06 - ตัวช่วย

1519 Words
ปิติพอเห็นว่าทั้งชวนชมและดวงยิหวา และเด็กในบ้านของคีรีต่างก็ไปเข้าห้องน้ำกันหมดแล้ว ที่โต๊ะก็มีแต่ตัวเองกับคีรีเท่านั้น จึงได้คิดที่จะถามถึงเรื่องที่คีรีดูเหมือนจะรู้จักกับดวงยิหวามานาน ทั้งที่เพิ่งเจอกัน จะว่าชอบดวงยิหวามาก แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะการที่จะแสดงออกเหมือนรู้จักสนิทสนมแบบนี้เพียงเพราะชอบมาก ๆ แค่นั้นมันก็ดูไม่มีเหตุผลเลย "คุณคีรีคะ....ปลีขอถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่าคะ" ปิติไม่เกริ่นให้เสียเวลา เขาตัดเข้าเรื่องทันทีเพราะกลัวคนอื่นจะกลับมาก่อน ที่จะได้ฟังเรื่องที่ค้างคาใจนี้ "จริง ๆ แล้วผมกับยิหวา..." ชายหนุ่มแสดงท่าทางเขินอายเมื่อพูดถึงนางงามคนสวย ปิติไม่ค่อยชินตานักกับท่าทางแบบนี้ของคีรี เพราะมันค่อนข้างจะขัดตากับภาพชายรูปร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำ ผมยาว หรือที่ใคร ๆ เรียกกันว่าทรงโจร มาแสดงท่ากระมิดกระเมี้ยนเหนียมอายแบบนี้ "ว่ายังไงคะ? พอดียิหวาไม่กล้าถามเองน่ะค่ะ ก็เลยขอให้ปลีช่วยถามให้" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายโยกโย้ไม่พูดสักทีปิติจึงต้องงัดไม้เด็ดออกมาใช้ เขาพอจะดูออกอยู่ว่าคีรีพึงพอใจในตัวนางงามของเขามาก หากหยิบเอาชื่อดวงยิหวามาอ้าง ก็น่าจะให้ผลดี "ยิหวาน่ะเหรอครับ? ให้มาถาม" พอรู้ว่าใครเป็นคนอยากจะถามคีรีจึงได้รู้สึกแปลกใจ 'ทำไมต้องทำเหมือนไม่รู้จักกันขนาดนั้นด้วย คงจะโกรธมากจริง ๆ สินะ' คีรีคิดในใจ เขายังคงปักใจเชื่อว่าดวงยิหวาคนนี้เป็นคนเดียวกันกับที่เขาเคยคุยด้วยทางไลน์ อย่างไม่เอะใจเลยสักนิดว่าเธออาจจะไม่รู้จักเขาจริง ๆ "คือเรื่องของผมกับยิหวามันเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ตอนนั้นผมเพิ่งจะหัดเล่นเฟซบุ๊กใหม่ ๆ ก็จะทำอะไรไม่ค่อยเป็นนักหรอก ทีนี้ไปเจอเฟซฯ ของยิหวาเห็นว่ารูปสวยดีก็เลยแอดไปมั่ว ๆ พอเขารับผมก็รีบทักไปเราสองคนก็คุยกันมาเรื่อย ๆ แล้วยิหวาก็มาชวนให้ผมเล่นไลน์ ตอนนั้นผมไม่ค่อยเก่งเรื่องเทคโนโลยีอะไรพวกนี้ ก็เลยต้องให้เด็ก ๆ ในซุ้มไก่ชนทำให้พอมีไลน์เราก็โทรคุยกันทางไลน์ตลอด ชีวิตยิหวาน่าสงสารคุณปลีก็น่าจะรู้ พ่อแม่ป่วยบ่อยต้องไปประกวดนางงามหาเงินมารักษาพ่อแม่ ได้มาก็ไม่กี่บาท จ่ายค่ารักษาพ่อแม่ก็หมดแล้วไอ้ผมคบใครก็จริงใจไง ทนไม่ได้หรอกที่จะต้องเห็นคนรักลำบาก