งิ้วโรงใหญ่

1366 Words
งิ้วโรงใหญ่ ห้าวันต่อมา เหลียงม่านฉีกลับมายังเหลาเถื่อนของตนอย่างเงียบเฉียบ ซึ่งเป็นยามหัวค่ำในคืนที่หลังฝนตกหนัก นางต้องโทษตัวเองที่รับงานซึ่งเสี่ยงอันตรายเกินตัว จนเกือบเสียชีวิต ซึ่งครั้งนี้เหนื่อยกายเป็นอย่างมาก และเงินค่าจ้างยังไม่ทันตกถึงมือด้วยซ้ำ หากโชคยังดีที่นางได้ป้ายหยกที่แกะสลักเป็นลายต้นฝูซางของบุรุษผู้นั้นติดมือมาด้วย รวมถึงตำลึงทองที่เขามอบให้เป็นของรางวัลที่นางใช้ปากกับขาที่สามอันกราดเกรี้ยว จนคนตัวโตเสร็จสมไปถึงสามครั้งติดๆ กัน “อย่างที่บอก ข้าจะตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม รับตำลึงทองพวกนี้ไปก่อน เดี๋ยวจะให้พ่อบ้านจัดงานเงินให้เป็นสองเท่าตามตกลงกันไว้” เหลียงม่านฉี วาดฝันถึงสิ่งที่จะได้รับ เงินจำนวนดังกล่าวย่อมทำให้นางไปอยู่ในที่สบายๆ และเปิดเหลาอาหารเลื่องชื่อ สร้างกำไรมหาศาลในภายภาคหน้า โดยไม่ต้องซ่อนตัวอยู่ในถนนสายโลกีย์อีกต่อไป “หากคุณชายอยากเรียกใช้ข้าอีกเมื่อใด ผู้น้อยยินดีปรนนิบัติอย่างเต็มที่” ตัวนางหวังเพียงแค่เงิน แน่นอน เหลียงม่านฉีไม่อยากฝันให้สูงว่า เขาจะรับนางเป็นสาวใช้ห้องข้าง หรืออนุในบ้าน “ข้าคิดว่า เจ้าย่อมมีโอกาสนั้น หรือหากเจ้า คิดถึงข้ามากจนอดใจไม่ไหว จงนำป้ายหยกนี้แจ้งกับหอสื่อสาร ของสำนักวิหคทองคำ แล้วพวกเขาจะนำเจ้าไปพบข้า” เขาบอกนาง และกอดร่างนุ่มนิ่มด้วยความสิเน่หา เหลียงม่านฉีสลัดภาพในหัวทิ้ง นางคว้าเอากล่องมีดทำครัว และเครื่องปรุงที่เก็บไว้อีกหลายชนิดใส่ลังไม้ และเตรียมก้าวออกจากเหลาเถื่อน ทว่าเป็นตอนนั้น ที่เกิดแสงสว่างโร่ซึ่งมาจากโคมไฟ ก่อนปรากฏร่างทหารนับสิบคน รวมถึงสตรีนางหนึ่งที่ชี้มือมาที่หน้าของเหลียงม่านฉี ราวกับเป็นศัตรูคู่แค้น “นี่งไง เป็นแม่ครัวเถื่อนผู้นี้ นางปรุงยาเสน่ห์ให้เจ้าเมืองกิน และลักลอกมีความสัมพันธ์กับเขา ข้าเป็นพยานได้ นางยังทิ้งเสื้อผ้า ไว้ที่เรือนลับๆ หลังนั้นอยู่เลย” “เจ้าเมือง!” เหลียงม่านฉี ถามพร้อมกับปัดมืออีกฝ่ายที่ชี้หน้าตนทิ้ง “ใช่... แต่เจ้าไม่มีสิทธิเอ่ยถึงเขาอีก ยามนี้ เจ้าเมืองรู้สึกต่อฮูหยินที่กำลังตั้งครรภ์ เขาเลยตรอมใจ จนเสียชีวิตเมื่อเช้านี้!” เสียงสาวใช้คนดังกล่าวอัดแน่นด้วยความโกรธ ซึ่งคราวนี้นอกจากทหารสิบชีวิต ก็มีชาวบ้าน และเหล่าหญิงคณิกาโผล่มามาดูสิ่งที่เกิดขึ้น หน้าเหลาอาหารเถื่อนของเหลียงม่านฉี “มารดาเจ้าเถอะ กล่าวเรื่องปดให้ข้าเสื่อมเสีย เจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่” เหลียงม่านฉีถาม และเหงื่อนางผุดท่วมหน้าผาก อีกทั้งยามนี้กวาดตามองไปโดยทั่ว ก็พบแต่สายตาที่เคลือบแคลงสงสัยในตัวนาง “ฮึ หญิงขายตัวเช่นเจ้า ยังมีเกียรติใดหลงเหลือ แม้แต่เปิดแผงขายโจ๊ก หรือร้านบะหมี่คนยังไม่กล้ากิน เช่นนั้นเลยต้องแอบปรุงยาพิษใส่ในอาหารแล้วหลอกขายผู้อื่น!” สาวใช้คนเดิมโยนข้อกล่าวหาใส่เหลียงม่านฉี และจากนั้นชายผิวเข้ม หน้าตาไม่เป็นมิตร ซึ่งผู้คนต่างรู้ว่าเขาคือสัปเหร่อ ก็เอ่ยในสิ่งที่ชวนให้พรั่นพรึง จนคนที่มุงอยู่พากันขนลุกซู่ “พวกเจ้ารู้หรือไม่ สิ่งที่นางใช้ทำยาเสน่ห์ และน้ำแกง ก็คือทารกที่ผ่าออกจากหญิงสติไม่ดี ที่ถูกขอทานรุมโทรม เมื่อหลายเดือนก่อน !” “จะ เจ้าหมายถึง ‘หนงทางมนุษย์’ (น้ำแกงข้นเด็ก) เยี่ยงนั้นหรือ” เมื่อมีคนหนึ่งถามด้วยเสียงตื่นตระหนก ชาวบ้านต่างโกรธแค้น กระนั้นถึงจะมีบางคนที่เคยกินอาหารฝีมือเหลียงม่านฉี และอยากแก้ตัวแทนนางว่าไม่มีเรื่องสยองขวัญเช่นนั้น แต่ใครกันเล่าจะกล้าเปิดเผยความลับอันน่าละอายของตนให้ผู้อื่นรู้ ทั้งการที่แก่นกายอ่อนปวกเปียก หรือแม้กระทั่งเป็นบุรุษที่มีตัวเดียวอันเดียวเล็กสั้น ซ้ำร้ายยังเสร็จไวโดยไม่ทันได้ใช้งานกับคู่รักด้วยซ้ำ และด้านหลังสุด มีชายรูปงามคนหนึ่ง เขาเคยดั้งด้นมาให้เหลียงม่านฉีรักษาจากการเป็นต้วนซิ่วเมื่อต้นเดือน ตัวเขาไม่สามารถมีอารมณ์ยามหลับนอนกับสตรี กระทั่งได้ยาลูกกลอน และสุราหมักอันล้ำเลิศของนาง เขาจึงสามารถใช้แท่งหยกได้ทั้งกับชายและหญิง (ต้วนซิ่ว*พวกชอบเพศเดียวกัน) “แต่ข้าได้กินอาหารฝีมือนาง หลายหน มันทำให้เลือดลมไหลเวียนดี เดินเหินคล่อง อาการปวดเข่าก็หายไป ส่วนหลานข้าที่ปวดประจำเดือนจนเหมือนคนจะตายเสียให้ได้ เมื่อดื่มน้ำหมักนางอาการก็ทุเลา” หญิงคนหนึ่งที่เป็นแม่ค้าขายผักในตลาด ร้องตะโกนแก้ต่างให้แก่เหลียงม่านฉี ดังนั้นเมื่อมีหนึ่งเสียงเอ่ย เหล่าคณิกาที่รู้จักเหลียงม่านฉี จึงพากันสนับสนุนนาง “แม่ครัวฉี มีน้ำแกงสูตรวิเศษ ทำให้พวกเราไม่ต้อง ดื่มน้ำแกงที่มีสารหนู หรือยาพิษร้ายแรง