ตอนที่ 17
ตรีอัปสรขับรถมาส่งวายุจนถึงคอนโด พอเลขาฯ สาวจอดรถสนิท ก็ปลุกคนที่แกล้งเมาหลับมาตลอดทางให้ตื่นขึ้น
“ถึงคอนโดแล้วค่ะ พี่วายุ”
“ขึ้นไปส่งพี่ก่อนสิ” คนตื่นนอน ยิ้มหวานแล้วรีบเอ่ยขึ้นมาทันที ตรีอัปสรนึกถึงคำสอนของผู้เป็นแม่ขึ้นมา แล้วเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าไม่ควรให้ท่าผู้ชาย
“พี่เดินไม่ไหวเหรอคะ งั้นเดี๋ยวอัปสรจะไปตาม รปภ.ให้” หญิงสาวรีบเสนอ
“ไหวอยู่ แต่มาส่งแล้วก็ต้องส่งให้ถึงห้องสิ”
“อัปสรจะรีบกลับไปเตรียมกระเป๋าเดินทางสำหรับวันพรุ่งนี้ค่ะ” เลขาฯ สาวรีบอ้าง
“เตรียมแป๊บเดียวก็เสร็จมั้ง มีเวลาทั้งคืนจะกลัวอะไร” วายุรีบบอกอย่างไม่ยอมแพ้
อันที่จริงเป้าหมายของเธอก็คือพิชิตหัวใจของเขา จะช้าหรือเร็วก็ไม่ต่างกัน เมื่อพิจารณาแล้วตรีอัปสรจึงยอมตามใจวายุ
“ก็ได้ค่ะ” พอถึงห้องทันทีที่ประตูปิดสนิท ชายหนุ่มก็เริ่มจู่โจมหญิงสาวทันที
“พี่วายุ!!!” เลขาฯ สาว ตกใจจนสะดุ้ง ตวัดสายตามองไปที่ชายหนุ่มพร้อมกับเอี้ยวตัวหลบ เมื่อจู่ ๆ เขาก็เข้ามาประชิดตัวเธอด้วยท่าทีคุกคาม
“มาให้พี่ชื่นใจหน่อยสิ อัปสรจ๋า” มือหนาคว้าเข้าที่ท่อนแขนกลมกลึง พร้อมทั้งออกแรงดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้
“ปล่อยค่ะ! ส่งพี่วายุถึงห้องแล้วอัปสรจะกลับ” ตรีอัปสรเบนหน้าหนีจากการคุกคามของร่างหนา วายุเห็นว่าเป้าหมายเริ่มออกแรงขัดขืน ประกอบกับความไม่พอใจที่มีอยู่แล้วเป็นทุนเดิมเขาก็เลยโมโหและอยากจะเป็นเจ้าของเธอเสียให้รู้แล้วรู้รอด มือหนาออกแรงดึงร่างบางเข้ามาใกล้ ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่เขายังคาใจอยู่
“ไปเต้นรำกับมัน ชอบมันหรือไง”
“ท่านรองกำลังเมา ปล่อยอัปสรเถอะค่ะ” หญิงสาวจำต้องเปลี่ยนสรรพนาม
“ต้องสนิทถึงขั้นไหนถึงได้ยอมไปเต้นรำกับมัน หรือเธอกับมันเลยเถิดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” ตรีอัปสรหน้าแดงจัดเมื่อได้ฟังคำพูดจากปากของวายุ ที่กล่าวหาเธออย่างเสียๆ หายๆ หรือว่า หัวสมองเขาจะไม่เคยคิดเรื่องดี ๆ เลย คำพูดที่พ่นออกมาถึงได้สกปรกและหยาบคาย จนไม่อาจทนฟังได้ หล่อนจึงโต้กลับอย่างเหลืออด
“หยุดพูดจาน่าเกลียดสักที พี่นิคเค้าเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยทำอะไรแบบที่พี่กำลังทำอยู่ตอนนี้หรอกค่ะ”
“ปากดีนัก” วายุกัดฟันกรอดเมื่อคนตัวเล็กออกโรงปกป้อง
“ปล่อยค่ะ อัปสรจะกลับบ้าน”
“จะรีบไปไหนเล่า...อยู่ดูแลพี่ก่อนสิ”
“ยะ...อย่าทำบ้า ๆ นะคุณวายุ”
“เรียกพี่วายุก่อนสิ แล้วจะปล่อย”
“พี่วายุ!!” หญิงสาวพยายามพูดจาหว่านล้อมด้วยหัวใจที่เต้นรัวโครมคราม ยอมรับว่ากลัวเจ้านายหนุ่มจนแทบสิ้นสติ
“ดีมาก” เมื่อได้ยินคำตอบจากคนตรงหน้า ก็เกิดความรู้สึกโล่งใจขึ้นมาจนยิ้มได้
“ต่อไปนี้ห้ามเรียกท่านรองหรือคุณวายุอีก ต้องเรียกพี่วายุเท่านั้น”
“ค่ะ” แต่แล้วความโล่งใจก็ถูกกลบหายด้วยความหวาดกลัว หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยความตระหนก และยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อวายุออกแรงดึงร่างเล็กของเธอเข้าห้องนอนที่อยู่ไม่ไกล และลงมือปิดประตูลงกลอน จากข้างในเสร็จสรรพ
“ปล่อยนะ พาอัปสรเข้ามาห้องนอนทำไม” ชายหนุ่มออกแรงรัดร่างเล็กที่พยายามฝืนตัวออกจากอ้อมแขนมาที่โซฟาใกล้ ๆ วายุเดินตามมาแล้วทิ้งตัวนั่งลง ก่อนจะอุ้มหญิงสาวให้นั่งลงบนตักของเขา พร้อมจูบที่ริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา
“อื้อ! พี่วายุ”
“ว่าไง คนสวย”
“พี่วายุกำลังเมา ไม่นะคะ อื้อ....” คนเจ้าเล่ห์ใช้ปากหนาจูบซับเสียงหวานและไม่สนใจต่อเสียงร้องขอของเลขาฯ สาวเมื่อเธอดิ้นลำแขนแกร่งก็แค่รัดแน่นขึ้น และเมื่อเธอปัดป้องสองมือบางก็ถูกจัดการด้วยมือใหญ่ จากนั้นจึงอุ้มหญิงสาวไปที่เตียงกว้าง
เขารวบข้อมือบางขึ้นเอาไว้เหนือศีรษะ วายุรุกรานไล่ต้อนจนเธออ่อนแรงลง จูบแรกที่แสนหวานจึงก็ค่อย ๆ ซึมผ่านไปร่างของเลขาฯ สาว
“ถ้าพี่จะเมา คงไม่ใช่เพราะเหล้า แต่เพราะเธอ...ตรีอัปสร” เสียงทุ้มของเขาสั้นพร่า สายตาดุคมที่เคยกร้าวกระด้างแลดู อ่อนหวานยามทอดมองใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาว วายุบอกไม่ถูกว่า รู้สึกอย่างไรกับคนตรงหน้า รู้แค่ว่าวันนี้เขาขาดเธอไม่ได้ ทำไมเขาโง่ที่มองไม่ออกมาว่าเธอสวยกว่าหญิงคนอื่น ๆ ที่เขาเคยควงมาเสียอีก
“พี่อย่าทำอะไรอัปสรเลยนะคะ”
“วันนี้พี่จะปล่อยไปก่อน เอาไว้ไปสำเร็จโทษที่ญี่ปุ่นก็แล้วกัน” ดวงตาที่พริ้มเบิกโพลงทันที สองมือที่ถูกพันธนาการถูกปล่อยให้เป็นอิสระ สติเริ่มหวนคืนสู่ร่างอีกครั้ง หลังจากที่เคลิบเคลิ้มไปกับเขา
หญิงสาวมองใบหน้าหล่อของชายคนที่แอบรักด้วยความเสียดาย ใจหนึ่งก็อยากลอง แต่อีกใจหนึ่งก็นึกถึงคำที่มารดาสอน ว่าอย่างใจง่าย
“ถ้าพี่วายุฉวยโอกาสกับอัปสร อัปสรจะฟ้องคุณลุง” หล่อนขู่เขา แต่ก็กลับอายจนหน้าแดงหลังจากพูดจบ
“พี่แค่จูบเองนะ หรือจะให้พี่ทำมากกว่านี้ล่ะ” คนตัวโตยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“…………….” หญิงสาวไม่ตอบเอาแต่เบนหน้าหลับตาหนีทันทีเมื่อชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“พี่วายุไม่เกลียดอัปสรแล้วเหรอคะ” ตรีอัปสรถามในสิ่งที่เธออยากรู้
“พี่ไม่ได้เกลียดอัปสรสักหน่อย เพียงแค่ไม่ชอบวิธีการของคุณพ่อเท่านั้น”
“อัปสรก็ไม่ได้อยากเป็นเด็กเส้นหรอกค่ะ แต่คุณลุงอยากได้ไร่ชาของคุณแม่ ก็เลยจะให้อัปสรแต่งงานกับพี่วายุ”
“จริงเหรอ” ใบหน้ารื่นรมย์เปลี่ยนเป็นกระด้างทันควัน กรามที่ขบกันแน่นแลดูน่ากลัว และถ้าหากหญิงสาวลืมตามองหน้าชายหนุ่มสักนิด เชื่อได้เลยว่าหล่อนจะไม่กล้าพูดแบบนี้ แต่มันก็คือเรื่องจริง บิดาของวาทิตเป็นคนบริหารไร่ชา ต่อจากคมสันสามีของวิภาวรรณ โดยเอาชาที่เก็บได้ส่งโรงงานของตัวเองทั้งหมด
ตรีอัปสรรู้เรื่องนี้จากคุณแม่ของเธอ วิภาวรรณก็ไม่ได้ไปว่าอะไร เพราะวาทิตก็ส่งเสียตรีอัปสรเรียนมาโดยตลอด
“พี่วายุอย่าโกรธอัปสรเลยนะคะ ที่อัปสรต้องพูดตรง ๆ”
“แล้วทำไมอัปสรถึงยอมทำตามที่พ่อพี่สั่งล่ะ”
“พี่ก็คิดเอาเองสิคะ”
“พี่ไม่รู้หรอก”
“งั้นเอาไว้ขากลับจากญี่ปุ่น อัปสรค่อยบอกนะคะ วันนี้อัปสรขอตัว” พูดจบหญิงสาวก็ลุกพรวดทันที