.
.
.
.
.
.
.
‘ลูกฉันอยู่ที่ไหน? ...ได้โปรดพระเจ้า..ขอให้ลูกฉันปลอดภัยด้วย’
.
.
.
.
.
.
ขาอันไร้เรี่ยวแรงเดินเตร่ๆตามทางกลับบ้านไปเรื่อย ใบหน้าเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาเหม่อลอยมองพระจันทร์ส่องสว่างบนฟ้าพลางในหัวก็คิดเรื่องราวต่างๆนาๆก่อนเท้าเล็กจะมาหยุดยืนหน้ารั้วบ้านของตัวเอง
“พี่ฟาร์ม...” ตากลมเบิกกว้างด้วยความดีใจเมื่อเห็นรถพี่ชายจอดประจำที่ เท้าเล็กรีบสาวเข้าบ้านอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดประตูเข้าไปอย่างแรงจนทำให้ชายร่างสูงที่กำลังคร่อมหญิงสาวร่างบางอยู่บนเตียงเด้งตัวขึ้นอย่างอัตโนมัติ
“ริน!!!!” พี่ชายตัวดีตาเบิกกว้างเมื่อเห็นในหน้าน้องสาวที่ควรจะอยู่ที่สปาเป็นคืนสุดท้าย
“พี่ฟาร์ม.. ทำไมพี่ทำแบบนี้! พี่เอาลูกรินไปไว้ไหน” ร่างเล็กรีบตรงเข้าไปเกาะแขนแกร่งของพี่ชายก่อนออกแรงเขย่ามันแรงๆพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้
“ริน! รินใจเย็นๆ ฟังพี่ ริน!” ผู้เป็นพี่พยายามจับมือเล็กไว้ให้หยุดก่อนจะหันไปพยักเพยิดหน้าให้หญิงสาวข้างๆออกไปก่อน
“พี่จะให้รินฟังอะไร ทำไมพี่ทำแบบนี้ รินไว้ใจพี่ ลูกรินอยู่ไหน!! ฮืออออ”
“ยัยริน!” เสียงทุ้มหนักตวาดใส่น้องสาวจนคนตัวเล็กกว่าทรุดลงนั่งกับพื้น
“ฮือออ.. พี่ .. ฮึก..พี่ฟาร์ม.. ยัยหนูของรินอยู่ไหน ลูกรินอยู่ไหน.. ฮืออ” คนตัวเล็กยังร้องไห้ไม่ขาดแต่หากอ่อนแรงลงจนคนพี่ต้องค่อยๆพยุงร่างน้องสาวกลับขึ้นมานั่งโซฟาข้างๆ
“ค .. คือว่า ..คือ .. พี่..พี่พาริเอลไปที่บ้านพ่อเค้า” ปากหนาเม้มเข้าหากันแน่นไม่มีคำใดจะแก้ตัว
“พี่ฟาร์ม! ทำไมพี่ทำอย่างนี้ รินย้ำนัก ย้ำหนาใช่ไหมว่ารินไม่อยากให้เค้ารู้”
“ริน! มันไม่แฟร์กับริเอลนะ คิดหรอว่าสักวันริเอลจะไม่ถามหาพ่อ แล้วหมอนั่นเองก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำ!”
“รินไม่ต้องการให้เค้ามารับผิดชอบริน! รินเลี้ยงลูกเองได้! ” เสียงเล็กแข็งกร้าวสูงพี่ชาย
“รินไม่ต้องการ แต่ริเอลต้องการ!”
“....” ร่างเล็กเงียบลงถนัดตาไร้คำจะโต้เถียง
“พี่ขอโทษ... จริงๆแล้ว.. วันนี้พี่มีนัดเดท..เลื่อนไม่ได้จริงๆพี่ก็เลย..”
“พี่มันเห็นแก่ตัว...” ยังไม่ทันที่พี่ชายจะพูดจบเสียงเล็กก็แทรกขึ้นมาจนคนที่ถูกว่าให้ได้แต่ลอบถอนหายใจยาวๆ..
“เฮ้อ... พี่ขอโทษ พี่มันเห็นแก่ตัวจริงๆนั่นแหล่ะ” ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของน้องสาวสุดที่รักคิดสงสารจับใจ สิ่งที่เขาทำไปไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวล้วนๆหากแต่มันคือความต้องการของคนเป็นพี่ต้องการให้ใครอีกคนมารับผิดชอบช่วยกัน ไม่อยากให้ทุกอย่างมันตกอยู่ที่น้องสาวของเขาเพียงคนเดียว
“......”
“ริน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆแม้รู้อยู่แล้วว่าจะไม่ได้การตอบรับ พลางลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู
“.....”
“เราไปรับยัยหนูกลับบ้านกันเถอะ”
“.... ฮึก” เพียงเท่านั้นน้ำตายิ่งไหลกลับออกมาซ้ำรอยเดิมพร้อมร่างเล็กที่โผเข้ากอดพี่ชายแน่น
“ไปกันนะ” ร่างสูงค่อยๆพยุงร่างของน้องสาวตรงไปยังรถก่อนจะขับออกไปยังที่หมาย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
‘การพบกันครั้งนี้ฉันควรมองหน้านายยังไง...’
.
.
..
.
.
.
.
21 : 05 น.
“..อุแว๊.. อุแว๊.. แงงงงงง๊..~” ทารกน้อยในอ้อมอกของผู้มีศักดิ์เป็นย่าร้องไห้โยเยและไม่มีท่าทีจะหยุดลงง่ายๆ
“โอ๋ๆๆ คนเก่งของย่าไม่ร้องนะลูก” มีอาร์อุ้มหลานน้อยโยกไปมาเบาๆกล่อมหวังให้ทารกน้อยสงบ
“ทำไมเขาร้องไม่หยุดเลยอ่ะแม่” ลูกชายเอ่ยถามผู้เป็นแม่อย่างเข้าใจพฤติกรรมของทารก
“เด็กวัยนี้เขาห่างแม่ได้ที่ไหนกันล่ะรัน”
“ก็ทำไงได้อ่ะครับแม่ เฮียฟาร์มบอกว่าน้องสาวเขาป่วยหนักมากนี่ครับ” ลูกชายหน้ายู่ตอบกลับไปราวกับว่าไม่ใช่ความผิดของตน
“หึหึ.. งั้นหรอเจ้ารัน! ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีไป! ถ้าแกบอกป๊ากับแม่ว่าแกไปทำอะไรไว้! หลานฉันก็คงไม่เป็นแบบนี้อย่างน้อยเราจะได้ช่วยแม่เขาดูแล ริเอลก็จะได้คุ้นหน้าพวกเราบ้าง ” คนเป็นพ่ออดไม่ได้กับท่าทางน่าหมั่นไส้ของลูกชายมือหนาเคาะลงที่หัวอย่างแรงจนอีกคนต้องอุทานเสียงหลง
“โอ๊ยยย!! ป๊า!!= = ทำผมทำไมเนี่ย!”
“ก็แกมัน!! ฮึ่ยย” ผู้เป็นบิดากัดฟันกรอด
“พอๆทั้งสองคนนั่นแหละเดี๋ยวริเอลก็หลับไม่ได้สักทีสิ” ถึงคราวผู้เป็นแม่ออกโรงห้ามบ้างและแน่นอนว่ามันได้ผล
‘ก๊อก ก๊อก..’ เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจจากทั้งสามที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของหัวหน้าครอบครัวให้หันไปพร้อมกัน
“เข้ามา” เสียงทุ้มต่ำของเจ้าของบ้านเอ่ยอนุญาต
“นายครับมีคนมาขอพบครับ” บอดี้การ์ดร่างสูงรายงานตามหน้าที่
“ใครกันอีกวะ นี่ดึกขนาดนี้แล้วแกยังให้เขาเข้ามาอีกหรอ” คิ้วหนาขมวดเข้าพลางเปรยตามองลูกน้องอย่างไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่
“เอ่อ.. คือ เขาบอกว่าสำคัญมากๆครับ”
