เมื่อแต่งตัวเสร็จ เจียชิง นั่งรถไปที่สุสานอีกครั้ง เธอเดินตรงที่ไปฝั่งตีนเขาที่เธอจำได้ว่าเคยมีศาลเจ้า ตั้งอยู่ไม่รู้ว่าจะยังมีอยู่ไหมแต่เธอคิดว่าพอจำจุดที่ตั้งได้แน่นอน เดินมาตรงปากทางเข้าสุสานเก่าเธอมองที่ศาลเจ้าร้างเก่าๆ มีต้นไม้ใหญ่บังอยู่ด้านหน้าแต่มีช่องให้พอมองเห็นและมุดเจ้าไปได้ ซึ่งถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่าตรงนั้นคือศาลเจ้าเพราะหลังคาผุมากแล้วเธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่รื้อออก เพราะตอนนี้มีการตั้งศาลเจ้าใหม่อยู่ด้านหน้าทางเข้าและเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่และสวยงามมากมีผู้คนเข้าไปไหว้ขอพรไม่ขาด เมื่อวานเธอก็ยังแวะเข้าไปไหว้ตอนมาถึงเหมือนกัน
เจียชิง เดินมุดเข้าทางช่องที่พอลอดเข้าไปได้ เมื่อเธอเข้าไปแล้วก็เห็นศาลที่มีรูปปั้นพระโพธิสัตว์ และเทพเจ้าเก่าๆ และค่อนไปทางผุพัง มากแล้ว 2-3 องค์ เธอนั่งลงและก้มหัวแตะพื้นคำนับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างที่เคยทำ และเหมือนมีลมวูบหนึ่งพัดผ่านมา และจากนั้นเธอก็หลุดเข้าไปในที่ที่หนึ่งที่ค่อนข้างเย็นสบาย ไม่มืดแต่ไม่ได้สว่างจ้า และอากาศเย็นสบายอย่างบอกไม่ถูก
" เจ้าคงจำทุกอย่างที่เจ้าเคยทำให้ชาติก่อนได้แล้วสินะ"
มีเสียงดังลอยมาตามสายลมเอื่อยๆ นั้น เจียชิง มองหาเจ้าของเสียงแต่หาไม่เจอทุกที่ว่างเปล่าและไม่มีขอบเขต
" เจ้าไม่ต้องมองหาข้า ข้าไม่มีตัวตนหรอก "
" ท่านเป็นใครคะ และที่นี่ที่ไหนและฉันมาที่นี่ได้อย่างไร"
" เจ้าไม่ต้องรู้หรอกว่าอยู่ที่ไหน รู้เพียงว่าที่เจ้าอยู่ตรงนี้เพราะแรงที่เจ้าอธิษฐานเอาไว้ แต่ตอนที่เจ้าตายไปชาติก่อนเจ้าต้องไปเกิดในโลกหน้าเพื่อใช้กรรมเก่าที่ติดตัวก่อนหน้าด้วย ข้าจึงไม่สามารถดึงวิญญาณของเจ้าออกมาได้ "
" แล้วตอนนี้ฉันตายแล้วเหรอคะ"
" ยังแต่เป็นการดึงดวงจิตมาเท่านั้น"
" ค่ะ แล้วท่านมีอะไรจะถามฉันหรือคะ"
" จากแรงอธิษฐานของเจ้าตอนก่อนสิ้นใจ ที่เจ้าอยากกลับไปแก้ไขสิ่งผิดพลาดในอดีตของเจ้า และข้าเห็นว่าเจ้าได้สำนึกผิดในสิ่งที่เคยกระทำลงไปแล้ว และกรรมที่เจ้าเคยก่อไว้ก็ไม่ได้รุนแรงขนาดฆ่าคนตายหรือทารุณพ่อแม่ เพียงแต่หลงระเริงใน อคติ 4 คือ รัก โลภ โกรธ หลง ทำให้หลงผิดและเดินทางผิด และเจ้าก็ได้ชดใช้กรรมในสิ่งที่เคยก่อไว้ไปแล้วตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าจึงคิดว่าเจ้าควรได้มีโอกาสแก้ตัวอีกสักครั้ง แต่เพราะกรรมตั้งแต่อดีตชาติยังติดตัวเจ้าอยู่ จึงต้องมาเกิดในยุคนี้ก่อน และตอนนี้ข้าอยากจะถามว่าเจ้ายังอยากกลับไปแก้ไขเรื่องในชาติที่จากมาหรือไม่ หรือหากเจ้าปล่อยวางได้แล้วอยากใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ เจ้าก็สามารถเลือกอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตจนหมดอายุขัยของเจ้าต่อไปได้เช่นกัน "
