อรลออค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อแสงแดดยามบ่ายแก่ๆ ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างราคาแพงมากระทบกับผิวแก้มเนียนของตัวเอง หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ สมองเริ่มต้นทำงานอีกครั้ง และความทรงจำก่อนที่หล่อนจะสิ้นสติไปก็ไหลบ่ากลับเข้ามาราวกับสายน้ำเชี่ยวกราก
ร่างอรชรผุดลุกขึ้นนั่ง ดวงตาหวานซึ้งก้มลงมองสำรวจร่างกายของตัวเองด้วยความตื่นตระหนก สุดท้ายก็ต้องพ่นลมออกจากปากด้วยความโล่งอก เมื่อสภาพของตนยังปกติดีทุกประการ
ผู้ชายที่หน้าตาแสนอัปลักษณ์คนนั้นไม่ได้ทำอะไรหล่อน ทั้งๆ ที่เขามีโอกาส รวมถึงมีสิทธิ์ที่จะทำทุกอย่างตามความต้องการ แต่เขากลับไม่ทำ...
รอยยิ้มละไมผุดขึ้นที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว สมองนึกย้อนไปถึงดวงตาคมข้างขวาของริคคาโด แม้สายตาที่มองมานั้นจะเต็มไปด้วยความเป็นอริ เย็นชา แต่หล่อนก็พอจะสัมผัสได้ถึงหัวใจที่พอจะมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่มั่งของเขา
เพราะถ้าเขาไม่ใช่มนุษย์ ป่านนี้หล่อนก็คงมีราคีไปแล้ว...
ร่างอรชรค่อยๆ ขยับตัวลงไปยืนที่พื้นห้องช้าๆ ความหวาดกลัวต่อริคคาโดจางหายไปกว่าครึ่ง เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าผู้ชายอัปลักษณ์อย่างริคคาโดมีความเป็นสุภาพบุรุษไม่แพ้ผู้ชายคนอื่น หรือบางทีอาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
“ขอบคุณค่ะ ที่ปรานีฉัน...”
พึมพำแผ่วเบา ขณะมุ่งหน้าเดินไปที่ประตูห้อง หล่อนควรจะบอกความจริงกับเขา ควรจะบอกให้ริคคาโดรู้ว่าหล่อนไม่ใช่รุจิรา ไม่ใช่เจ้าสาวของเขา หล่อนเป็นเพียงแค่เด็กในบ้าน และถูกหลอกมาเท่านั้น
มือบางกำลังเอื้อมไปจับลูกบิดประตูต้องชะงัก เมื่อบานประตูไม้เบื้องหน้าถูกกระชากให้เปิดออกเสียก่อน พร้อมๆ กับการปรากฏตัวขึ้นของสาวใช้คนเดิมคือ ลิเดีย
“มีโทรศัพท์หาคุณ...”
ลิเดียมองสตรีที่ปล่อยผมดำขลับให้สยายอยู่เต็มแผ่นหลังด้วยสายตาไม่เป็นมิตร อิจฉาในความงามที่ไม่ได้ปรุงแต่งของหญิงสาวตรงหน้ายิ่งนัก ผู้หญิงคนนี้สวยมาก รูปร่างอ้อนแอ้นน่าถนอม และหล่อนก็คิดว่าริคคาโดก็คงคิดเช่นเดียวกัน ถึงได้รีบแจ้นหนีออกไปจากบ้านราวกับถูกไฟเผาแบบนั้น
คิ้วเรียวไร้การตัดแต่งที่โก่งดุจคันธนูเลิกขึ้นน้อยๆ ขณะจ้องสตรีตรงหน้าด้วยสายตากลมโตไร้จริต แต่ลิเดียกลับคิดว่าสิ่งที่ได้เห็นคือมายา หล่อนจึงไม่คิดจะญาติดีกับอรลออแม้แต่น้อย
“ฉันจะไปรู้เหรอ ถ้าคุณอยากรู้ก็ไปรับโทรศัพท์สิ ข้างล่างนู้น...”
อรลออเม้มปากแน่น ก้มหน้ามองพื้น ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้อง มุ่งหน้าไปที่บันไดบ้านที่ทอดยาวคดเคี้ยวเล่นระดับ ลิเดียมองตามไปด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปพูดกับแคทเธอรีนที่เดินผ่านมาพอดี
“เคท ฉันฝากให้เธอดูแลคุณผู้หญิงหน่อยนะ มีโทรศัพท์มาหาคุณเธอ...”
แคทเธอรีนหยุดเดิน เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ขณะปลายตามองร่างอรชรของนายผู้หญิงของบ้านนิ่ง “คุณผู้ชายมอบหน้าที่ให้เธอไม่ใช่หรือลิเดีย...”
“ก็ใช่ แต่ฉันไม่อยากเข้าใกล้ผู้หญิงเจ้ามารยา เห็นแก่เงินแบบนี้นะสิ กลัวจะระงับปาก ระงับคำไว้ไม่อยู่”
แคทเธอรีนถอนใจออกมา ลิเดียเคยเล่าสิ่งที่ตัวเองได้ยินให้กับหล่อนฟังหลายครั้งแล้ว แต่หล่อนไม่เคยเชื่อเพราะคิดว่าลิเดียอคติเกินไป
“บางทีสิ่งที่เธอได้ยินมามันอาจจะผิดก็ได้นะลิเดีย คุณผู้หญิงดูน่ารักดีออก...”
ลิเดียเบ้ปากมองแคทเธอรีนด้วยความหมั่นไส้ เมื่อเห็นเพื่อนคนสวยทอดสายตามองอรลออด้วยสายตาชื่นชม
“มันก็แค่เปลือกนอกเท่านั้นแหละเคท ข้างในเน่าจนหนอนไชหมดแล้ว...” พูดจบลิเดียผู้ฝังใจกับสิ่งที่แอบได้ยินริคคาโดคุยกับนักสืบก็เดินไปอีกทางหนึ่ง
แคทเธอรีนถอนใจออกมากับความคิดของเพื่อน ก่อนจะรีบเดินตามอรลออในคราบของรุจิราที่กำลังเดินลงบันไดไปด้านล่างทันที
“คุณผู้หญิงคะ โทรศัพท์อยู่ทางด้านซ้ายมือค่ะ” แคทเธอรีนร้องบอกเมื่อเห็นอรลออยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่พื้นหน้าบันได
สุ่มเสียงที่แตกต่างออกไปเดิมทำให้อรลออหันกลับไปมอง และนั่นก็ทำให้หญิงสาวต้องแปลกใจเมื่อเห็นสาวใช้อีกคนที่ไม่ใช่ลิเดียยืนยิ้มให้อยู่อย่างเป็นมิตร อรลออรีบยิ้มตอบไปทันที
“ขอบคุณมากจ๊ะ เอ่อ...”
“ดิฉันชื่อแคทเธอรีนค่ะ เรียกเคทเฉยๆ ก็ได้ เป็นสาวใช้ของคุณริคคาโดเหมือนกับลิเดีย...”
อรลออระบายยิ้มน้อยๆ เดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู แต่แล้วก็ต้องตกใจจนหน้าซีดเมื่อได้ยินเสียงคู่สนทนา
“น้า... เอ่อ... คุณแม่...”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองสาวใช้ด้วยท่าทางไม่สบายใจ แคทเธอรีนจึงรีบเดินเลี่ยงออกมาทันที เพราะดูจากท่าทางแล้วว่าที่คุณผู้หญิงของบ้านคงต้องการความเป็นส่วนตัว
เมื่ออยู่ตามลำพังอรลออจึงเอ่ยขึ้นกับนางราณีด้วยน้ำตานองหน้า ความผิดหวังกระแทกอยู่ในอกจนหัวใจยับเยิน
“น้าณีไม่น่าทำกับอรอย่างนี้เลยนะคะ... เอาอรมาขายทำไม...”
นางราณีเบ้หน้าผ่านโทรศัพท์ “น้าไม่ได้ขายแกนะอร แต่น้าไม่กล้าบอกความจริงให้อรรู้ กลัวอรจะไม่ช่วยน้า อรก็รู้นี่จ๊ะว่ายายรุไม่มีทางยอมไปเป็นเมียคนหน้าตาอัปลักษณ์แบบคุณริคคาโดนั่นแน่...”
“น้าณีเลยหลอกให้อรมาแทน...” อรลออเอ่ยขึ้นด้วยความเจ็บช้ำ
“ก็ถือว่าตอบแทนบุญคุณแล้วกันนะอรลออ น้าเลี้ยงแกมาตั้งแต่สามสี่ขวบจนตอนนี้แกจะสิบเก้าอยู่แล้ว แถมน้ายุธก็ยังดีกับแกยิ่งกว่าลูกแท้ๆ อย่างยายรุเสียอีก...”
เมื่อถูกนางราณีนำเอาอยุธผู้มีพระคุณประดุจบุพการีขึ้นมาบีบบังคับ อรลออผู้อ่อนต่อโลกก็จำต้องยอมจำนนเสียทุกครั้งไป
“แต่ครั้งนี้... น้าณีคะ ให้อรทำอย่างอื่นไม่ได้หรือคะ... อรกลัว...”
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะอร... แล้วน้าจะไม่กดขี่ข่มเหงแกอีก น้าจะปล่อยแกไป บุญคุณระหว่างเราจะหมดสิ้นกัน...”
นางราณีที่อยากจะออกไปเล่นไพ่ใจจะขาดพยายามข่มเสียงทำเป็นอ่อนโยน ทั้งๆ ที่ภายในใจแสนจะไม่พอใจอย่างยิ่ง
“แต่ว่าอร...”
“นะ ถือว่าช่วยน้ายุธของแกก็แล้วกัน เพราะสาเหตุทั้งหมดเกิดจากน้ายุธสุดที่รักของแกคนเดียว... และอย่าได้บอกว่าแกไม่ใช่ยายรุล่ะ เพราะหากคุณริคคาโดเขารู้ว่าพวกเรารวมหัวกันโกหกเมื่อไหร่ พวกเราทุกคนได้เข้าซังเตแน่...” นางราณีข่มขู่เป็นที่น่าพอใจแล้วก็รีบวางสายไปทันที
อรลออจนด้วยคำพูดได้แต่ยืนกำกระบอกโทรศัพท์แน่น น้ำตาไหลออกมาตามร่องแก้ม หัวใจปวดร้าวจนสมองไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก นอกจากความเจ็บปวด