เคลิ้ม

1199 Words
ตอนที่ 17 ตรีอัปสรขับรถมาส่งวายุจนถึงคอนโด พอเลขาฯ สาวจอดรถสนิท ก็ปลุกคนที่แกล้งเมาหลับมาตลอดทางให้ตื่นขึ้น “ถึงคอนโดแล้วค่ะ พี่วายุ” “ขึ้นไปส่งพี่ก่อนสิ” คนตื่นนอน ยิ้มหวานแล้วรีบเอ่ยขึ้นมาทันที ตรีอัปสรนึกถึงคำสอนของผู้เป็นแม่ขึ้นมา แล้วเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าไม่ควรให้ท่าผู้ชาย “พี่เดินไม่ไหวเหรอคะ งั้นเดี๋ยวอัปสรจะไปตาม รปภ.ให้” หญิงสาวรีบเสนอ “ไหวอยู่ แต่มาส่งแล้วก็ต้องส่งให้ถึงห้องสิ” “อัปสรจะรีบกลับไปเตรียมกระเป๋าเดินทางสำหรับวันพรุ่งนี้ค่ะ” เลขาฯ สาวรีบอ้าง “เตรียมแป๊บเดียวก็เสร็จมั้ง มีเวลาทั้งคืนจะกลัวอะไร” วายุรีบบอกอย่างไม่ยอมแพ้ อันที่จริงเป้าหมายของเธอก็คือพิชิตหัวใจของเขา จะช้าหรือเร็วก็ไม่ต่างกัน เมื่อพิจารณาแล้วตรีอัปสรจึงยอมตามใจวายุ “ก็ได้ค่ะ” พอถึงห้องทันทีที่ประตูปิดสนิท ชายหนุ่มก็เริ่มจู่โจมหญิงสาวทันที “พี่วายุ!!!” เลขาฯ สาว ตกใจจนสะดุ้ง ตวัดสายตามองไปที่ชายหนุ่มพร้อมกับเอี้ยวตัวหลบ เมื่อจู่ ๆ เขาก็เข้ามาประชิดตัวเธอด้วยท่าทีคุกคาม “มาให้พี่ชื่นใจหน่อยสิ อัปสรจ๋า” มือหนาคว้าเข้าที่ท่อนแขนกลมกลึง พร้อมทั้งออกแรงดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้ “ปล่อยค่ะ! ส่งพี่วายุถึงห้องแล้วอัปสรจะกลับ” ตรีอัปสรเบนหน้าหนีจากการคุกคามของร่างหนา วายุเห็นว่าเป้าหมายเริ่มออกแรงขัดขืน ประกอบกับความไม่พอใจที่มีอยู่แล้วเป็นทุนเดิมเขาก็เลยโมโหและอยากจะเป็นเจ้าของเธอเสียให้รู้แล้วรู้รอด มือหนาออกแรงดึงร่างบางเข้ามาใกล้ ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่เขายังคาใจอยู่ “ไปเต้นรำกับมัน ชอบมันหรือไง” “ท่านรองกำลังเมา ปล่อยอัปสรเถอะค่ะ” หญิงสาวจำต้องเปลี่ยนสรรพนาม “ต้องสนิทถึงขั้นไหนถึงได้ยอมไปเต้นรำกับมัน หรือเธอกับมันเลยเถิดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” ตรีอัปสรหน้าแดงจัดเมื่อได้ฟังคำพูดจากปากของวายุ ที่กล่าวหาเธออย่างเสียๆ หายๆ หรือว่า หัวสมองเขาจะไม่เคยคิดเรื่องดี ๆ เลย คำพูดที่พ่นออกมาถึงได้สกปรกและหยาบคาย จนไม่อาจทนฟังได้ หล่อนจึงโต้กลับอย่างเหลืออด “หยุดพูดจาน่าเกลียดสักที พี่นิคเค้าเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยทำอะไรแบบที่พี่กำลังทำอยู่ตอนนี้หรอกค่ะ” “ปากดีนัก” วายุกัดฟันกรอดเมื่อคนตัวเล็กออกโรงปกป้อง “ปล่อยค่ะ อัปสรจะกลับบ้าน” “จะรีบไปไหนเล่า...อยู่ดูแลพี่ก่อนสิ” “ยะ...อย่าทำบ้า ๆ นะคุณวายุ” “เรียกพี่วายุก่อนสิ แล้วจะปล่อย” “พี่วายุ!!” หญิงสาวพยายามพูดจาหว่านล้อมด้วยหัวใจที่เต้นรัวโครมคราม ยอมรับว่ากลัวเจ้านายหนุ่มจนแทบสิ้นสติ “ดีมาก” เมื่อได้ยินคำตอบจากคนตรงหน้า ก็เกิดความรู้สึกโล่งใจขึ้นมาจนยิ้มได้ “ต่อไปนี้ห้ามเรียกท่านรองหรือคุณวายุอีก ต้องเรียกพี่วายุเท่านั้น” “ค่ะ” แต่แล้วความโล่งใจก็ถูกกลบหายด้วยความหวาดกลัว หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยความตระหนก และยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อวายุออกแรงดึงร่างเล็กของเธอเข้าห้องนอนที่อยู่ไม่ไกล