" แล้วถ้าฉันย้อนกลับไปฉันก็ต้องตายและทิ้งคุณปู่ให้ท่านอยู่คนเดียวใช่ไหมคะ"
" คนเรามันก็ต้องได้อย่างเสียอย่างแต่ทุกอย่างก็เกิดจากกรรมของแต่ละคน ถึงเจ้าจะไม่ตายจากไปปู่ของเจ้าก็ต้องตายจากเจ้าเหมือนกัน มันเป็นเวรกรรมของตัวเจ้าและของปู่ของเจ้าด้วย"
" แสดงว่าสุดท้ายฉันก็ต้องอยู่คนเดียวเหมือนเดิมใช่ไหมคะ"
" ก็ไม่เชิง เพียงแต่ต้องรอดูผลการกระทำของเจ้าในชาตินี้ด้วย"
" ถ้าอย่างนั้นถ้าฉันขอย้อนไปหาลูกๆ กับครอบครัวที่นั่นฉันต้องตายตอนนี้ไหมคะ "
" ยังหรอกเพราะต้องรอให้มิติกาลเวลาเปิดเสียก่อน ยังเหลือเวลาถึงวันชิวอิก (วันพระจีน) เดือนหน้า ซึ่งยังมีเวลาให้เจ้าทำใจโลกนี้อีกหลายวัน ตอนนี้เจ้าต้องเลือกแล้วว่าจะย้อนกลับไปเพื่อแก้ไขสิ่งที่เคยผิดพลาดหรือจะเลือกใช้ชีวิตที่สุขสบายต่อไปในโลกนี้ ทุกอย่างเจ้าต้องเลือกเอง"
" ฉันขอกลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตค่ะ แต่ท่านคะยังจะยังมีความทรงจำของชาตินี้ไหมคะ"
" เจ้าจะยังมีความทรงจำของทั้งสองชาตินี้ทุกอย่าง และเห็นแก่ที่เจ้ามีจิตใจแน่วแน่และอยากจะกลับไปไถ่โทษที่เคยกระทำไว้อย่างบริสุทธิ์ใจ ข้าจะมอบสิ่งของติดตัวเจ้าไปด้วยเพื่อให้เจ้าได้นำของที่ทำให้เจ้าใช้ชีวิตได้สบายขึ้นกว่าเก่าสักเล็กน้อย"
" ท่านจะประทานพรให้ฉันใช่ไหมคะ"
" จะว่าแบบนั้นก็ได้แต่สิ่งนี้เจ้าต้องใช้อย่างระมัดระวังไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้ชีวิตเจ้าเป็นภัยได้"
" คืออะไรคะ"
"ข้าจะมอบมิติเก็บของที่ไม่ว่าของเล็กหรือของใหญ่เจ้าก็สามารถเก็บมันเข้าไปได้ แต่สิ่งมีชีวิตเข้าไม่ได้ และของที่เก็บในมิตินี้จะยังคงสภาพเหมือนตอนที่เจ้าเก็บเข้าไปไม่ว่าจะเก็บไว้นานแต่ไหน "
" อ้อ คงเหมือนแหวนมิติ กำไลมิติในตำนานที่ฉันเคยอ่านเจอใช่ไหมคะ"
" อืม ประมาณนั้นแต่ของข้าเป็นมิติลอยไม่มีขอบเขต และขนาดมิติของข้าจะยืดหยุ่นตามสิ่งของที่เจ้าเก็บเข้าไป ใช้ง่ายกว่าเพียงกำหนดจิตเก็บเข้าหรือเอาออก ง่ายเหมือนหายใจเข้าออกเท่านั้น"
" ขอบคุณท่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากค่ะที่ให้โอกาสฉันอีกครั้ง ฉันจะใช้ชีวิตใหม่นี้ให้ดีที่สุด"
"เจ้าอย่าเรียกข้าว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลย ข้าฟังแล้วเหมือนเป็นหินยังไงไม่รู้"
