“ที่นี่มีอะไรอร่อย ๆ บ้าง”
“อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างค่ะ”
ราชาวดีตอบกลับเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างชัดถ้อยชัดคำ เธอส่งเมนูอาหารให้ แต่ปลายนิ้วเรียวสัมผัสถูกผิวเนื้อ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนถูกกระแสไฟดูดเข้าหาอีกฝ่าย ความร้อนวิ่งขึ้นใบหน้าที่เคลือบไว้ด้วยเครื่องสำอางจนร้อนผ่าว ทำให้เธอรีบดึงมือหนีในเร็วไว
ความไม่ชอบใจผุดขึ้นมา เธอรู้แล้ว ตอนที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พนักงานประจำบางคนพูดจากึ่งอิจฉาว่าเธอกำลังจะได้ลาภก้อนโต กึ่งตักเตือนให้ระวังตัวให้ดีนั้นหมายความว่าอย่างไร สายตาของผู้ชายบอกเธอหมดแล้วว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็จำต้องข่มกลั้นความโกรธเอาไว้ภายในและทำงานที่รับมาให้ดีที่สุด
“อะไรกัน อาหารญี่ปุ่นทั้งนั้นเลย ใครจะไปกินลง! ”
ชายหนุ่มหน้าตาละอ่อนที่พอยื่นมือไปรับเมนูมาเปิดอ่านเกิดความไม่ชอบใจอย่างรุนแรง รีบขว้างเมนูอาหารทิ้งอย่างแรง จนกระแทกเข้ากับแขนของราชาวดีจนลำแขนกลมกลึงแดงขึ้นมาเล็กน้อย
เมนูอาหารบ้าอะไร เอาใจไอ้บ้าเซกิจิโร่นะซิ ไหนจะซูซิที่ชอบเอาเนื้อปลาดิบ ๆ มาทำ แค่ได้กลิ่นเขาก็คาวจนแทบจะอ้วกออกมาแล้ว ไหนจะข้าวหน้าปลาไหล ใครมันจะไปกินได้ปลาไหลที่จับแล้วหลุดออกจากมือตลอด ยังจะมีกลิ่นคาวที่ติดปากอีกล่ะ ไม่รู้พวกไ*****นกระเดือกลงไปได้ยังไงกัน ยังมีปลาซาบะที่ทำให้ดีเท่าไหร่ เขาก็ไม่เคยนึกนิยมที่จะแวะเวียนไปกิน
เซกิจิโร่ปรายตาไปมองลูกชายหน้าละอ่อนผู้แสนจะเอาแต่ใจของสิงห์เฒ่าจอมเจ้าเล่ห์วัชระอย่างอิดหนาระอาใจ ชายเจ้าเล่ห์ต้องการดันให้ลูกขึ้นมานั่งดำรงแท่นตำแหน่งแทน แต่ดูแล้ว เมื่อไหร่ที่สิงห์เฒ่าวางมือ ธุรกิจที่วางรากฐานไว้อย่างดีคงจะพังไม่เป็นท่าภายในไม่ถึงปี เพราะลูกชายที่ใจร้อน มุทะลุ เห็นแก่ตัวและบ้าผู้หญิงด้วย
รู้ว่าโรงแรมแห่งต้องการเอาใจเขาและลูกน้องเป็นพิเศษด้วยห้องพักที่เลียนแบบกลิ่นไอบ้านเขา รวมถึงอาหารการกินและทุก ๆ อย่าง เพราะเขาและลูกน้องคือลูกค้าประจำที่เดินทางมาเมืองไทยเมื่อไหร่ จะจับจองห้องพักชั้นบนสุดทั้งชั้น แต่ในคราวนี้เขาอยากจะกินอาหารไทยและลากเอาหญิงไทยขึ้นห้องด้วยสักคน เริงรักอย่างเร่าร้อนบนเตียงนุ่ม ๆ ตลอดทั้งคืน เพียงแค่คิดเขาก็กระชุ่มกระชวยจนไม่อยากจะสั่งอาหารเลย
“เซกิจิโร่ซัง! ”
วัชระข่มความหงุดหงิดร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงเรียบ ตอนแรกเขาคิดว่างานนี้หมู ๆ เพียงแค่มาคุยและตกลงเรื่องงานกับไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนที่เขาคิดว่าเคี้ยวได้ง่าย ๆ เพราะเพิ่งจะก้าวเข้ามาทำงานเป็นหัวหน้าคนอื่นได้ไม่กี่ปี แต่พอได้เจอกับอีกฝ่ายกลับตรงกันข้ามกับที่คิดไว้ลิบลับ
ชายหนุ่มที่หน้าตาดูอ่อนเยาว์ ท่าทางเหมือนกับไร้พิษสง แต่การเจรจากลับรู้จักหลบหลีกพาออกนอกเรื่องเก่ง
ดวงตาคมเหมือนกับพญาเหยี่ยว ที่เมื่อปรายมองมาเหมือนกับดึงเอาความกลัวที่ซุกซ่อนอยู่ภายในของแต่ละคนผุดขึ้นมา เวลามองจะพินิจพิเคราะห์ พิจารณาอย่างถ้วนถี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยินจะต้องคิดแล้วคิดอีก นิ่งเงียบแต่คอยดูเหตุการณ์อย่างไม่คลาดคลา
รัศมีแห่งอำนาจที่แฝงซ่อนเร้นและไอดำมืดมิดที่แผ่กระจายมาล้อมรอบกาย ทำให้เขาที่แม้จะคร่ำเคร่งอยู่ในวงการธุรกิจมานานหลายปียังอดหวั่นใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าพอถึงคราวของลูกชายที่หวังจะให้สืบทอดกิจการแทน จะมีปัญญามีความเก่งกาจ กล้าสู้คนอื่นได้หรือเปล่า ยิ่งคิด ก็ยิ่งมีแต่ความกังวล ที่คงได้แต่ต้องรอดูต่อไปเท่านั้น
“เรื่องที่ตกลงกัน” วัชระเอ่ยด้วยความหวัง ถ้ามีเซกิจิโร่หนุนหลัง การเปิดตลาดการค้าในญี่ปุ่นก็จะเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ดวงตาคมกริบตวัดไปมองเฒ่าเจ้าเล่ห์ คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างรู้ทันความคิด แม้เขาจะทำงานมีส่วนหนึ่งผิดกฎหมาย แต่ก็เลือกที่จะสรรหาคนมาร่วมงาน ไม่อย่างนั้นองค์กรคงจะไม่อยู่มานานถึงเพียงนี้
“แล้วจะกลับไปคิดดู” ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ ทั้งที่ความจริงนั้นมีคำตอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาไม่คิดจะร่วมงานกับตาเฒ่าที่คิดแต่จะเอาเปรียบคนอื่นกับลูกชายอารมณ์มุทะลุและดุเดือดเหมือนกับน้ำเดือดที่รอวันระเบิดออกมาทำให้คนอื่นพลอยเดือดร้อนไปด้วยแน่นอน
เซกิจิโร่มองพนักงานเสิร์ฟที่เขาคิดว่าคงจะรับทำอาชีพอย่างว่าด้วย ไม่ใช่จะดูถูก แต่คนที่มารับดูแลแขกที่มาจากบ้านเขา มักจะรับจ้อบพิเศษเพื่อหารายได้เพิ่มและคนตรงหน้าก็คงไม่เว้นเช่นกัน
“ว่าไง มีอะไรแนะนำ”
“ลองข้าวห่อใบบัวไหมคะ ข้าวสวยหุงด้วยหม้อดินจนได้กลิ่นหอมของข้าวผสมกลิ่นดินและยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นอาหารขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของโรงแรมเรา ตามต่อด้วยคะน้าหมูกรอบ ผัดด้วยน้ำมันหอยสูตรของทางโรงแรม อีกหนึ่งก็คือขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ มีต้มยำกุ้งหรือจะเป็นต้มยำข่าไก่ก็ได้ ตบท้ายด้วยวุ้นลอยแก้วกะทิหรือจะรับเป็นซ่าหริ่มก็ได้คะ” ราชาวดีนำเสนอรายการอาหารขึ้นชื่อของทางโรงแรม ด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงหวานนุ่ม
“ฉันไม่รับอาหารแต่รับเป็นเธอได้ไหม”
หนุ่มหน้าตาอ่อนที่สุดในห้องเอ่ยสวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย ทำเอาราชาวดีหน้าตึง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ดวงตากลมโตใสเหมือนลูกแก้ววาววับดุกร้าวเหมือนกับดวงตาเสือ โมโหปากเน่าเสียยิ่งกว่าอมสุนัขของคนตรงหน้าจนอยากจะกางเล็บทั้งสิบแล้วลากแรง ๆ ให้หมดรอยยิ้มโลมเลียให้เป็นแผลยิ่งกว่าสุนัขที่โดนน้ำร้อนลวก
ฟันซี่เล็ก ๆ เรียงตัวกันอย่างสวยงามขบกัดจนมีเสียงดังกรอดด้วยต้องพยายามระงับสติอารมณ์เอาไว้อย่างสุดความสามารถด้วยการท่องเอาไว้ในใจ
‘ลูกค้าคือพระเจ้า...ลูกค้าทำผิดได้ แต่พนักงานต้องไม่ทำผิด’
ราชาวดีสูดเข้าเต็มปอด ขบกัดฟันบนกลีบปากล่างจนเจ็บ กำหมัดจนปลายเล็บตำผิวเนื้อ
‘อดทน...อดทนเอาไว้ช่อม่วง...อดทนไว้ก่อน’ แต่สายตาคมวาวและหื่นกระหายที่มองเหมือนจะปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกาย แม้จะตวัดสายตาเกรี้ยวกราดเหมือนคมมีดตอบกลับไป แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจเลย กลับจ้องตอบและยื่นมือมาหา จนเธอต้องรีบขยับเอี้ยวกายไปอีกทาง
“ขอโทษด้วยค่ะ”
ราชาวดีเอ่ยคำขอโทษไปโดยที่ไม่รู้ว่าความจริง ไม่ใช่เธอที่เป็นฝ่ายขยับตัวไปชน แต่เป็นเซกิจิโร่ที่ยื่นมือไปเอื้อมคว้ากายอรชรมาแนบชิด แขนแกร่งสอดกระชับเอวเล็กคอดทาบ ฝ่ามือหนาทาบบนเนินทรวงอวบอิ่มที่ขยับเคลื่อน พลางทาบริมฝีปากร้อนผ่าวต้นคอระหง
ใบหน้ารูปไข่แดงด้วยเลือดฝาด ราชาวดีรีบปลดแขนใหญ่ออกจากตัว แต่เหมือนหนีเสือปะทะจระเข้ที่ร้ายกาจยิ่งนัก เพราะรู้ว่าจะแตะต้องตรงไหนที่จะทำให้เธอนั้นอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจนขยับกายหนีไม่ได้
“ปล่อย...ปล่อยฉันนะคุณ” หญิงสาวบอกเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงและเร็วจนแทบจะหลุดออกมาจากทรวง เธอทาบมือบนลำแขนแข็งแกร่งเหมือนคีมเหล็กที่กอดกระชับเอวเล็กจนเกือบจะหักออกเป็นสองท่อน จิกลงไปเต็ม ๆ แรง
“ปล่อยค่ะ ฉันจะไปเอาอาหารมาเสิร์ฟให้คุณ” เสียงที่ออกจากปากตะกุกตะกักสั่นพร่าระคนโกรธ เมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยตัวราชาวดีข่มกลั้นความกลัวที่มีเอาไว้ให้ลึกสุดใจ กัดฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าจะดังที่สุด