หลังจากร่วมหลับนอนกับสามีรักสนุกของผู้อื่น” คราวนี้จึงเกิดเสียงอื้ออึงไม่หยุด เมื่อความคิดเห็นแตกเป็นสองฝ่าย จากนั้น หมอตำแยกับนายพรานจึงปรากฏตัว เหลียงม่านฉีหัวเราะให้กับภาพเบื้องหน้า ชะตาชีวิตนางถึงครางดิ่งลงเหวหรืออย่างไร เมื่อครู่นางก้าวขาใดออกจากเหลาอาหารเถื่อนกันนะ “เชิญ ใครอยากกล่าวหาข้าอีก รีบเปิดโรงละครงิ้วของพวกเจ้าเสีย!” ได้ยินเช่นนั้น หมอตำแยที่จะมากล่าวสนับสนุนชายหน้าผีจึงปิดปากเงียบ และเป็นนายพรานที่เอ่ยว่า “นังแม่ครัวชั่วช้าผู้นี้ จิตใจอำมหิต นางหลอกให้ข้าจับลิงบนภูเขาเจ้าแม่ลงมา แล้วเปิดกะโหลกมัน เพื่อให้พวกคนรวยกินสมองลิงสดๆ” เหลียงม่านฉีกำหมัดแน่น ทั้งหมดที่เกิดตอนนี้ นางย่อมรู้ว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง แล้วใครกันหนอ ที่อยากให้นางถูกจับขังคุก “เร็ว จับตัวนางไปให้ศาลตัดสินเอาความผิดเสีย” คนในกลุ่มที่คิดร้ายต่อเหลียงม่านฉีประกาศ และมีเสียงเฮลั่น แต่หญิงรับใช้ที่ชี้หน้ากล่าวหาเหลียงม่านฉีเป็นคนแรก กลับยกมือห้ามทุกคน และนางเอ่ยว่า “มิได้ นางต้องได้รับโทษ สถานหนักกว่านั้น ดูเอาเถิด เล่นชู้กับสามีผู้อื่น และสั่งฆ่าหญิงบ้าใบ้พเนจร แล้วยังลบหลู่เจ้าแม่ ด้วยการจับลิงมาทำอาหาร เมื่อพวกเจ้ารู้เห็นเช่นนี้ ยังจะปล่อยให้นางได้นอนในคุก นั่งกิน นอนกินอาหารสบายๆ อีกหรือ!” พอหญิงรับใช้เอ่ยจบ หินก้อนหนึ่งก็ถูกปาเข้าใส่ร่างเหลียงม่านฉีราวกับมีผู้เตรียมการให้เกิดเรื่องนี้ตั้งแต่แรก และก้อนหินดังกล่าวเฉียดศีรษะเหลียงม่านฉีไปเพียงนิดเดียว นับว่าโชคยังดี ที่นางหลบทัน ไม่เช่นนั้น คงได้รับบาดเจ็บ “พ่อแม่พี่น้อง อย่าเพิ่งให้มันตายเร็วเกินไป ก้อนหินในมือพวกท่าน เก็บเอาไว้ก่อน โน้น... ไข่เน่า และมูลสัตว์ ข้าเตรียมไว้ให้แล้ว จงทำให้นังหญิงชั่วช้าได้รับความอัปยศ จนไม่กล้าสู้หน้าใครไปอีกตลอดชีวิตของมันเลย!” สาวใช้คนดังกล่าวแสดงความมีชัยชนะเหนือเหลียงม่านฉี เป็นตอนนั้นที่นางพยายามนึกว่า เคยไปทำบาปทำกรรม แก่อีกฝ่าย และเจ้าเมืองที่มีชีวิตสั้นตั้งแต่เมื่อใด ดวงตากลมโตมองอย่างจับผิด กระทั่งนางจดจำได้ในที่สุด โอ้ เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อ...สามปีก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD