอจะตัดสินใจมีครอบครัวสักที ก็ไม่รู้ว่าคนที่เพียบพร้อมแล้วทุกสิ่งทุกอย่างแบบลูกชายนางยังรออะไรอีก
“ถ้าอยากเจอ วันนี้คุณน้าต้องเริ่มฝึกกายภาพบำบัดกับอลินนะคะ อลินจะได้พานั่งรถเข็นไปหาเด็กๆ โดยที่คุณน้าไม่ปวดหลัง”
หญิงสาวยื่นข้อเสนอให้อรสายอมฝึกกายภาพบำบัดตามโปรแกรมการรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อจะได้พานั่งรถเข็นไปหาเด็กๆ ที่สวนสนุกอย่างไม่กระทบกระเทือนกระดูกสันหลังที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ซึ่งเวลานี้ อาการบาดเจ็บนั้นทุเลาลงจนแทบเป็นปกติแล้ว แต่การนอนอยู่นิ่งๆ เวลานานเพื่อลดการกระทบกระเทือนก็มีผลทำให้กระดูกสันหลังส่วนอื่นกำลังจะถูกพังผืดยึดเกาะไปด้วย หากว่าคุณอรสาไม่ยอมเริ่มต้นขยับร่างกายเบาๆ เล็กๆ น้อยๆ จะทำให้พังผืดนี้ลามไปยึดกล้ามเนื้อด้านหลังด้วย และนั่นจะทำให้การรักษากินเวลานานไปอีก และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการรักษาที่นานกว่าปกติ เช่น แผลกดทับ หรือการติดเชื้อตามมาได้
อรสาก็ยิ้มรับอย่างเต็มใจ แล้วบีบมือของอลินที่กุมมือของนางไว้อย่างเชื่อมั่นขึ้น และเป็นการขอบคุณที่พยายามให้กำลังใจและเต็มใจช่วยให้นางกลับมาเดินได้อีกครั้ง ซึ่งพอหายหงุดหงิดแล้ว อารมณ์เกรี้ยวกราดของคุณอรสาก็สงบลง กลับมาเป็นหญิงสูงวัยที่ใจดีตามเดิม