"ก็ท่านไม่บอกฉันนี่ค่ะว่าท่านคือใคร"
" เอ้อจริงด้วย เอาเป็นว่าเจ้าจะเรียกอะไรก็เรียกเถอะ ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว และกลับไปเตรียมของที่เจ้าจะนำไปให้พร้อม ถึงคืนวันชิวอิก ข้าจะไปรับเจ้าเอง
"ค่ะ ขอบคุณค่ะท่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ "
"อืม"
เมื่อเจียชิงพูดจบก็มีลมพัดพาเธออีกครั้ง และพอลืมตาขึ้นเธอก็นั่งอยู่ที่ศาลเจ้าร้างที่เดิม เธอจึงก้มลงคำนับอีกสามครั้งก่อนจะมุดออกมา และมองไปที่ท้ายสุสานร้างที่เคยเป็นที่ที่เธอเคยนอนสิ้นใจอยู่คนเดียว จากนั้นก็หันหลังเดินทางกลับออกไปจากสถานที่นั้นทันที เธอให้รถมาส่งที่ สถานีรถไฟความเร็วสูง เพื่อนั่งกลับบ้านทันทีทั้งกำหนดการที่เธอวางไว้คือเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อง ๆ 10-15 วัน แต่ดูปฏิทินในมือถือแล้ววันชิวอิก ที่จะถึง เป็นวันพระใหญ่ เหลือเวลาอีกแค่ 10 วัน เธอกลัวจะเตรียมตัวไม่ทันด้วยและอยากจะอยู่กับปู่ของเธอบ้างแค่นั้น เพราะที่ผ่านมาเธอก็ไม่ค่อยได้อยู่กับท่านหรือเพราะท่านไม่ค่อยได้อยู่กับเธอด้วย ท่านเดินทางไปต่างประเทศเพื่อพบกับลูกค้าเกือบตลอดเวลาหรือไม่ลูกค้าก็มาพบท่านภายในประเทศท่านก็ต้องไปต้อนรับ จนแทบจะไม่ได้มาหาเธอที่บ้านนัก แต่ก็มีโทรมาถามไถ่บ้าง 2-3 วันครั้งหากไม่ได้อยู่นานๆ เธอก็เข้าใจท่านเป็นอย่างดีไม่ได้เรียกร้องอะไรเพราะท่านมีทุกอย่างให้เธอมากมาย สิ่งไหนที่เงินหาซื้อมาได้ท่านก็หาซื้อมาให้ไม่ขาดออกจะล้นด้วยซ้ำ
การที่ท่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มิติเก็บของมาเธอไม่ต้องกลัวจะไม่มีเงินซื้อหาของ เพราะเธอมีเงินที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้หลายสิบล้านหยวน และยังมีของปู่ที่ให้เธออีกมากมาย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเตรียมของเธอแค่เพียงเอ่ยปากต้องการสิ่งใดก็มีคนจัดหาให้อย่างพร้อมเพรียง ไม่ต้องเหนื่อยไปหาเองด้วยซ้ำไป เธอจะไปหาปู่เธอก่อนเพื่อจะได้ทานอาหารกับท่านสักมื้อ ถ้าจำไม่ผิดเธอได้ทานอาหารกับท่านครั้งสุดท้ายตอนปีใหม่เมื่อ 2 เดือนก่อนและเจอท่านตอนที่เรียนจบและท่านแวะเอาของขวัญมาให้ที่มหาลัย เมื่ออาทิตย์ก่อนที่เธอจะขอท่านมาเที่ยวในครั้งนี้ และดูเหมือนว่าท่านจะติดลูกค้ารายใหญ่ที่มาจากฝั่งยุโรป และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเอาเป็นว่าค่อยโทรหาอีกทีก็ได้ สำหรับเธอแล้วสามารถโทรหาท่านได้ตลอดเพราะเป็นเครื่องที่ติดต่อใช้เฉพาะเธอคนเดียวเท่านั้น .