“รัน ไปดูหน่อยใครมาแล้วมาบอกป๊า ถ้าไม่สำคัญก็ไล่เขากลับไป” บิดาออกคำสั่งให้ลูกชายก่อนจะใช้สายตาจ้องมองย้ำคำสั่งอีกครั้ง
“ค..ครับ” ร่างสูงลุกออกไปอย่างเก้ๆกังๆ ร่างสูงเดินออกมาก่อนชะโงกหน้าส่องลงมาจากชั้นสอง
“!!!!!..... = =” ตาคมแทบถลนออกจากเบ้า!! เมื่อเห็นบุคคลที่ขาดการติดต่อเขาไปกว่าหนึ่งปียืนกอดอกรออย่างร้อนรน ทันเท่าสายตาร่างสูงรีบผลุบกลับเข้าไปในห้องแต่ก็ต้องเจอกับสายถามหาคำตอบของบิดา
“ว่าไงใครมา”
“เอ่อ...คือ”
“เอ่า ว่าไงใครมา” เสียงเข้มเร่งเค้นคำถามจากลูกชาย
“คือ..แม่..” ว่าพลางมองไปยังทารกน้อยที่ยังคงร้องโยเยอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นย่า
“แม่อะไรของแก จะพูดก็พูดมาดีๆ ถ้าไม่พูดฉันจะออกไปดูเอง” ผู้เป็นพ่อทำท่าลุกปึงปังตรงไปยังประตูแต่ก็โดนลูกชายตัวดีมายืนบังประตูไว้
“แกจะเอายังไงเนี่ย บอกก็ไม่บอกจะไปดูเองก็ไม่ให้ไป! หลบไป!” ชายผู้เป็นพ่อเริ่มออกคำสั่ง
“ม ไม่ได้ครับป๊า ไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่ได้ เดี๋ยวผมจะออกไปคุยเอง!”
“ฉันจะไปดูเอง!” คนเป็นพ่อยังยืนยันคำเดิมก่อนผลักไหล่ลูกชายจนกระเด็นถอยออกไป เพียงเท่าประตูเปิดออกร่างเล็กที่กำลังจะจับลูกบิดก็ต้องผงะไม่ต่างกับคนที่เปิดประตูออกมาก็ต้องชะงักไปเองเช่นกัน
“ส สวัสดีค่ะ... ริ ริเอล ริเอลลูกแม่ ฮือออ ” ร่างเล็กกล่าวทักทายเจ้าของบ้านทันทีแต่เมื่อได้ยินเสียงลูกน้องร่างบางก็รีบตรงเข้าไปหาลูกน้อยโดยไม่รอให้เจ้าของบ้านอนุญาต
“อ่ะๆนี่จ่ะ” มีอาร์เองก็รีบส่งต่อหลานน้อยให้กลับสู่อ้อมกอดแม่
“ฟ เฟริน..” ปากหนาเอ่ยออกมาเบาๆเมื่อเห็นธารน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวล ไหนดวงตาที่บวมเป่งช่วยยืนยันว่าเจ้าหล่อนผ่านการร้องไห้หนักมากแค่ไหน
“ฮรึก.. ฮือออ ลูกแม่ แม่อยู่นี่แล้ว ฮืออ ริเอลแม่ขอโทษ แม่ขอโทษจริงๆ ไม่จะไม่ทิ้งลูกไปไหนอีกแล้ว ฮืออ” ร่างเล็กร่ำไห้ปานจะขาดใจพลางกอดลูกน้อยแนบอกแน่นจนคนที่เป็นหัวอกแม่ด้วยกันอย่างมีอาร์อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอไปด้วย
“...” ห้องทั้งห้องตกอยู่ในเงียบสงัดเหลือไว้เพียงเสียงสะอึกสะอื้นของผู้เป็นแม่
“ขอบ ฮึก ขอบคุณนะคะ ที่ช่วย อึก.. ช่วยดูแลริเอลแทนฉัน ต่อไปฉันจะไม่รบกวนแล้วค่ะ” ว่าจบร่างบางอุ้มลูกน้อยขึ้นอย่างทุลักทุเลเตรียมจะเดินออกห้องไปแต่ก็ต้องถูกมือหนาที่รั้งต้นแขนเธอไว้
“เธอหมายความว่ายังไง”
“เข้าใจยากตรงไหน? ก็หมายถึงฉันจะเลี้ยงลูกเองน่ะสิ” เสียงเล็กที่สั่นคลอนหันกลับมาตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ไม่ได้! /ไม่ได้!!” เสียงของผู้ใหญ่ทั้งสองที่เฝ้าดูเหตุการณ์ดังขึ้นพร้อมกันด้วยความพร้อมใจ
“....” ส่วนตัวต้นเรื่องทั้งสองรีบหันไปตามเสียงค้านทันทีอย่างไม่มีคำโต้เถียง
