ผมเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเธอตอนนี้ตัวไม่ร้อนแล้วจึงให้เธอเปลี่ยนชุดจะได้ลงมากินข้าวกินยา นี่แหละนะอยากมีเด็กตัวเล็กไว้ในบ้านก็ต้องแบบนี้แหละนะ
“วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอคะ”
“หนูพายอย่ามามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ อย่ามาหวั่นไหวกับฉันดีที่สุด อยู่ให้เหมือนคนอื่นๆจะได้ไม่มีปัญหากับใคร เปลี่ยนชุดแล้วก็ลงไปฉันให้ส้มซ่าทำข้าวต้มไว้ให้แล้ว”
ทำไมฉันรู้สึกหน้าชาแบบนี้นะ ห้ามรู้สึกอย่างนั้นเหรอใครจะไปรู้สึกกัน ฉันลุกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่เขาก็ยังไม่ไปแถมยังมองฉันอีกด้วยแบบนี้มันเข้าข่ายระเมิดสิทธิส่วนบุคคลแล้วนะ
“คุณอัคคีจะมองหนูอีกนานไหมคะ”
“ทำไมล่ะ มองไม่ได้เหรอแค่อยากรู้ว่าเมื่อคืนฉันทำรอยไว้เยอะแค่ไหน”
ฉันรีบหยิบชุดมาเปลี่ยนอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง ทุกสายตาของคนในบ้านต่างมองมาที่ฉันแต่มองคุณอัคคีที่เดินตามมา ฉันไม่ได้อยากเป็นเมียคนเล็กของเขาหรอกนะ
“เป็นยังไงบ้างหนูพายมากินข้าวเร็ว”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ” ฉันตอบพี่ส้มซ่าพร้อมกับส่งยิ้มให้ ส่วนคุณอัคคีก็เดินตรงกลับไปทำงานในห้องทำงานของตัวเอง
ทุกอย่างมันเหมือนตอกย้ำว่าฉันไม่ควรคิดอะไรเกินเลย ฉันต้องตั้งใจเรียนและทำหน้าที่ของตัวเองหลังจากทานข้าวเสร็จฉันก็เดินมานั่งอยู่ที่สระน้ำด้านหลังแต่ทำไมไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนถึงได้เห็นแต่คุณอัคคีที่นั่งอยู่ในห้องกระจกนะ กลัวคนอื่นเขาไม่รู้หรือไงว่าตัวเองหน้าบูดขนาดไหน
//อัคคี//
“ไอ้ภูมึงว่าหนูพายคิดอะไรอยู่” ผมมองเด็กตัวเล็กที่กำลังนั่งหย่อนขาอยู่ที่สระน้ำหรืออยากให้ผมจัดริมสระหรือเปล่า
“ก็ด่าคุณอัคคีไงครับจะมีอะไร”
ผมมองหน้ามันพร้อมกับชี้ให้มันมาใกล้ๆ พอมันมาก็เลยถีบมันจนล่วงไปกับพื้น มึงนี่มันปากหมาจริงๆ หนูพายไม่กล้าคิดอะไรแบบนั้นหรอก ป่านนี้คงจะคิดถึงรสชาติความรักหรือไม่ก็ หนูพายชอบคุณอัคคีจังเลย คุณอัคคีน่ารักที่สุด หล่อที่สุดในย้านนี้แล้ว คิดแล้วก็เขิน
“อาการแบบนี้คิดเข้าข้างตัวเองแหงๆ” ภูทำท่าขนลุกจากนั้นก็รีบออกไปขืนอยู่นานคงได้โดนถีบอีกรอบ
วันต่อมา
ผมเรียกหนูพายมาคุยถึงเรื่องการเตรียมตัวเข้าเรียนเธอยังคงหมกมุ่นเรื่องสอบ เธอไม่ต้องสอบแล้วแค่ฉันพูดไปว่าจะเอาเด็กมาเรียนทางมหาลัยก็แทบจะปูพรมให้เธอเดินเลย
“แบบนี้คนอื่นจะไม่มองว่าหนูใช้เส้นเหรอคะ”
“ไม่ดีหรือไง” ผมถามเด็กสาวที่นั่งกอดอก เธออย่ากอดอกได้ไหมมันดันจนเต้าของเธอล้นออกมาแล้วโธ่
“หนูกำลังเอาเปรียบคนอื่น หนูไม่สบายใจค่ะ”
ช่างเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดีเหลือเกินเด็กน้อย ถ้าเธอได้ออกไปเรียนเธอจะรู้เองว่าโลกภายนอกมันน่ากลัวกว่านี้เยอะ
“คุณพายไม่ต้องกลัวหรอกครับ สมัยเรียนคุณอัคคีเคยแอบไปมีอะไรกับอาจารย์เพราะตัวเองโดนตัดสิทธิ์สอบ พอเรื่องแดงคุณอัคคีก็เอาพวกไปถล่มจนได้ปริญญามาจากนั้นคุณท่านก็ส่งไปอยู่จีนเลยครับ”
“โห เลวร้ายมากๆเลยนะคะคุณภู”
“ใช่ครับเลวมาก”
“ไอ้ภู!”
“ผมลืมไปเลยว่าผมต้องไปหาคุณธาดา ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ บายครับคนเลว”
ผมมองหน้าไอ้ภูเดี๋ยวก่อนเถอะมึงพูดแบบนี้ได้ไง นางอาจารย์นั่นมันสอนเพศศึกษาต่างหากผมไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย
“มาเรื่องของเธอต่อดีกว่า นี่โทรศัพท์ในเครื่องจะมีเบอร์ฉันกับไอ้ภู ไลน์ก็มีแค่ฉันกับไอ้ภู โทรศัพท์ของเธอจะมีGPS ไม่สิของทุกคนที่นี่ เพราะทุกคนคือลูกหนี้ถ้าคิดหนีตายอย่างเดียว”
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ” อะไรกันแต่ก็ดีหน่อยได้รุ่นใหม่เลยด้วย แบบนี้จะติดต่อใครก็ได้นะสิ
“ใช้แค่เรื่องเรียนหรือเรื่องที่เป็นประโยชน์ อีกเรื่องนึงพยายามห่างๆไอ้หมอมันไว้ มันหื่นง่าย”
“ค่ะ”
"ไปได้แล้วฉันจะทำงานต่อ”
วันเปิดเรียน
ฉันเดินลงมาจากรถก็ต้องยืนเอ๋อเพราะฉันไม่รู้จะไปตรงไหน หันกลับมาอีกทีคุณภูก็ถอยรถกลับไปแล้ว อะไรกันแล้วฉันควรจะไปหาใครล่ะ
“หนูพาย!”
ฉันหันไปมองเสียงเรียกจากด้านหลังถึงได้เห็นว่ามีผู้ชายคนนึงโบกมือทักทายฉันอยู่ นั่นคุณเจเจนี่หน่า ฉันรีบเดินเข้าไปหาเพื่อสวัสดีและฝากเนื้อฝากตัวกับคุณเจเจ
“ยังไม่มีเพื่อนใช่ไหมหนูพาย”
“ยังค่ะ ไม่รู้จักใครเลย”
“มาเดี๋ยวจะพาไปทำความรู้จัก น้องชายของพี่ธาดาก็เรียนรุ่นเดียวกับหนูพายนี่แหละ ชื่อธารานั่นไงมาพอดีเลย”
“ธารานี่หนูพายคนที่พี่ธาดาบอกไง ยังไงก็ฝากเพื่อนด้วยนะหนูพายน่ารัก”
“ครับ ไปกันเถอะเราต้องไปหาห้องเรียนกัน”
“อื้อ”
ฉันได้ทำความรู้จักกับธารา ธาราเป็นคนสุขุม คุยได้เรื่อยๆอาจจะไม่ได้นิสัยแย่ บ้ากาม เหมือนพวกพี่ๆของเขาเท่าไหร่ การมาเรียนที่นี่มันมีแต่การแข่งขันจริงๆ ทุกคนตั้งใจเรียน กิจกรรมน้อยเพราะใครที่จบจากที่นี่ไม่ว่าคุณจะไปสมัครงานหรือไปเรียนต่อที่ไหน แค่เห็นใบปริญญาจากที่นี่ก็มีแต่คนอ้าแขนรับทั้งนั้น