“อือ...อืม” เสียงร้องครางของณิชาดังเล็ดลอดออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อถูกเขากระตุ้นสัมผัสมากขึ้นและมากขึ้น แรงต่อต้านถดหายไปทีละนิดๆ ในสมองพยายามคิดว่าเธอมากับเขา เพียงเพื่อที่จะทำงานใช้หนี้ให้เท่านั้น ไม่ใช่ให้เขาทำกับเธออย่างกับผู้หญิงข้างถนน หากความคิดของเธอก็ต้องหยุดชะงัก สมองของเธอคิดอะไรไม่ออกมันว่างเปล่า ไร้ความคิดมีเพียงความรู้สึกซาบซ่านที่เขาเป็นผู้จุดประกายเท่านั้น
‘ เมื่อวานก็รัก...วันนี้รักเธอ...พรุ่งนี้ก็รักเธอ...เพราะใจที่มีเธอ ไม่มีอีกแล้วใครจะมาเข้าใจฉันได้ดีอย่างเธอ...ตอบแทนเธอรักเดียวใจเดียว’
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เครื่องจิ๋วของณิชาดังขึ้นเรียกสติให้กับเจ้าของโทรศัพท์ สาวที่กำลังเสียเปรียบเริ่มดิ้นรนไปมา ณิชาใช้กำลังที่เหลืออยู่น้อยนิดผลักร่างที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการกระทำของเขา รัฐกฤตญ์ที่กำลังเพลิดเพลินกับทรวงอกสล้างไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อถูกมือนุ่มผลักเต็มแรง ทำให้ร่างหนาเซไปติดประตู ณิชาจึงฉวยโอกาสนี้ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าถือใบย่อม เมื่อคว้าได้ก็ยกดูหมายเลขปลายทางก่อนจะกดรับสาย โดยมีสายตาอันหื่นกระหายมองทรวงอกที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเวลานี้เธออยู่ในสภาพไหน ณิชามองตามสายตาของเขาจึงรู้ว่าเสื้อแจ็กเก็ตของตนนั้นได้แยกออกจากกัน เธอจึงรวบสาบเสื้อให้ชิดติดกันด้วยมือเพียงมือเดียว ใบหน้าแดงซ่านเมื่อความอายมาเยือน
“ค่ะพี่พล” ณิชาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่คนที่นั่งอยู่ข้างๆเจ้าของเสียงหวานเริ่มไม่ปกติ เมื่อหูได้ยินชื่อของบุคคลที่โทรศัพท์มาเพราะเป็นชื่อเดียวกับที่หญิงสาวบอกว่า ‘แค่สามปีพี่พลเขารอได้’ เขาจึงขยับร่างเข้ามาใกล้
...ใกล้จนเธออึดอัด
“พี่พลอยู่ไหนคะ” เสียงหวานใสเอ่ยถามเสมือนอยู่คนเดียว ทำให้คนที่อยู่ด้านข้างเริ่มหน้าตึง เธอสนทนากับธนาพลตามปกติราวกับว่าไม่มีร่างของรัฐกฤตญ์นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย น้ำเสียงของณิชายามที่โทรศัพท์หวานหยดจนคนที่นั่งข้างๆ เริ่มหมั่นไส้และไม่พอใจ หัวใจมันคันๆ ยุบยิบเหมือนมดไต่
“คิดถึงสิคะ” ประโยคนี้เองที่ทำให้รัฐกฤตญ์ทนไม่ไหว คว้าโทรศัพท์จากมือของณิชา ก่อนจะกดให้เสียงออกมาทางลำโพง เพราะเขาต้องการได้ยินการสนทนาของผู้ชายคนนั้นด้วย ณิชาอยากจะกรีดร้องให้ลั่นรถกับการกระทำเอาแต่ใจของเขา
“ณิชาทำอะไรอยู่คะ ดึกแล้วนะทำไมยังไม่นอน” ปลายสายที่อยู่ที่ประเทศสวีเดนดังมาตามสาย ถามไถ่คนที่ตัวเองรักด้วยความห่วงใย
“ณิชาอยู่กับเพื่อนค่ะ พอดีออกมาสังสรรค์กัน” ณิชาโกหกคำโต
“คิดถึงณิชาจังเลย อยากกลับไปกอดณิชามากเลยรู้ไหม” ธนาพลทำเสียงออดอ้อนผ่านทางโทรศัพท์ คนฟังสองคนที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งมีความรู้สึกที่แตกต่างกัน ณิชารู้สึกอิ่มเอมกับคำพูดของเขา แต่อีกคนหนึ่งกำลังโกรธจนแทบอยากจะฆ่าผู้ชายที่เธอกำลังสนทนาด้วย
“ณิชาก็คิดถึงพี่พลเหมือนกันค่ะ”
“เสียงอะไรน่ะณิชา” ธนาพลเอ่ยถามเพราะเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ณิชาหันมามองทางต้นเสียงภาพที่เธอเห็นคือใบหน้าของรัฐกฤตญ์แดงก่ำด้วยความโกรธ กรามทั้งสองข้างขบกันจนโหนกแก้มมีเส้นเลือดขึ้นจนเป็นสันนูน และไอ้เสียงที่ว่าก็คือเสียงกัดฟันของเขา ณิชาเห็นท่าไม่ดีเธอต้องทำอะไรสักอย่างเพราะไม่อยากให้ธนาพลรับรู้ว่า เธอเผลอใจให้ชายอื่นได้ถึงเนื้อถึงตัว ถ้าหากธนาพลจะรู้ก็ขอให้รู้จากปากเธอมากกว่าที่เขาจะรู้จากปากของคนอื่น
“อ๋อ!!” เธอทำเสียงสูง “เสียงหมาน่ะค่ะ พอดีณิชาอยู่ใกล้หมามันกำลังกัดกันอยู่ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะพี่พล พอดีหมาแถวนี้มันดุ เพื่อนณิชารออยู่แล้วค่อยคุยกันใหม่นะคะ”
“จ้ะ ดูแลตัวเองด้วยนะ พี่รักณิชานะ” ธนาพลพูดส่งท้ายประโยคนี้ทุกครั้งที่โทรศัพท์คุยกัน
“ค่ะ ณิชาก็รักพี่พลค่ะ” ยังไม่ทันที่ณิชาจะกดตัดสายทิ้ง มือของคนเอาแต่ใจก็คว้าโทรศัพท์ของเธอไปหน้าตาเฉย ณิชาจึงยื้อแย่งโทรศัพท์จากมือหนาการยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาในครั้งนี้เรียกเหงื่อให้ทั้งคู่ได้ดีทีเดียว
“เอามานะ คนบ้าเอาโทรศัพท์ฉันคืนมานะ” ณิชาเอามือทุบไปที่ลำแขนของเขาหลายครั้ง
“ไม่ให้ กล้ามากนักที่บอกว่าฉันเป็นหมา” รัฐกฤตญ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่รู้ว่าตัวเองโกรธที่ถูกเรียกว่าสุนัข หรือว่าโกรธที่ณิชาพูดกับผู้ชายคนอื่น แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกโกรธและไม่พอใจที่สาวตรงหน้าจะพูดจะคุยกับชายอื่น ข้อนี้รัฐกฤตญ์ก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
“ทำไมจะพูดไม่ได้ ฉันไม่ได้ว่าคุณซะหน่อย ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อคุณเลยสักคำเดียว คุณอยากรับว่าคุณเป็นหมาก็ตามใจ”
“แหม...มันก็พอกันนั่นแหละ เมื่อกี้ใครก็ไม่รู้ร้องครางเอ๋งๆ อย่างกับหมาเวลาฉันทำอะไรต่อมิอะไร จนหูฉันแทบแตก”
คราวนี้ณิชาร้องกรี๊ดออกมาดังลั่นรถ กระโจนร่างหาร่างกำยำของเขาเอามือทั้งสองข้างบีบที่ลำคอของเขาที่เธอแทบกำไม่มิด ออกแรงบีบจนสุดกำลังปากก็บริภาษไปด้วย
“ผู้ชายอะไรนิสัยไม่ดี ฉวยโอกาส เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น ไอ้บ้ากาม ไอ้ลามก เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอ ไอ้ผู้ชายปากไม่ดีอย่างนี้มันน่าฆ่าให้ตายนัก ไอ้....”
“โอ๊ย!!...พอแล้ว เดี๋ยวพ่อจูบให้ขาดใจดีไหมเนี่ย” ได้ผลมือที่กำลำคอเขาอยู่คลายออกโดยอัตโนมัติ เขาจึงฉวยโอกาสนี้ดันร่างของเธอให้นอนราบไปที่เบาะอีกครั้ง ก่อนจะเอาตัวของเขาทาบทับไม่ให้เธอขยับได้
“ปล่อยนะ ลุกขึ้นไปจากตัวฉันได้แล้ว ตัวโตอย่างกับช้างน้ำ ฉันหายใจ
ไม่ออกนะ” ณิชาแกล้งทำเป็นตาเหลือกตาลานหายใจติดขัดส่งผลให้รัฐกฤตญ์ตกใจยันตัวลุกขึ้นนั่งทันที เธอจึงฉวยโอกาสที่เขาเผลอใช้กำปั้นชกไปที่กึ่งจมูกกึ่งปากของเขาอย่างแรง ก่อนจะเงื้อมือหมายจะชกซ้ำอีกครั้ง ทว่าชายหนุ่มเจ้าเล่ห์นั้นไวกว่าคว้าข้อมือบางไว้แน่น ก่อนจะพับแขนของเธอไปทางด้านหลัง รั้งร่างของเธอเข้าหาร่างของเขาจนทรวงอกแนบชิดกับแผงอกกว้าง ใบหน้าของเขาเริ่มฉายแววความโกรธเกรี้ยว ด้วยคงกำลังจะหมดความอดทนกับเธอเต็มที่