“คุณทำแบบนี้ทำไม น้องฉันไม่เต็มใจแต่งงานกับน้องชายของคุณ คุณเองก็รู้ แล้วคุณทำอย่างนี้ทำไม” แล้วก็ใช่อีก เขารู้ว่าพิชานันท์ไม่มีความเต็มใจที่จะแต่งงานกับรัฐศาสตร์ แต่ความที่รักน้องและคำสัญญาที่รัฐศาสตร์ให้ไว้กับเขา
ทำให้พี่ชายคนนี้ทำสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อน้องชายจะกลับเนื้อกลับตัว เลิกเที่ยวเตร่ และจะเข้ามาช่วยงานที่บริษัทหากได้แต่งงานกับพิชานันท์
“ใช่ฉันรู้...แต่ฉันจะทำ ใครจะทำไม” รัฐกฤตญ์ตอบอย่างไม่สนใจอะไรไม่สนใจความรู้สึกของใคร
“คุณมันทุเรศที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ถ่อยสถุล หยาบคาย บ้าอำนาจชั่วช้าสามานย์” ณิชาต่อว่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ด้วยมันเป็นเพียงสิ่งเดียวในตอนนี้ที่เธอสามารถทำได้ เพราะร่างกายของเธอถูกโอบรัดด้วยร่างกายของเขา จนเธอไม่สามารถทำอะไรได้ คงจะมีเพียงทางเดียวที่เธอเป็นอิสระก็คือเรียวปากสวยอวบอิ่ม เธอจึงใช้มันให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
“เธอกล้าว่าฉันขนาดนี้เลยเหรอ” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มลุกโชนเรืองแสงด้วยความโกรธ ใบหน้าแดงก่ำณิชาเห็นแล้วรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาทันทีทันใด และยิ่งอ้อมแขนที่รัดร่างของเธอเอาไว้บัดนี้แรงรัดที่แน่นเสมือนงูเหลือมรัดเหยื่อกำลังทำให้เธอขาดอากาศหายใจ แรงรัดทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีกตามอารมณ์ที่กำลังถึงจุดเดือดของรัฐกฤตญ์
“ทำไมจะไม่กล้า ถ้าไม่กล้าคงไม่มาถึงที่นี่หรอก...ถุย!” น้ำเหนียวๆ ที่พ่นออกจากปากของณิชาหลังจากที่ถ้อยคำไม่เกรงกลัวเอ่ยออกไป น้ำที่พ่นออกมานั้นกระเด็นไปอยู่บนใบหน้าอันแสนหล่อเหลาของรัฐกฤตญ์ กระเซ็นไปโดนบริเวณจมูกและโหนกแก้ม แรงโทสะที่มีมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทวีขึ้นเป็นหลายเท่าตัว ไม่มีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกและอาจจะครั้งเดียวในชีวิตที่ถูกผู้หญิงถ่มน้ำลายใส่หน้า รัฐกฤตญ์อยากจะฆ่าคนในอ้อมกอดให้ตายคามือแล้วเอาศพไปโยนให้เสือให้จระเข้กิน ดีนะว่าไม่มีใครเห็นการกระทำของณิชา ไม่เช่นนั้นความรู้สึกเสียหน้าจะต้องเข้ามาแทรกเสริมอยู่ด้วย ต้องขอบใจร่างกายสูงใหญ่ของตนเองที่กำบังภาพนั้นได้เป็นอย่างดี
ฝ่ามือแกร่งลูบน้ำเหนียวๆ ที่อยู่บนใบหน้าออก ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากของเธออย่างแรง บดขยี้เรียวปากอย่างไม่ปรานีเหมือนจะสั่งสอนให้รู้ว่าอย่าริอ่านมาลองดีกับเขา ณิชาเจ็บระบมไปทั่วเรียวปาก เป็นอีกครั้งที่ไม่สามารถทักท้วงการกระทำของเขาได้ เนื่องจากร่างกายไม่เอื้ออำนวยด้วยประการทั้งปวงกว่าที่เขาจะถอนริมฝีปากออกก็ใช้เวลานายพอสมควร
“อื้อ...” เธอร้องเจ็บในลำคอและได้รับรู้รสชาติของเลือดที่ไหลออกมาจากกลีบปากล่างที่ถูกชายตัวโตลงโทษด้วยการขบกัดอย่างแรง
“นี่ยังน้อยสำหรับสิ่งที่เธอทำกับฉัน” รัฐกฤตญ์มองผลงานของตัวเองด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะตะโกนสั่ง
ลูกน้องคนสนิทให้ทำบางอย่าง “แดนไปเอาตัวมา”
รัฐกฤตญ์สั่งลูกน้องโดยไม่หันไปมองหน้า ดินแดนรู้คำสั่งนั้นดีว่าคืออะไร เขารีบวิ่งไปทางด้านหลังของเวที นำพาร่างอันสะบักสะบอมของเรียว ตามด้วยเรืองเดชและพิชานันท์ที่เดินตามหลังมา
“มาแล้วครับเจ้านาย” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยบอกเจ้านายหนุ่มรัฐกฤตญ์ลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของดินแดน กระชากแขนเล็กให้ณิชาลุกขึ้น ก่อนจะลากตัวเธอไปยังจุดที่อีกสามร่างนั่งอยู่ แล้วเหวี่ยงร่างสาวไปบนพื้นพรมเต็มแรง ไม่สนใจว่ากระดูกของเธอจะหักหรือไม่ ณิชามองร่างที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำของเรียวแล้วรู้สึกสงสารเป็นเพราะเธอเองเรียวถึงมีสภาพแบบนี้
“พวกเธอกล้ามากนะที่ทำกับฉันแบบนี้” รัฐกฤตญ์พูดด้วยเสียงราบเรียบแต่หนักแน่น แฝงไปด้วยอำนาจที่แผ่
กระจายไปทั่วบริเวณ ณิชากอดร่างของพิชานันท์ไว้แน่น เพราะร่างของน้องสาวสั่นเหมือนลูกนก
“คุณจะเอายังไง”
“ก็ไม่เอายังไง...เธอแพ้เธอจะต้องทำตามที่ฉันสั่งตามสัญญา” เขาพูดพร้อมกับมองหน้าหวานสวยของณิชา และทำสายตากรุ้มกริ่มไปที่กลีบปากสวยของเธอ ทำให้ณิชาต้องรีบเบนหน้าหนีไปทางอื่น หลบหลีกหนีสายตาคู่นั้น
“ก็ได้ แต่คุณต้องปล่อยพวกเขาไปก่อน” ณิชาพยายามต่อรอง
“ไม่ได้นะพี่ใหญ่ นันท์เป็นเจ้าสาวของผมนะ” รัฐศาสตร์แย้งเมื่อได้ยินคำพูดของณิชา พร้อมกับเดินตรงไปยังร่างของเจ้าสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของณิชา ทว่าพิชานันท์กลับกระเถิบร่างหนีเหมือนกับว่ารัฐศาสตร์เป็นสัตว์มีชีวิตที่เธอเกลียดและขยะแขยง เจ้าบ่าวของงานเห็นดังนั้นจึงบันดาลโทสะกับกิริยาของเจ้าสาว ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะพูดว่า
อย่างเหลืออด
“เธอไม่ต้องการฉัน ฉันก็ไม่ต้องการเธอเหมือนกัน.....ผู้หญิงที่ต้องการแต่งงานกับฉันมีถมไป เชิญเธอกับพ่อและพี่สาวของเธอรับชะตากรรมครั้งนี้จากพี่ใหญ่ก็แล้วกัน ฉันไม่สนแล้ว” รัฐศาสตร์กล่าวจบก็เดินกลับมานั่งที่โซฟาอย่างหงุดหงิด นี่เป็นนิสัยอย่างหนึ่งของเขาที่รักง่ายเบื่อง่าย ครั้งแรกที่เจอพิชานันท์ เธอแสดงความรังเกียจออกมาอย่างชัดเจน ความอยากเอาชนะที่เป็นนิสัยดั้งเดิมของเขาก็จุดประกายขึ้นมา จึงไปขอร้องพี่ชายให้ทำทุกวิธีทางที่ให้ตนเองได้แต่งงานกับพิชานันท์ แลกกับคำมั่นสัญญาที่ว่าทำตัวเป็นคนใหม่ หันมาทำงานของครอบครัวอย่างจริงจัง
“ปล่อยก็ได้ แต่มีข้อแม้นะ” รัฐกฤตญ์พูดอย่างมีแผนร้ายในใจ
“ข้อแม้อะไร” ณิชาถามสวนทันควัน
“หนึ่งคนต่อหนึ่งปี...สามคนก็สามปี”
“อะไรของคุณฉันไม่เข้าใจ” ณิชาถามอีกครั้งด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดเลย
“ก็ไม่มีอะไรมาก เธอต้องอยู่กับฉันสามปีทำทุกอย่างที่ฉันสั่งตามที่เราตกลงกันไว้ในครั้งแรก” รัฐกฤตญ์พูดด้วยรอยยิ้มที่อยู่มุมปาก รู้สึกอิ่มเอมกับชัยชนะที่กำลังจะได้มา รู้สึกสะใจที่สามารถทำให้คนที่บังอาจมาลองดีกับเขาหมดสิ้น
หนทางต่อลอง
ณิชากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เวลาสามปีไม่ใช่ระยะเวลาที่น้อยๆ เลยแล้วที่สำคัญเธอกำลังจะแต่งงานในอีกสี่เดือนข้างหน้านี้ แต่พอเงยหน้ามามองร่างของทั้งสามคน ที่ฝากชีวิตไว้กับการตัดสินใจของตนเอง อีกคนหนึ่งเป็นบิดา อีกคนหนึ่งเป็นน้องสาวเพียงคนเดียว อีกคนหนึ่งเป็นทั้งพี่ชายและลูกน้องคนสนิท หากทั้งสามปลอดภัยเธอก็พร้อมที่จะยินดีทำ
“ตกลง...ฉันจะทำตามที่คุณสั่ง สามปีก็สามปี” ณิชาพูดออกมาในที่สุด
“ไม่นะ” เสียงทั้งสามคนที่ตกเป็นรองพูดออกมาพร้อมกัน
“ไม่นะพี่ณิชา พี่อย่าทำแบบนี้ นันท์จะใช้ชีวิตแบบคู่ผัวตัวเมียกับคุณเล็กก็ได้ พี่ณิชาอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” พิชานันท์พูดด้วยน้ำตานองหน้า เป็นเพราะเธอคนเดียวที่ทำให้พี่สาวตัดสินใจอย่างนี้
“ณิชาอย่าทำอย่างนี้เลยลูก” เรืองเดชพูดพร้อมกับใช้มือที่เหี่ยวย่นตามวัย ลูบบนศีรษะของณิชาเบาๆ
“อย่าทำอย่างนี้นะคุณณิชา อย่างมากก็แค่ตายด้วยกัน อย่าลืมสิว่าคุณณิชากำลังจะแต่งงานนะครับ” เรียวหมายถึงการแต่งงานที่จะถูกจัดขึ้นในอีกสี่เดือนข้างหน้า หากณิชารับคำรัฐกฤตญ์นั่นหมายถึง การสูญสิ้นอิสรภาพ งาน
แต่งงานจะถูกเลื่อนออกไปอีกสามปีคำว่า ณิชากำลังจะแต่งงาน เข้ามาโสตประสาทหูของรัฐกฤตญ์อย่างจัง เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ ณิชาจะแต่งงานอย่างนั้นหรือ แต่งกับใคร แต่งเมื่อไหร่ แต่งที่ไหนคำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในสมองอย่างไม่ตั้งใจ