ก็มีโอนไปให้บ้างแต่ยิหวาเขาไม่มีบัญชีตัวเองใช่ไหมล่ะ ก็จะให้โอนไปบัญชีป้าบ้าง บัญชียายบ้าง จนเมื่อกลางปีที่แล้วเราคุยกันเรื่องจะแต่งงานเขาก็บอกว่าเขาขอสินสอดสิบล้านแล้วจะให้โอนไปก่อนไม่งั้นที่บ้านจะโดนยึดแล้วเขาต้องไปติดคุกแทนพ่อ ตรงนี้ผมก็บอกให้เขารอก่อน ผมจะหาทนายเก่ง ๆ ให้เพราะรู้สึกว่ามันแปลก ๆ อีกอย่างผมไม่เคยเจอยิหวามาก่อนเลยกลัวจะโดนหลอกสุดท้ายก็ปฏิเสธไป ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวจริงกัน ผมก็เข้าใจเขานะ ถูกมองว่าเป็นมิจฉาชีพขนาดนั้น คงโกรธจนเกลียดผมไปแล้ว" ฟังถึงตรงนี้ปิติเข้าใจทันทีว่าดวงยิหวาคนที่คีรีคุยด้วยนั้นคือตัวปลอม เพราะดวงยิหวาไม่มีพ่อแม่ และก็ไม่ได้มีที่ดินที่ต้องไปจ่ายอะไรทั้งนั้น นอกจากนี้เธอก็ไม่ได้มีนิสัยหลอกใช้เงินผู้ชายด้วยวิธีพวกนี้ ยิ่งถึงขั้นเสนอตัวแต่งงานยิ่งเป็นไปไม่ได้ "เหรอคะสงสัยยิหวามันจะโกรธคุณมาก นี่ไม่เคยพูดถึงให้ได้ยินเลย" แต่แทนที่รู้แล้วปิติจะอธิบายให้คีรีเข้าใจเขากลับสานต่อความเข้าใจผิด ๆ ของอีกฝ่ายเพราะอยากจะใช้ความเข้าใจผิดนี้ให้เกิดประโยชน์ "ก็คงจะแบบนั้นล่ะครับ สายตาตอนยิหวามองมา ดูเธอจะโกรธผมมากเลย" ความจริงแล้วที่ดวงยิหวาแสดงแบบนั้นเพราะโกรธที่เขาเข้ามาลวนลามเธอเมื่อตอนหลังประกวดต่างหาก อีกทั้งยังไม่พอใจกับการพูดจาเหมือนรู้จักกันมานานนั่นด้วย "ปลีช่วยคุยให้คุณได้นะคะ ยิหวาน่ะคุยง่าย ง้อดี ๆ ก็ลืมแล้วว่าโกรธอะไร" "จริงเหรอครับ" "จริง ส่วนเรื่องแต่งงาน ถ้ามองกลาง ๆ นะคะ มองในมุมของยิหวาด้วย เขาคงจะชอบคุณมาก ไม่งั้นคงไม่เสนอเรื่องนี้หรอก ตั้งแต่รู้จักกันมา ดวงยิหวาเขามีผู้ชายมาสู่ขอเยอะมาก แต่แม่ดวงยิหวาก็ไม่เคยสนใจเลย" พอปิติแหย่มาแบบนี้ คีรีที่ให้ความหวังตัวเองอยู่ก่อนแล้วก็เกิดความฮึกเหิมขึ้นมาทันที "ถ้ายิหวายังยืนยันคำเดิม ผมก็พร้อมแต่งทันทีเหมือนกัน" "ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ แต่ปลีต้องขอคุยกับน้องเองนะคะ แล้วน้องว่ายังไงปลีจะบอกคุณอีกที" "ยังไงก็ได้ครับ ขอแค่ยิหวาไม่เฉยชาใส่ผมแบบนี้ก็พอ" คีรีร้อนรนอยากจะได้ดวงยิหวาคนเดิมกลับมาเต็มแก่ แต่หารู้ไม่ว่าเขากำลังเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแบบผิด ๆ "แต่ขอให้ปลีได้คุยกับน้องก่อนนะคะ ตอนนี้คุณก็อย่าเพิ่งออกตัวอะไรมาก เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ายัยยิหวาโกรธไปกันใหญ่ แล้วเรื่องมันจะยิ่งยาก" "อ๋อครับ" ทั้งสองคนหยุดพูดเรื่องนี้กันทันทีเมื่อดวงยิหวาและชวนชมกลับมาถึงโต๊ะ หลังจากเริ่มทานอาหารก็มีเพียงปิติ ชวนชมและคีรีเท่านั้นที่พูดคุยกันอย่างถูกคอ ดวงยิหวาเอาแต่ปิดปากเงียบไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ "อร่อยไหมครับ...คุณยิหวา" เพราะได้คุยกับปิติและได้รับคำแนะนำมาว่าควรจะรักษาระยะห่างกับดวงยิหวาสักหน่อยคีรีจึงได้เลือกใช้คำพูดที่ฟังดูห่างเหินกับอีกฝ่าย แต่ดวงยิหวาที่คิดอคติไปแล้วไม่ว่าเขาพูดอะไรเธอก็รู้สึกรำคาญและไม่พอใจทั้งนั้น "อร่อย...เหมือนกินที่โรงแรมเลยค่ะ" ดวงยิหวาพูดประชดประชัน จนทั้งฝั่งของปิติ และฝั่งของคีรีต่างก็หน้าเจื่อนไปตามกัน "ยิหวา!!" คนฟังรู้สึกน้อยใจเหลือเกิน นี่เธอต้องโกรธแค่ไหนกันถึงได้เฉยชาราวกับว่าลืมช่วงเวลาดีดีของกันและกันไปขนาดนี้ คนพูดพูดอย่างไม่รู็สึกอะไร แต่คนฟังนี่สิฝังใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความอึมครึม “ยิหวาชมจริงๆ นะคะ ก็อาหารที่โรงแรมก็อร่อย” เมื่อเห็นสายตาของปิติแล้ว ดวงยิหวาจึงต้องกลับคำ เธอรู้ดีว่าถ้าไม่พูดแก้ต่าง กลับถึงโรงแรมคงไม่ได้นอนพักอย่างสบายหูแน่ เพราะเท่าที่เธอทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ มัก็มากพอที่จะทำให้ปิติเรียกเธอไปอบรมอย่างน้อยๆ ก็น่าจะสักชั่วโมงแน่นอน “อาหารอร่อยมากค่ะคุณคีรี แม่ยิหวาเขากินง่ายอยู่ง่ายน่ะค่ะ ลิ้นก็เลยแยกแยะไม่ได้ว่าอันไหนมันอร่อยกว่าอันไหน ถ้าอร่อยนางก็จะเหมารวมว่าเหมือนกันแบบนี้แหละค่ะ อย่าถือสาเลยนะคะ” ปิติต้องช่วยเสริม จนคีรีหน้าเริ่มมีสีขึ้นมาได้ ฝั่งปิติก็อยากจะฉีกปากแม่คนปากดีเหลือเกิน ไม่รู้ว่าแค่พูดดีๆ ให้ผู้ชายหลงมันทำยากเย็นยังไง แม่ดวงยิหวาคนนี้ ถึงได้สอนเท่าไหร่ก็ไม่จำ ไม่ว่าจะกับใคร อีกฟากก็เป็นยาหยีสาวใช้ที่นั่งเฝ้าดูคีรีพยายามจะพูดดี ๆ กับสาวผิวขาวที่สวยแต่หน้า แต่ปากร้ายใจดำ พูดแต่ละคำทิ่มแทงคนฟังจนอยากจะลุกไปตบให้เลือดกบปาก แต่หากมองอีกมุมก็ดีเหมือนกัน นายหัวของเธอนั้นจะได้ตัดใจตัดขาดจากคนปากดีแบบนี้ไปเสีย หลังจากกินข้าวเสร็จคีรีก็พาทั้งสามคนกลับไปส่งที่โรงแรม แล้วขับรถกลับมาด้วยใจที่ล่องลอย เขาอยากจะปรับความเข้าใจกับดวงยิหวาให้ได้เร็ว ๆ เขาอยากได้ผู้หญิงเสียงหวานช่างพูด ช่างออดอ้อนคนเดิมคืน แต่กลับไม่รู้เลยว่าเธอคนนี้ ไม่ใช่คนที่เขาเคยรู้จักและหลงรักในตอนนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD