ตอนที่ 6 25 %

1490 Words
เกื้อการุณดึงร่างบางมานอนหนุนต้นแขน มือกร้านไล้เล่นบริเวณแผ่นหลังเลื่อนไปที่สะโพกเปลือยเปล่า ผิวมนัสยานุ่มเนียนเหมือนผิวเด็กที่เขาสัมผัสได้อย่างไม่เบื่อเลย หญิงสาวกำลังนอนคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ ประสบการณ์ครั้งแรกเป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกหลากหลายจริงๆ และตอนนี้เธอรู้สึกระบมตรงบริเวณนั้น หากคุณอาผู้เอาแต่ใจจะทำอีก เธอจะรับไหวหรือเปล่า ว่าแล้วก็ช้อนดวงตางดงามขึ้น เป็นเวลาเดียวกับที่ดวงตาคู่สีสนิมนั้นหลุบลงพอดี เธอรีบดึงสายตาลงต่ำ ขนาดนี้แล้วก็ยังรู้สึกเขินอายเขาอยู่ เกื้อการุณดันคางเธอขึ้น จูบกับหน้าผากที่ผสมกลิ่นเหงื่อหมาดๆ แล้วถาม "คิดอะไรอยู่ หรือคิดว่าอาจะเอาอีก" "อาเกื้อ..." เขาพูดขึ้นมาก็ดี เธอเลยทำหน้าม่อยแล้วพูดตามตรง "แล้วอาเกื้อจะทำอีกรึเปล่าล่ะคะ ยาหยียังรู้สึก..." "ระบม" เธอพยักหน้าทำหน้าตาให้น่าสงสารเข้าไว้ เผื่อเขาจะ 'การุณ' เธอเหมือนชื่อของเขาบ้าง "วางใจเถอะ คืนนี้อาสบายตัวแล้ว ตัวเบาขึ้นเยอะเลย" คำตอบของเขา ทำให้เธออดรู้สึกขุ่นขวางเขาขึ้นมาไม่ได้ เขาตัวเบาสบายไม่เหมือนเธอเจ็บร้าวระบมไปทั้งตัว โดยเฉพาะจุดเร้นลับ ก็เขาโหมแรงกับเธอเสียขนาดนั้น พานให้นึกถึงภาพที่เขาตอกตรึงสะโพกหนาเข้ามา เห็นแล้วก็อยากจะม้วนตัวหนีกลับเข้าไปใต้ผ้าห่มจริงๆ แต่เธอก็รู้สึกสบายใจอยู่บ้าง ที่เขาไม่คิดจะทำอะไรเธออีก ว่าแล้วก็ขยับศีรษะขึ้นมาจ้องเขา ถามถึงเรื่องพี่ชายที่เธอสงสัยขึ้นมา "แล้วเรื่องพี่มนัสล่ะคะ อาเกื้อมีอะไรจะบอกยาหยีมั้ย" "อ้อ... เรื่องพี่ชายคนนั้น" "ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรจะบอกจริงๆ ยาหยีจะต้องกลับบ้านแล้วนะคะ" "ไม่ต้องกลับ ฟังอานะ ยาหยีไม่ต้องทำอะไรอย่างที่คนพวกนั้นต้องการ แล้วไม่กี่วันพี่มนัสของยาหยีจะกลับบ้านไปเอง" "หมายถวามว่ายังไงคะ" เธอขยับตัวขึ้นมานั่งจ้องเขาด้วยความสนใจมากขึ้น ดวงตาสีสนิมมีประกายพรายพราว ยามเห็นอกสะล้างคู่งามเต็มๆ ตาอีกครั้ง เขาจ้องที่ยอดนั้น ความหื่นกระหายที่อยากดื่มกินเกิดขึ้นอีกแล้วสิ ทว่า... "อาเกื้อคะ ว่ายังไงคะ" น้ำเสียงหวานๆ ก็ทำให้เขายอมละเรื่องทรวงงามเปล่าเปลือยของเธอไปก่อน เกื้อการุณเลยเล่าเรื่องวันที่วีรชาติไปส่งเธอที่บ้านแล้วเห็นเธอทำท่าทางแปลกๆ เมื่อมีรถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่ขี่สวนทางไป คงเพราะลักษณะของคนขับขี่มันคล้ายกับพวกแก๊งเงินกู้โหด สัญชาติญาณของวีรชาติจึงคิดว่ามันไม่ปกติ บวกกับมนัสยาก็มีสีหน้ากังวลด้วย หลังจากที่วีรชาติขับรถออกจากซอยบ้านของหญิงสาว เขาก็พบรถคันนั้นยังขี่วนเวียนอยู่แถวนั้น วีรชาติจึงขับรถสะกดรอยตามพวกมันไป จนสามารถรู้ว่าหนึ่งในคนพวกนั้นก็คือพี่ชายของเธอนั่นเอง เกื้อการุณเล่าเรื่องทั้งหมดให้หญิงสาวฟัง ก่อนจะสรุปว่า "ยาหยีของอาใสซื่อ บริสุทธิ์จนตามไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของพี่ชายตัวเองน่ะสิ" มนัสยาทำหน้าเคร่งด้วยความฉุน ใช่คุณอาพูดถูก...เธอซื่อมาก...ซึ่งอีกนิดเดียวคงเป็นโง่แล้ว "หมายความว่าพี่มนัสกุเรื่องขึ้นมาเอง แบบนี้หรือคะ" เกื้อการุณพยักหน้า "ใช่สิ อาถึงได้กล้ารับรองว่าพี่ชายตัวแสบของยาหยีจะไม่เป็นอะไร พอไม่ได้เงินจากน้องและแม่ เดี๋ยวก็คงกลับไปอาละวาดที่บ้านเอง" "พี่มนัสช่างร้ายกาจจริงๆ ทำแบบนี้กับแม่และน้องได้ยังไง! พวกเราอุตส่าห์เป็นห่วง" น้ำเสียงที่เข้มขึ้นของหญิงสาวทำให้เกื้อการุณรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย เขาไมาอยากเห็นเด็กน้อยของเขาทุกข์ใจเลย ว่าแล้วจึงลองเสนอความช่วยเหลือบางอย่างแก่เธอเพิ่มอีก ถือว่านี่เป็นบริการเสริมพิเศษนอกเหนือไปจากเงินและคอนโดมิเนียมหรูที่เธอได้รับไปก่อนหน้าแล้ว ก็แล้วกัน "ยาหยีอยากให้พี่ชายได้รับบทเรียนอะไรมั้ย อาจะให้คนจัดการให้" "อาเกื้อจะทำร้ายพี่มนัสหรือคะ" "อาจะใช้วิธีที่นุ่มนวลกว่านั้น อาจจะพาไปดัดนิสัยให้สักที่" หญิงสาวหลุบตาลงครุ่นคิดตาม นั่นน่ะสิเธอจะทำอย่างไรกับนิสัยของพี่ชายดี ลำพังบิดาที่ติดการพนันก็ทำให้เธอสองคนแม่ลูกทุกข์ใจจะตายอยู่แล้ว นี่ยังมีพี่มนัสอีกคน เธอจะปล่อยให้เขากลับมาไถเงินจากที่บ้านเรื่อยๆ ไม่ได้ "ค่ะ ถ้าอาเกื้อมีวิธีดัดนิสัยพี่มนัสได้ ยาหยีจะยกเรื่องนี้ให้อาเกื้อจัดการ" เขายิ้มรับอย่างพึงพอใจ ก่อนจะลากนิ้วขึ้นมาใกล้ๆ ที่อกงามข้างหนึ่ง แล้วถามว่า "อาทำดีแบบนี้ ยาหยีจะให้อะไรเป็นรางวัลอานะ" เขาทวงถามถึงรางวัลเธอก็รีบบอกด้วยสีหน้าแหยๆ "แต่คืนนี้ยาหยีไม่ไหวแล้วนะคะ" "เด็กโง่ อาหมายถึงเป็นจุ๊บที่แก้มอาหนึ่งทีดีมั้ย" หญิงสาวสบตากับดวงตาพราวระยับตรงหน้า ขอรางวัลแค่นี้ทำไมเธอจะให้เขาไม่ได้ ดีกว่าการที่จะให้เขาจับเธอกินทั้งตัวอีกเป็นไหนๆ ว่าแล้วร่างบางก็ยื่นหน้าเข้าหา กดริมฝีปากเข้ากับแก้มสากๆ จูบจนเกิดเสียงดังจุ๊บเบาๆ จากนั้นเธอได้ยินเสียงเขาหัวเราะหึๆ ด้วยความพึงพอใจขึ้นมา "งั้น...ยาหยีกลับบ้านได้หรือยังคะ อย่างน้อยก็กลับไปหาคุณแม่ ยาหยีต้องบอกเรื่องนี้ให้คุณแม่รู้ ท่านจะได้สบายใจค่ะ อีกอย่างก่อนออกมา ยาหยีก็โกหกคุณแม่ด้วยเรื่องหนึ่งถึงจะหาเรื่องออกมาได้ด้วย" ว่าแล้วเธอก็รีบหาทางซิ่งไปจากคุณอาผู้เอาแต่ใจทันที "ก่อนออกมายาหยีโกหกแม่ว่ายังไงล่ะ" เกื้อการุณหรี่ดวงตาลง ขณะถามกลับหญิงสาวด้วยความอยากรู้ขึ้นมา จริงสิ มนัสยาของเขาเป็นเด็กดี เธอเป็นดั่งไข่ในหินของมารดาที่ได้รับการดูแลอย่างดี ไม่มีออกนอกลู่นอกทางไปไหน เขาจึงสนใจขึ้นมาว่าเด็กดีของเขาจะหาทางเอาตัวรอดจากเรื่องนี่อย่างไรด้วย "ก็...บอกท่านว่า ยาหยีจะออกมาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อนที่เป็นโรคซึมเศร้าค่ะ" เธอมีเพื่อนที่ป่วยเป็นโรคนี้อยู่คนหนึ่งและมารดาก็พอรู้ เธอเลยกุเรื่องบอกท่านว่าเพื่อนคนนี้มีปัญหาอยากให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อน มารดาจึงไม่ได้สงสัยอะไร นึกแล้วก็เป็นความรู้สึกผิดต่อเพื่อนและต่อคุณแม่ที่เธอจำหาข้ออ้างออกจากบ้านในยามวิกาล ก็ใครใช้ให้คุณอาคนนี้นิสัยไม่ดี เรียกหาเธอในยามดึกๆ ดื่นๆ เล่า "งั้นยาหยีก็อย่ากลับเลย ไหนๆ ก็หาเรื่องออกมาได้แล้ว อยู่กับอาต่อดีกว่า เพราะอาคนนี้ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า มีแต่อาการ 'ซึมเต้า' ที่รอให้ยาหยีบำบัดคนเดียว" "อาเกื้อ!" เธอทั้งขวาง ทั้งอาย ก่อนจะรู้ตัวว่าลุกขึ้นมานั่งโดยปล่อยให้ทรวงงามล่อตาล่อใจเขาอยู่ มิน่าตอนพูดเรื่องพี่ชาย เขาไม่ค่อยจะสบตาเธอ สายตาพยายามมองต่ำลงตลอด ว่าแล้วก็รีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอก มองเขาด้วยแววตาขวางๆ เกื้อการุณหัวเราะขึ้น รีบรวบตัวเธอเข้ามากอดแนบอก "นอนกับอาคืนนี้ซะ อาง่วงแล้ว ส่วนเรื่องคุณแม่ก็ส่งข้อความไปบอกท่านอย่างที่อาเล่าให้ฟังน่ะแหละ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่แผนการร้ายของพี่ชายเรา คุณแม่จะได้สบายใจ" "แต่..." มนัสยายังอยากซิ่งหนีเขาไปอีก ทว่า เธอดิ้นได้เพียงเล็กน้อยก็จำยอมให้เขากอดต่อแต่โดยดี เพราะ... "ยิ่งยาหยีดิ้น จะยิ่งทำให้ส่วนนั้นของอามันตื่นอีกนะ แล้วยาหยีก็จะไม่ได้นอนต่อแล้วด้วย" ถ้อยคำที่ทั้งขู่ทั้งเตือนของเขา ทำให้มนัสยาจำนอนนิ่งสงบในอ้อมกอดเขา เพราะกลัวเหลือเกินว่า เขาจะลุกขึ้นมาต่อกับเธออีกหน ให้เธอได้พักบ้างเถอะ ขืนเขาทำอีกพรุ่งนี้เธอจะเดินเข้าบ้านอย่างไรไม่ให้มารดารู้สึกผิดสังเกตล่ะ .
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD