หลังกลับจากบ้านของคีรี ปิติก็เรียกให้ดวงยิหวาไปคุยกับเขาแบบส่วนตัว ซึ่งทางดวงยิหวานั้นก็แอบคิดอยู่ก่อนแล้วว่าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคีรีแน่ ๆ และมันก็จริง
"จะให้ยิหวาแต่งงานกับเขาเนี่ยนะ!!" เธอโวยลั่น ก็แน่ล่ะอยู๋ ๆจะให้ไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ทั้งที่เธอเองก็มีิแผนจะประกวดเวทีสำคัญอยู่
"มันก็แค่แต่งแก้เคล็ด แกจะโวยวายทำไม" ปิติพยายามจะอธิบายให้กระชับที่สุดเพราะกลัวว่าดวงยิหวาจะโวยวายไม่พอใจ แต่ท้ายที่สุดเธอก็ยังโวยวายอยู่ดี
"แล้วทำไมต้องมาแต่งกับยิหวา คนอื่นตั้งเยอะแยะ แค่แต่งแก้เคล็ดไม่ใช่หรือไง" ร่างระหงลุกยืนขึ้นกอดอก ให้ตายยังไงเธอก็ไม่ยอมแน่ การเจอกันครั้งแรกของเธอกับคีรีนั้นมันไม่น่าประทับใจนัก เขาเข้ามาลวนลามเธอซะขนาดนั้น มันฝังใจจนไม่อยากที่จะเจอหน้าเขาอีกด้วยซ้ำ
"เขาไม่ได้ให้แกช่วยฟรี ๆ หรอกย่ะ เขาจะตอบแทนด้วยการสนับสนุนแกในการประกวด" ไม้ตายสำคัญของปิติถูกยกขึ้นมาแสดงกับแม่นางงามจอมยโส
"ไม่เห็นจะอยากได้เลย ยิหวาก็มีเงินเก็บของยิหวาอยู่ แล้วเสื้อผ้า ช่างหน้า ช่างผม ที่พร้อมจะสปอนต์เซอร์ให้ยิหวาก็มีแต่คนดัง ๆ ฝีมือดีดีทั้งนั้น ทำไมจะต้องไปง้อคนแบบนั้นด้วย" ปิติได้แต่ถอนหายใจ ดวงยิหวานับวันก็ยิ่งหัวแข็งเอาแต่ใจ และควบคุมยากขึ้นทุกที ยิ่งมีชื่อเสียง ชนะหลายเวทีเข้าก็ยิ่งเอาใหญ่ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะแหกสัญยาแล้วหนีไปใช้ชีวิตอิสระเมื่อไหร่
"แกอย่าโง่ได้ไหมยิหวา เงินแกก็เก็บเอาไว้ทำอย่างอื่นไม่ดีหรือไง หรือว่าลืมกำพืดตัวเองไปแล้วว่ามาจากไหน เคยไม่มีเงินติดตัวสักบาท พอมีหน่อยก็ลืมหมดเลยเหรอ แล้วไอ้ช่างหน้า ช่างผมที่แกว่าเนี่ย ระหว่าวทำฟรี กับเสียเงินทำ แกคิดว่ามันจะคนละเกรดไหม ไหนจะคู่แข่งลูกไฮซ้อไฮโซจบนอก แกอย่ามั่นให้มันมากได้ไหมว่าจะชนะคนอื่นเขาง่าย ๆ อย่าลืมว่าแกมันเริ่มมาจากเวทีงานวัดเล็ก ๆ คนอื่นที่เขาเป็นคู่แข่งแกน่ะบางนบินมาจากเมืองนอก เคยประกวดเวทีใหญ่มาแล้ว ภาษาก็ไม่ได้เก่ง กำพืดก็ไม่ได้น่าสนใจ นางงามล้านมงกุฎ แต่มงกุฏกิ๊กก๊อกงานวัดตลาดเกรดล่าง แกคิดเหรอว่ากองประกวดจะเลือกแกง่ายๆ ฉันพูดกี่ครั้แล้วว่าสวยอย่างเดียวมันไม่ได้ แกต้องมีสมอด้วย!!" นิ้วเรียวจิ้มไปที่ศีรษะของหญิงสาวที่ยืยนเชิดหน้าชูคอกอดอกมั่น ก่อนที่ปิติจะออกแรงผลักหัวของเธอเพื่อเรียกสติ ดวงยิหวาคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะเข้าใจว่าวามเป็นจริงนั้น สิ่งที่ปิติพูดออกมาไม่มคำไหนผิดไปเลยแม้แต่น้อย
"ฉันหาโอกาสดีดีมาให้ แต่แกจ้องจะโยนมันทิ้ง ฉันเหนื่อยมากแล้วนะยิหวา คนอื่นพร้อมให้ฉันผลักฉันดัน แต่ฉันมาทุ่มเทอยู่กับแกเพราะอะไร แกคงคิดว่าเพราะแกทำเงินให้ฉันได้มากกว่าคนอื่นงั้นสิ? หึ ฉันจะบอกให้ไว้ตรงนี้เลยนะ ที่ฉันเสียเวลาเสียอะไรๆ กับแกมากกว่าคนอื่นก็เพราะสงสาร และเห็นว่าแกไม่มีใครแล้วนอกจากฉัน ฉันไม่ได้มาพูดทวงบุญคุณ แต่ก็อยากให้แกสำเหนียกตัวเองไว้ คิดจะบินไปจากรังของฉันก็ได้ ถ้าปีกกล้าขาแข็งแล้ว เพราะถ้าจะพูดกันตรง ๆ ตอนนี้แกก็สามารถไปหาเงิน หางานดีดีทำได้แล้ว จะไปทางนางแบบนักแสดงอะไรก็ช่าง ถ้าแกไม่เคารพ ไม่ได้อยากอยู่กับฉันแล้ว แกก็ไป..." ดวงยิหวาได้แต่ิ่งเงียบและไม่พูดอะไร ความเข้าใจของปิตินั้นผิดไปจากที่เธอคิดเสียมากมาย เธอไม่เคยมีความคิดจะไปจากเจ๊ปลีผู็มีพระคุณของเธอเลย ดวงยิหวาไม่เคยลืมว่าตัวเองนั้นมีวันนี้ได้เพราะใคร
"มันไม่ใช่แบบนั้นะเจ๊ ยิหวาก็แค่ไม่ชอบเขา แล้วเจ๊จะให้ยิหวาไปแต่งงานกับคนที่ยิหวาไม่ชอบ..."
"ฉันก็บอกอยู่ว่าแค่แต่งแก้เคล็ด แต่งเสร็จรับเงินก็จบ เขาไม่ได้จะสนับสนุนแกอย่างเดียวแต่มีค่าตอบแทนให้ด้วย แล้วที่เขาลวนลามแก ฉันคุยกับเขาจนเคลียร์แล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด หน้าแกเหมือนกับคนรักเก่าของเขา คุณคีรีเห็นแกก็เลยคิดว่าเป็นแฟนของเขา แต่ฉันอธิบายไปแล้วว่าไม่ใช่"
"เจ๊...พูดจริงเหรอ"
"แล้วฉันจะโกหกแกทำไม แกคิดวากลางวันแสก ๆ แบบนั้นจะมีใครมาลากแกไปข่มขืนจริง ๆ เหรอ งานมันก็ออกจะใหญ่ขนาดนั้น แกแยู่บนเวทีแกน่าจะเห็นชัดที่สุดนะว่ามันใหญ่ขนาดไหน แล้วคนมันเยอะขนาดไหน" ดวงยิหวาเริ่มคิดตามสิ่งที่ปิติบอก จนเริ่มคิดว่าตัวเองคงจะอคติกับคีรีมากไป
"แล้ว...ต้องทำยังไง ถ้าจะไปแต่งงานแก้เคล็ดอะไรนั่น" ดวงยิหวาถามต่อ ปิติคบี่ยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินแบบนั้น
"นี่แกจะยิมรับฟังฉันบ้างแล้วใช่ไหม?"
"ถ้าเจ๊พูดขนาดนี้ ยิหวาคิดว่าก็คงจะคิดมากไปเองจริง ๆ"
"ก็ดี แกเชื่อฉันเถอะ อะไรที่ฉันแนะนำให้แกน่ะ มันดีทั้งนั้น" เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าอะไรที่ปิติแนะนำให้มันคือสิ่งที่ให้ผลดีกับเธอเสมอ
หลังตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ได้ความว่าดวงยิหวาจะต้องแต่งงานกับคีรีเป็นการแก้เคล็ด ซึ่งหลังจากที่ดวงยิหวาตอบตกลงแล้วว่าจะทำ ปิติจะเป็นคนรับเรื่องต่อไปคุยกับทางคีรีเองว่าจะนัดวันเวลาเมื่อไหร่ และแน่นอว่าดวงยิหวาจะต้องอยู่ที่นี่ต่อจนกว่าจะเสร็จงาน
"ฮัลโหลสวัสดีค่ะคุณคีรี นี่เจ๊ปลีเองนะคะ"
"อ๋อครับ...มีอะไรหรือเปล่า"
"คือปลีคุยกับน้องแล้วนะค น้องเขาเล่าความริงให้ปลีฟังหมดแล้ว"
"จริงเหรอครับ แล้วยิหวาว่าไงบ้าง" เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นคีรีก็ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่
"น้องเขาจำคุณคีรีได้ค่ะ แต่ไม่อยากจะแสดงออก เขาฝังใจว่าคุณน่ะดูถูกเขาหาว่าเขาจะไปจับคุณ เรื่องที่เคยคุยกันเอาไว้ว่าจะแต่งงาน"
"ไม่จริงเลยนะครับ ผมแค่กลัวว่ายิหวาจะโดนหลอก เรื่องที่จะเอาเงินไป..."
"นั่นแหละค่ะ น้องกลัวว่าถ้าคุณพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วน้องจะอายคนอื่นด้วย ก็เลยยิ่งไม่อยากจะแสดงตัว จริง ๆ ปลีก็เข้าใจนะคะเห็นว่าไปบอกทางบ้านหมดแล้วด้วยว่าจะแต่ง แต่สุดท้ายก็หม้ายขันหมาก"
"แล้วผมจะทำยังไงได้บ้างล่ะครับ ยิหวาเขาถึงจะยอมคุยกับผมเหมือนเดิม" ชายหนุ่มถามอย่างร้อนใจ
“ก็คงต้องตบแต่งกับนางให้มันเป็นเรื่องเป้นราวนั่นแหละค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับลำพูนไปพร้อมพวกคุณ จะได้ไปสู่ขอยิหวากับครอบครัว” พอคีรีพูดแบบนี้ขึ้นมาปิติก็มีอาการอึกอักทันที
"เอ่อ...คือยังงี้นะคะคุณคีรี ถ้าเอาตามความคิดปลีนะคะ ที่บ้านยายยิหวาจะยอมรับคุณคงยาก เพราะดันไปพูดเรื่องแต่งงานแล้วแต่ไม่ได้แต่ง" ปิติหยิบเอาเรื่องนี้ขึ้นมาอ้าง เพราะเขาต้องการให้งานแต่งจัดขึ้นที่นี่ไปเสีย ก็เพราะว่าถ้าไปแต่งที่ลำพูน ความลับที่ว่าแม่ดวงยิหวาไม่มีพ่อแม่ก็จะแตกเอาน่ะสิ
"ถ้าตอนนี้จะแต่งผมก็พร้อมครับ" ปิติยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้นมาแบบนั้น 'มันง่ายขนาดนี้เลยหรือ' เขาคิดในใจ และไม่คาดคิดเลยว่าคีรีจะตกลงง่ายๆ เพราะดูแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่โง่อะไรนัก
แต่ก็อย่างที่ใครๆ เขาว่า ความรักมันทำให้คนหูหนวกตาบอดได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากนี้ก็เหลือแค่ไปเกลี้ยกล่อมแม่นางงามจอมดื้อ ให้ยอมทำตามคำสั่งก็เท่านั้น เงินล้านกองอยู่ตรงหน้า แค่เอมมือไปคว้ามาถือ เสียดายก็แค่มือที่มีโอกาสหยิบคว้าเงินพวกนั้น ดันเป็นมือของคนหัวแข็งอย่างดวงยิหวาเสียนี่