“หนูจะเอาหลานฉันไปไหนล่ะเฟริน” มีอาร์เอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าอย่างใจเย็น
“เธอจะเอาหลานฉันไปไหนไม่ได้ นั่นก็เลือดเนื้อเชื้อไขของฉันเหมือนกัน” เสียงเย็นยะเยือกกล่าวอย่างเรียบๆแต่แฝงไปด้วยความนัยจนคนฟังทั้งสองต้องขนลุกไปตามๆกัน
“คุณลุงกับคุณป้ารู้...แล้วหรอคะ” เสียงเล็กเอ่ยถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ใช่จ่ะ เรารู้แล้ว รู้หมดแล้ว พี่ชายหนูบอกป้าแล้ว”
“...พี่ฟาร์ม” ผู้เป็นน้องหันกลับมามองพี่ชายที่ยืนยิ้มแหยๆอย่างสำนึกผิดอยู่ด้านหลัง
“เพราะฉะนั้นพวกแกต้องแต่งงานกัน” คำพูดเรียบๆแต่กลับทรงพลังราวกับต้องมีผลบังคับใช้โดยทันทีที่ถูกประกาศออกมา
“ป๊า!!! = = แม่!!!!!! / คุณลุง!! คุณป้า!! = =” ผู้เป็นลูกชายรีบออกรีแอคชั่นทันทีเมื่อบิดาออกคำสั่งส่วนร่างเล็กเองก็ไม่ต่าง
“อะไรล่ะเจ้าลูกบ้า! ก็เพราะตัวแกเองไหมวะ!” คุณซันเองก็อดไม่ได้ที่จะเดินมาตบหัวลูกตัวดีไปป๊าบใหญ่ !!
ป๊าบบ!
“โอ๊ยย! ป๊า! ผมเจ็บ!” มือหนารีบลูบหัวตัวเองป้อยๆพลางส่งสายตาอ้อนวอนไปหาแม่แต่ดูเหมือนว่าจะถูกเมินเสียอย่างนั้น
“สมควร!” บิดาเอ่ยอย่างไร้เยื่อใย
“แต่ผมยังเรียนไม่จบเลยนะ! รินด้วย” ว่าแล้วพลางชี้นิ้วไปที่คุณแม่ลูกอ่อนที่ยืนอุ้มลูกอยู่เพื่อหาตัวช่วย
“พวกแกต้องแต่ง!” คำสั่งประกาศิตถูกย้ำอีกครั้งโดยเจ้าของคำสั่งเอง
“ป๊า!!!!” เสียงโอดครวญจากลูกชายดูเหมือนจะไม่เป็นผล
“ต้องแต่ง! เร็วที่สุด!”
“=[]=….” หมดคำจะประท้วงเมื่อเห็นว่ายิ่งเขาประท้วงผู้เป็นพ่อยิ่งดูเหมือนจะทำตรงข้ามไปเสียหมด
“....” เฟรินเองได้แต่ยืนมองคนข้างๆอย่างเข้าใจ..เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงไม่อยากเข้าวิวาครั้งนี้ จนร่างเล็กเองต้องถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะอุ้มลูกน้อยกลับหลังหันออกจากห้องไปแต่ก็ดันถูกมือแกร่งรั้งต้นแขนไว้อีกครั้ง
“เธอจะไปไหน? เธอก็ช่วยฉันค้านด้วยอีกเสียงสิริน”
“นั่นมันปัญหาของนาย ฉันเองก็จัดการปัญหาของฉันด้วยตัวฉันเองแล้ว” ร่างเล็กตอบกลับไปซึ่งๆหน้าแต่นั่นก็คงทำให้อีกคนรู้สึกเคืองขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เธอหมายความว่ายังไง!?” เสียงทุ้มเริ่มดุดันพร้อมกับแรงที่เขย่าต้นแขนเล็ก
“รัน! ปล่อยรินไปเดี๋ยวนี้นะ” คราวนี้เป็นทีของผู้เป็นแม่บ้างที่ออกคำสั่ง หากเมื่อใดที่ผู้เป็นมารดาได้ออกปากลูกชายอย่างเขาจะรีบทำตามอย่างไม่มีข้อแม้เพราะน้อยครั้งนักที่ผู้เป็นแม่จะออกคำสั่งกับลูกๆ
“....ครับ” มือหนาผละออกจากต้นแขนเล็กนั่นก่อนจะยืนมองหน้าเจ้าหล่อนอย่างต้องการพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังนั้นที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ
.
.
.
.
.
.
.
‘ฉันควรจะทำยังไงดีหละแสนดี..’
.
.
.
.
.
.
.
‘ฉันควรจะรับผิดชอบเธอยังไงดีหละเฟริน..’
.
.
.
.
.
.
.
.
‘พ่อควรจะทำยังไงกับหนูดีล่ะริเอล..’
.
.
.
.
.
“เฮ้ย รัน ตื่นเว้ยกลับบ้านกลับช่องได้ละ งานเลี้ยงเลิกละเว้ย ไอ้เจ้าของวันเกิดมันหนีกลับไปละเนี่ย” หนึ่งในเพื่อนรักเข้ามาเขย่าแขนร่างสูงที่นอนฟุบไปกับโต๊ะเบาๆหวังเรียกให้ได้สติ
“อื้อออออออ ยังเว้ย กูยังไม่อยากกลับ กลับบ้านทีไรพ่อแม่กูก็ถามแต่เรื่องแต่งงาน ถามหาแต่หลาน ไม่เห็นจะเห็นใจกูม้างง เล้ยยย” เสียงคนเมาอ้อแอ้เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องจนเพื่อนรักต้องส่ายหัว
“เฮ้ย มึงฟังกูนะเว้ยรัน มันเป็นความผิดของพวกมึงเอง รินเองมันก็รับผิดชอบของมันไปแล้ว แล้วมึงเองเป็นผู้ชายแท้ๆจะไม่แสดงความรับผิดชอบหน่อยหรอวะ สิ่งที่มึงต้องรับผิดชอบมันไม่ได้ครึ่งหนึ่งของสิ่งที่รินต้องรับเลยนะเว้ย” ตั้งแต่รู้เรื่องเพื่อนรักคนนี้ก็ได้แต่ปลอบใจมันเท่านั้นและพยายามกรอกหูให้มันทำสิ่งที่ถูกที่ควร
“ฮัน ถ้ามึงเป็นกูนะเว้ยมึงจะทำยังไงวะ คนรักมึงก็มี แถมกำลังไปได้สวยด้วยเว้ย แถมมึงยังเรียนไม่จบอีกนะเว้ยแถมต้องมาเป็นพ่อคนแล้วเนี๊ยย” แขนยาวคว้าเอาคอเพื่อนรักมากอดคล้องอย่างรักใคร่
“กูก็จะทำสิ่งที่ถูก”
“โว๊ะ! มึงเนี๊ย ไม่เข้าใจกูวว เล้ย ไม่คุยละ!” ร่างสูงฟุบลงกับโต๊ะก่อนจะหลับไปเสียดื้อๆทิ้งตัวเองให้เป็นภาระของเพื่อนรักที่ต้องเอาไปส่งให้ถึงบ้าน
“... นายนี่มัน.. เฮ้อ” ได้เพียงแต่ส่ายหัวให้กับการกระทำเด็กๆของเพื่อนที่ไม่รู้จักโตเสียทีแต่จะให้ทำอย่างไรเพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนอยู่วันยันค่ำ
.
.
.
.
.
.
‘ฉันหวังว่านายจะคิดได้ในสักวันนะรัน’
.
.
.
.
.
.
.
“อือ อ อออ...” ร่างบางขยับบิดตัวเบาๆเมื่อรู้สึกถึงแรงขยับดุ๊กดิ๊กบนเตียง
“แอ๊~~~ ..” สาวน้อยยิ้มแก้มปริต้อนรับการตื่นนอนของคุณแม่
“อรุณสวัสดิ์นางฟ้าของแม่ ฟอดด” ผู้เป็นแม่อดไม่ได้กับความน่ารักน่าเอ็นดูของสาวน้อยก่อนจะหอมแก้มไปฟอดใหญ่
“แอ้ แอ้ ~~~ . แอ๊ ” ทารกน้อยส่งเสียงอ้อแอ้ราวกับอยากจะสื่อสารกับผู้เป็นแม่อีกทั้งสองมือเล็กๆเอื้อมขึ้นมาราวกับจะไขว่ขว้าบุคคลตรงหน้าเข้ามาหา
“จ้าๆคนเก่งของแม่ อะไรคะ”หน้าสวยค่อยยื่นเข้าไปใกล้ๆลูกน้อยให้มือเล็กได้สัมผัสใบหน้าของตน
“คิก คิกๆๆ แอ๊~~ ” ทารกน้อยหัวเราะชอบใจยิ้มตาหยี
“คิคิ ชอบใจใหญ่เลยยัยหนู อื้มมม” ว่าแล้วก็อดฟัดแก้มยุ้ยๆของลูกไม่ได้
ติ๊ด ติ๊ดๆ..
“หืม” เสียงมือถือเตือนข้อความเข้าเรียกให้อีกคนต้องละสายตาจากลูกน้อยไปมอง
‘ออกมาเจอกันหน่อยสิ ร้านเดิม 10 : 30 น. : RunAway’
“อะไรของนายอีกเนี่ย..” ปากเล็กเม้มเข้าหากันอย่างครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจอุ้มลูกน้อยไปทำธุระส่วนตัว ผ่านไปเกือบครึ่งชม.ร่างเล็กอุ้มทารกน้อยใส่รถเข็นออกบ้านไปโดยทิ้งไว้เพียงกระดาษโน๊ตแผ่นน้อยไว้ให้พี่ชายที่ยังคงนอนหลับอยู่
‘ออกไปข้างนอก เดี๋ยวกลับมา’
ร่างบางพร้อมลูกน้อยมุ่งหน้าตรงไปยังร้านแห่งเดิมร้านประจำของพวกเขา ร้านที่เริ่มต้นและจบเรื่องราวต่างๆแต่นี่อาจจะเป็นภาคต่อของเรื่องที่กำลงจะเริ่มหรือไม่นั้นพวกเขาก็มิอาจรู้ได้
“สวัสดี คือวันนั้นที่บ้านฉัน.. ฉันขอโทษ” ทันทีที่สองแม่ลูกนั่งลงฝั่งตรงข้าม คนที่มาถึงก่อนก็รีบเอ่ยขอโทษอย่างรู้หน้าที่
“ไม่เป็นไร แล้ววันนี้นายมีอะไรถึงเรียกฉันมา”
“คือว่า ฉันอยากจะคุยเรื่อง..เอ่อ” พูดไปทั้งๆที่สายตายังคงมองไปยังทารกที่นอนตาแป๋วอยู่ในรถเข็นเด็กข้างๆผู้เป็นแม่
“เรื่องอะไรก็พูดมาฉันไม่ได้มีเวลาทั้งวันมานั่งฟังนายนะ”
“ป๊ากับแม่ฉันคงไม่ยอมแน่ๆเรื่องหลาน”
“ไม่! ถ้านายจะมาคุยเรื่องลูกก็กลับไปเถอะ ลูกเป็นของฉันคนเดียว!”
“เดี๋ยวสิ เดี๋ยวๆ ฟังฉันก่อนดิริน”
“ไม่ไง! ไม่ว่าจะยังไงถ้าจะมาเอาลูกไปจากฉัน ฉันไม่ยอมแน่! จบแค่นี้นะ” ร่างบางลุกตึงตังจากที่ทันทีที่พูดจบประโยค
“ฉันไม่ได้จะเอาลูกไปจากเธอ! เรามาแต่งงานกันเถอะ!”
“...น นาย..ว่าอะไรนะ ? นายเป็นบ้าอะไรของนาย” ร่างเล็กที่ลุกขึ้นเมื่อครู่ยืนนิ่งพร้อมกับจ้องชายหนุ่มตรงหน้าเพื่อยืนยันคำพูดเมื่อกี๊ของเขา
“ฉันไม่ได้เป็นบ้า ฉันพูดจริงๆ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างจริงจังพร้อมสบตาหญิงสาวตรงหน้าเขาเช่นกันเพื่อยืนยันคำพูดลูกผู้ชาย
“นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ นายก็มีแฟนอยู่แล้วนายจะมาแต่งงานกับฉันทำไม!?”
“แต่งงานกันเถอะ!”
.
.
.
.
.