และลงมือปิดประตูลงกลอน จากข้างในเสร็จสรรพ “ปล่อยนะ พาอัปสรเข้ามาห้องนอนทำไม” ชายหนุ่มออกแรงรัดร่างเล็กที่พยายามฝืนตัวออกจากอ้อมแขนมาที่โซฟาใกล้ ๆ วายุเดินตามมาแล้วทิ้งตัวนั่งลง ก่อนจะอุ้มหญิงสาวให้นั่งลงบนตักของเขา พร้อมจูบที่ริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา “อื้อ! พี่วายุ” “ว่าไง คนสวย” “พี่วายุกำลังเมา ไม่นะคะ อื้อ....” คนเจ้าเล่ห์ใช้ปากหนาจูบซับเสียงหวานและไม่สนใจต่อเสียงร้องขอของเลขาฯ สาวเมื่อเธอดิ้นลำแขนแกร่งก็แค่รัดแน่นขึ้น และเมื่อเธอปัดป้องสองมือบางก็ถูกจัดการด้วยมือใหญ่ จากนั้นจึงอุ้มหญิงสาวไปที่เตียงกว้าง เขารวบข้อมือบางขึ้นเอาไว้เหนือศีรษะ วายุรุกรานไล่ต้อนจนเธออ่อนแรงลง จูบแรกที่แสนหวานจึงก็ค่อย ๆ ซึมผ่านไปร่างของเลขาฯ สาว “ถ้าพี่จะเมา คงไม่ใช่เพราะเหล้า แต่เพราะเธอ...ตรีอัปสร” เสียงทุ้มของเขาสั้นพร่า สายตาดุคมที่เคยกร้าวกระด้างแลดู อ่อนหวานยามทอดมองใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาว วายุบอกไม่ถูกว่า รู้สึกอย่างไรกับคนตรงหน้า รู้แค่ว่าวันนี้เขาขาดเธอไม่ได้ ทำไมเขาโง่ที่มองไม่ออกมาว่าเธอสวยกว่าหญิงคนอื่น ๆ ที่เขาเคยควงมาเสียอีก “พี่อย่าทำอะไรอัปสรเลยนะคะ” “วันนี้พี่จะปล่อยไปก่อน เอาไว้ไปสำเร็จโทษที่ญี่ปุ่นก็แล้วกัน” ดวงตาที่พริ้มเบิกโพลงทันที สองมือที่ถูกพันธนาการถูกปล่อยให้เป็นอิสระ สติเริ่มหวนคืนสู่ร่างอีกครั้ง หลังจากที่เคลิบเคลิ้มไปกับเขา หญิงสาวมองใบหน้าหล่อของชายคนที่แอบรักด้วยความเสียดาย ใจหนึ่งก็อยากลอง แต่อีกใจหนึ่งก็นึกถึงคำที่มารดาสอน ว่าอย่างใจง่าย “ถ้าพี่วายุฉวยโอกาสกับอัปสร อัปสรจะฟ้องคุณลุง” หล่อนขู่เขา แต่ก็กลับอายจนหน้าแดงหลังจากพูดจบ “พี่แค่จูบเองนะ หรือจะให้พี่ทำมากกว่านี้ล่ะ” คนตัวโตยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “…………….” หญิงสาวไม่ตอบเอาแต่เบนหน้าหลับตาหนีทันทีเมื่อชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “พี่วายุไม่เกลียดอัปสรแล้วเหรอคะ” ตรีอัปสรถามในสิ่งที่เธออยากรู้ “พี่ไม่ได้เกลียดอัปสรสักหน่อย เพียงแค่ไม่ชอบวิธีการของคุณพ่อเท่านั้น” “อัปสรก็ไม่ได้อยากเป็นเด็กเส้นหรอกค่ะ แต่คุณลุงอยากได้ไร่ชาของคุณแม่ ก็เลยจะให้อัปสรแต่งงานกับพี่วายุ” “จริงเหรอ” ใบหน้ารื่นรมย์เปลี่ยนเป็นกระด้างทันควัน กรามที่ขบกันแน่นแลดูน่ากลัว และถ้าหากหญิงสาวลืมตามองหน้าชายหนุ่มสักนิด เชื่อได้เลยว่าหล่อนจะไม่กล้าพูดแบบนี้ แต่มันก็คือเรื่องจริง บิดาของวาทิตเป็นคนบริหารไร่ชา ต่อจากคมสันสามีของวิภาวรรณ โดยเอาชาที่เก็บได้ส่งโรงงานของตัวเองทั้งหมด ตรีอัปสรรู้เรื่องนี้จากคุณแม่ของเธอ วิภาวรรณก็ไม่ได้ไปว่าอะไร เพราะวาทิตก็ส่งเสียตรีอัปสรเรียนมาโดยตลอด “พี่วายุอย่าโกรธอัปสรเลยนะคะ ที่อัปสรต้องพูดตรง ๆ” “แล้วทำไมอัปสรถึงยอมทำตามที่พ่อพี่สั่งล่ะ” “พี่ก็คิดเอาเองสิคะ” “พี่ไม่รู้หรอก” “งั้นเอาไว้ขากลับจากญี่ปุ่น อัปสรค่อยบอกนะคะ วันนี้อัปสรขอตัว” พูดจบหญิงสาวก็ลุกพรวดทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD