“หนูอ๋อ! ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะจ๊ะ ทุกคนห่วงหนูกับแม่มาก ถึงได้ตามหาให้กลับไปอยู่ด้วยกัน คุณปู่จะได้หายห่วง ตอนนี้ถามหาแต่หนูกับแม่เท่านั้น ไปเยี่ยมท่านหน่อยนะจ๊ะน้าขอร้องล่ะ”
สาลินีพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่หทัยชนกกลับยิ้มด้วยใบหน้าเหยียดหยาม แกมสมเพศอย่างที่สุดในความพยายามหว่านล้อม นี่ถ้าหากไม่รู้เรื่องพินัยกรรมหรือเคยรู้จักหญิงตรงหน้ามาก่อน
ป่านนี้เธออาจจะหลงลมปาก รีบหอบเสื้อผ้าตามกลับไปอยู่คฤหาสน์หลังงามโดยเร็วแล้วก็ได้ แต่โชคยังดีที่ความยากจนนับตั้งแต่แม่พาก้าวออกมา สั่งสอนและขัดเกลาให้เป็นคนเข้มแข็ง รู้จักมองคน ทันคนไม่หลงกลคนง่ายๆ
“ฟังดูดีนะ! แต่ขอโทษที่ฉันไม่คิดจะเชื่อ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันขอพูดตรงๆ สั้นๆ ได้ใจความ ถ้าคุณสองคนตกลงตามนี้ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา”
“จ้ะ! ว่ามาเลยหนูอ๋อ น้ารอฟังอยู่จ้ะ”
สาลินีมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย
“สิบล้านบาท เป็นเงินสดหรือเช็คเงินสดเดี๋ยวนี้ สำหรับค่าเสียเวลาไปนอนคิดทบทวน ว่าฉันจะตกลงยอมทำตามพินัยกรรมคุณปู่หรือเปล่า”
แต่ครั้นได้ยินประโยคนี้ สีหน้าเมื่อครู่แทบจะเปลี่ยนไปคนละทางก็ว่าได้
“อะไรกันจ๊ะหนูอ๋อ ทำไมมันมากมายอย่างนั้นล่ะ แล้วน้าจะหาเงินที่ไหนมาให้ อีกอย่างน้าจะต้องไปปรึกษาคุณปู่กับคุณย่าก่อน ทำอะไรโดยพละการไม่ได้หรอก”
สาลินีพยายามต่อรอง
“คุณมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ที่จะโทรปรึกษากัน ถ้าไม่ตกลงก็เชิญกลับไป ฉันไม่ได้สนใจกับสมบัตินับพันล้านของพวกคุณนักหรอก บอกตามตรงว่า อยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว แม่จ๊ะ เราไปหาซื้ออะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า”
สิ้นคำก็รั้งแขนแม่ ที่ยังคงยืนงุนงงกับข้อต่อรองของลูกไม่หาย แต่วีนากลับยิ้มออกมาด้วยความขำ ที่เห็นน้องเสนออะไรโง่ๆ และไม่คิดว่าจะมีใครโง่ทำตามด้วย
“ก็ไม่แน่นี่ ถ้าไม่อยากเสียทุกอย่างให้มูลนิธิเด็กกำพร้าก็ต้องยอมจ่าย”
คนควบพวงมาลัยรถบอกออกมาด้วยท่าทีอันไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรนัก แต่สำหรับอิงอรกลับคิดหนักในคำของลูก และไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องทำแบบนี้ด้วย เพราะเงินมันมากเกินไป
“ไม่เห็นจะมากตรงไหนเลยนี่จ๊ะแม่ ทีเมียน้อยพ่อกับคุณย่าไล่แม่ออกจากบ้านโดยไม่สนใจจะชายตาแล ยังไม่เห็นมีใครไปด่าว่าทำมากไปเลยนี่ พ่อกับคุณปู่ก็ไม่เคยจะตามหาแม่กับอ๋อเลย เหมือนเราสองคนไม่มีความหมาย แล้วทีอย่างนี้จะมาง้องอน อ๋อไม่เอาด้วยหรอก”
ข้าวต้มตรงหน้า ถูกเจ้าของประโยคคนไปมา มากกว่าจะตักเข้าปากเพราะไม่ได้รู้สึกหิวสักนิด เพียงแค่อยากจะให้เวลาเจ้าของเงินสิบล้านเท่านั้นเอง
วีนาเองก็คิดไม่แตกต่างจากอิงอรนัก อีกทั้งก็เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าครอบครัวน้าเขยร่ำรวยระดับพันล้าน แม้เมื่อก่อนเพื่อนร่วมงานจะสงสัยในนามสกุลอันยาวเฟื้อยของหทัยชนกอยู่มาก
จนเอามาล้อเลียนกันให้สนุกปาก ว่าเป็นผู้ดีตกยากถูกตัดออกจากกองมรดก แต่ก็ไม่เคยคาดคิดว่ามาวันนี้ทุกอย่างจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
“แล้วเขาจะยอมเหรอ เงินมากมายขนาดนั้น หรือถ้าจ่ายจริงๆ อ๋อก็ต้องไปทำงานให้เขาน่ะสิ”
“นี่พี่อี๋! อย่าเพิ่งไปคิดไกลเกินตัวหน่อยเลย รีบๆ กินเข้าไป แล้วก็อย่าลืมสั่งกลับไปให้ลุงกับป้าด้วยนะ จะได้ไม่ต้องทำอาหาร”
แม้จะบอกด้วยสีหน้าไม่เป็นกังวล แต่เอาเข้าจริงๆ หทัยชนกก็อดคิดไม่ได้ และยิ่งเดินเข้าบ้านมายังคงเห็นคนทั้งสองนั่งรออยู่ ก็ยิ่งใจคอไม่ค่อยดี ด้วยเกรงกลัวว่าจะต้องไปสู้รบปรบมือกับผู้คนที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเดินไปเฉียดใกล้ตลอดชีวิตนี้
สาลินีเปิดกระเป๋าดึงเช็คเงินสดสิบล้านบาท ที่คนรถเพิ่งจะเอามาให้ก่อนหน้าที่หทัยชนกจะมาถึงไม่กี่นาที ส่งให้ด้วยความไม่พอใจอย่างที่สุด แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้อย่างมิดชิด
“สิบล้านตามที่บอกไว้ แล้วหนูอ๋อจะไปกราบคุณปู่เมื่อไหร่ แล้วจะเริ่มทำงานวันไหนจ๊ะ”
หทัยชนกไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่อย่างใด นอกจากรับเช็คมาตรวจดูความเรียบร้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปยิ้มให้แม่กับพี่เป็นเชิงบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี สาลินีที่ใจจดจ่ออยู่กับคำตอบจึงจ้องมองเป็นเชิงย้ำถาม
“ฉันยังไม่ได้บอกคุณเลยนะคะ ว่าจะไปทำงานให้ บอกแค่ว่า สิบล้านสำหรับค่าเสียเวลาไปนอนคิดทบทวน ว่าจะตกลงหรือไม่เท่านั้น ทุกคนในนี้ได้ยินกันหมด จริงมั้ยคะคุณทนาย”
รอยยิ้มยียวนกวนประสาทของเด็กสาวตรงหน้า แทบจะทำให้สาลินีร้องกรี๊ดออกมาตรงนั้น หากไม่พยายามยั้งอารมณ์เอาไว้ให้ดีก่อน พอหันไปหาสุจินต์เชิงปรึกษา ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งกลับมา สาลินีจึงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงเอือมระอานิดๆ
“แล้วหนูจะให้คำตอบเราเมื่อไหร่ล่ะจ๊ะ”
“อีกเจ็ดวันคุณมารอฟังคำตอบก็แล้วกัน ถ้าหมดธุระแล้วก็เชิญ ฉันกับแม่จะพักผ่อน พี่อี๋พอแขกกลับไปแล้วปิดประตูรั้วเลยนะ”
สิ้นคำก็ดึงแขนแม่ขึ้นบ้านไป โดยไม่สนใจจะร่ำลาแขกแต่อย่างใด ทั้งสองจึงต้องเดินออกบ้านด้วยท่าทีหงอยๆ ส่วนหทัยชนกกลับยิ้มเยาะเย้ยอย่างสะใจตามหลัง
ด้วยไม่นึกไม่ฝัน ว่าความขุ่นเคืองที่เก็บงำไว้ในใจมานานแสนนาน จะได้รับการะบายออกมา โดยไม่ต้องลงมือทำอะไรเลยสักนิด เช็คสิบล้านถูกยกขึ้นมาจูบแล้วยิ้มให้แม่อย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“แม่จ๊ะ ถ้าเช็คนี้ไม่เด้งนะ แม่เตรียมเก็บเสื้อผ้าไปอยู่บ้านใหม่ได้เลย อ๋อจะซื้อหลังใหญ่ๆ ให้ พี่อี๋ก็เหมือนกันอย่าลืมบอกลุงกับป้าให้เตรียมตัวไว้นะ แต่ตอนนี้เราเอาเช็คไปเข้าธนาคารไว้ก่อนดีกว่า ในห้างคงยังไม่ปิด อ๋อไม่อยากเก็บไว้กับตัวมันเสี่ยง เกิดแม่คุณนายสาลินีอุตริสั่งคนมาปล้นเอากลับไปเดี๋ยวเราจะยุ่ง ไปเร็วพี่อี๋!”