กลับมาถึงบ้านก็มืดมากแล้วเธอโทรให้บอดี้การ์ดไปรับที่สถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูง และใช้เวลานั่งรถกลับบ้านเพียง 10 นาที มาถึงแม่บ้านก็ถามว่าอยากทานอะไร เธอบอกอะไรก็ได้ง่ายๆ เธอคิดอะไรได้จึงสั่งให้แม่บ้านทำอาหารกล่องให้เธอ 300 กล่องและบอกว่าจะนำไปบริจาคเด็กกำพร้า (ลูกๆ ของเธอ) โดยให้ทำคละกันหลายๆ อย่าง รวมทั้งให้ไปสั่งร้านอาหารขึ้นชื่อในเมือง หลายอย่างเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อด้านความอร่อย ให้สั่งมาอย่างละ 100 กล่อง สัก 10 อย่าง แม่บ้านรับคำงงๆ และถามว่าเธอจะไปเมื่อไหร่ เธอให้เวลา 3 วันเตรียมให้พร้อมเพราะต้องซื้ออย่างอื่นไปบริจาคด้วย และสั่งแม่บ้านให้บอกคนงานไว้ไปหาซื้อของให้เธอในวันพรุ่งนี้ด้วย เธอถามบอดี้การ์ดว่าคุณปู่จะกลับมาบ้านไหม บอดี้การ์ดเช็กให้และบอกว่าท่านกำลังออกจากงานเลี้ยงคาดว่ากำลังเดินทางกลับบ้าน และท่านรู้แล้วว่าเธอกลับมาถึงบ้านแล้ว.
ขึ้นมาถึงห้องนอนจึงอาบน้ำก่อนจะมาทานอาหารที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ และได้ยินเสียงรถเข้ามา ปู่คงกลับมาถึงแล้ว
" คุณปู่ สวัสดีค่ะ ทานอะไรมาหรือยังคะ"
" ว่าไง เจ้าตัวแสบไหนว่าจะไปเที่ยวให้รอบเมือง ทำไมไปไม่ถึง 2 วันถึงกลับบ้านแล้วล่ะ ไม่สนุกเหรอ ปู่บอกแล้วให้หาเพื่อนไปด้วยจะได้สนุก" ปู่พูดขณะเดินมากอดทักทายหลานสาวอย่างรักใคร่
" ก็สนุกค่ะ แต่คิดถึงคุณปู่ไงคะ "
" ปากหวานเป็นด้วยนะเรา อยากได้อะไรหรือเปล่ามาอ้อนปู่แบบนี้"
" ไม่อยากได้อะไรแล้วค่ะ อยากให้คุณปู่อยู่กับหนูนานๆ มากกว่า "
" เอ วันนี้หลานสาวปู่แปลกๆ เอาเป็นว่าถ้า ชิงชิงมาช่วยงานปู่ แล้วปู่จะอยู่กับหลานทุกวันเลยดีไหม แต่พรุ่งนี้ปู่ต้องบินไปดูเรือที่เยอรมันสัก 2 วัน เห็นว่าตัววัตถุดิบที่จะนำมาทำส่วนบนมันมีปัญหา ทางนั้นอยากให้ปู่ไปดูด้วยตัวเอง ถ้ากลับมารอบนี้ปู่จะหยุดพาชิงชิง ไปเที่ยวสัก 3 วันดีไหมลูก"
" อ้าวคุณปู่จะไปทำงานอีกแล้วหรือคะ "
" ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย รอบหน้าปู่จะให้หลานไปดีไหม "
" อ้อ วันนี้ปู่มีของมาให้หนูด้วย ลูกค้าบอกว่าเป็นของหายากเลยนะ เขาได้มาจากทางเมืองไทยเป็นของเก่าแก่ "
" อะไรคะ "
เธอถามวันนี้รู้สึกจะมีแต่คนให้ของ 'สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ให้ มาบ้านปู่ก็ให้ สงสัยดวงจะสมพงษ์กับคนแก่ ' เธอคิด
" ข้ายังไม่แก่" เหมือนมีเสียงดังขึ้นที่หัว
"..."
" นี่เป็น ชุดเครื่องประดับ เป็นไพลินน้ำงาม ลูกค้าคนนี้เขารู้ว่าปู่มีหลานสาว ถือว่าทำการบ้านมาดีทีเดียว ไพลินชุดนี้ถือว่าชุดใหญ่นะ มีทั้งสร้อยและต่างหู หลานชอบไหม"
" ก็ชอบนะคะ แต่ไม่รู้จะเอาไปใส่ไปไหนนี่คะ"
" อีกหน่อยหลายต้องไปงานเลี้ยงบ่อย เครื่องประดับพวกนี้มันถึงจำเป็น เราจะใช้ซ้ำกันไม่ได้เลยนะ อีกหน่อยหลานจะไม่พอใช้ด้วยซ้ำ ปู่ว่า"
🙏🙏 ขอบคุณที่ติดตามค่ะ♥️♥️
#โปรดติดตามตอนต่อไป🙏🙏