ตอนที่ 3 แพะเนื้อหวาน 50%

3127 Words
ตอนที่ 3 แพะเนื้อหวาน 50%          ผ่านไปสามสิบนาที…          องอาจที่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายว่าให้ช่วยดูแลคนงานสาว เขาก็แวบสายตามองเธอเป็นระยะๆ แต่ในจังหวะสุดท้าย หัวหน้าคนงานหนุ่มต้องอุทานเสียงดัง เมื่อจู่ๆ ร่างแน่งน้อยที่ขะมักเขม้นกับการทำงานเริ่ม โงนเงนแล้วก็ล้มฟุบลงกับพื้น เพราะหญิงสาวอยู่ท่ามกลางแดดจ้าเป็นเวลานานไม่ได้ กอรปกับร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง ทำให้หญิงสาวเป็นลมล้มลงในที่สุด  หัวหน้าคนงานเห็นเช่นนั้นรีบวิ่งมาดูคนงาน(พิเศษ) ของเจ้านาย และไม่รอให้เสียเวลา ช้อนร่างบางด้วยความร้อนรุ่มใจ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องพยาบาลประจำไร่ทันที เมื่อนำคนป่วยมาถึงห้องพยาบาล หัวหน้าคนงานร้องตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายพยาบาลประจำไร่ และตอนนี้คนในอ้อมแขนเขาก็หายใจรวยรินเหลือเกิน ใบหน้าของเธอนั้นซีดเซียวไม่ต่างจากกระดาษขาว “น้องอรๆ น้องอรอยู่หรือเปล่า มาช่วยพี่ปฐมพยาบาลหน่อย”  “น้องอรๆ เธออยู่ไหนเนี่ย” องอาจบ่นด้วยความร้อนใจเพราะเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แล้วถ้าคนหมดสติเป็นอะไรไปมากกว่านี้มีหวัง    ไอ้องอาจเหลือแต่ชื่อแน่ๆ เพราะนายหัวแห่งธีระธารินทร์โหดร้ายแค่ไหน ใครๆ ก็ย่อมรู้กิตติศัพท์  บังอรที่กำลังล้างภาชนะอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ด้านหลังได้ยินเสียงตะโกนเรียกก็รีบวิ่งออกมาดู พร้อมสั่งเสียงหวานนุ่มละมุนหู “วางเลยจ้ะพี่อาร์ต เดี๋ยวอรดูแลเธอเอง” ถึงจะตกใจระคนสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่เธอจะต้องมาซักไซ้ถาม  เจ้าหน้าที่สาวหันไปเอาสำลีชุบแอมโมเนียใส่ถาดสังกะสีมา     ก่อนจะเอื้อมมือปลดกระดุมสามเม็ดบนของคนไม่ได้สติออก ส่วนองอาจก็คอยช่วยเจ้าหน้าที่สาวทำโน่นนี่นั่น ตามที่เธอสั่งอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง “พี่อาร์ตพัดให้เธอไปเรื่อยๆ นะ ห้ามหยุด…” พัดกระดาษใบใหญ่ที่อยู่ในมือหนากระหน่ำพัดเรียกความเย็นให้คนเป็นลมไม่มีหยุด “พี่อาร์ต หยิบแอมโมเนียให้อรอีกอันหน่อยจ้ะ”  “ได้ๆ” ไม่เพียงแต่แอมโมเนียอย่างเดียว แต่องอาจกลับสมนาคุณคนสั่ง ด้วยการหยิบทั้งยาดม ผ้าเย็น สารพัดอย่างมาให้ เรียกได้ว่าเขาพร้อมช่วยเต็มที่ เพราะถ้าเกิดว่าคุณคนสวยที่เป็นลมอาการหนักหรือเป็นอะไรไป เจ้านายคงไม่เอาเขาไว้แน่ๆ           “พี่อาร์ตกลับไปดูคนงานต่อเถอะจ้ะ เดี๋ยวทางนี้อรดูแลเอง” บังอรพูดจบแล้วหันมายิ้มหวานส่งให้ องอาจเห็นแล้วใจละลาย และที่หญิงสาวสั่งเช่นนั้นเนื่องจากว่าตอนนี้ คนนอนไม่ได้สติปลอดภัยดีแล้ว เพราะจากที่เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ทุกอย่างก็เริ่มปกติ จะรอก็แต่เธอลืมตาตื่นขึ้นมาแค่นั้น          “จะดีหรืออร” บังอรเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเขาแล้วจึงเอ่ยยืนยันอีกครั้ง          “ดีสิจ๊ะ ไม่เป็นไรหรอกน่า อรดูแลได้ ตอนนี้เธอก็อาการดีขึ้นกว่าเมื่อตะกี้มากแล้วจ้ะ” ขณะพูดบังอรก็หันไปจัดการร่างเล็กที่นอนอยู่         บนเตียงเพื่อให้เธอนอนสบายตัว          “จ้ะๆ”  เมื่อลับหลังองอาจ บังอรรีบจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนไม่สบายโดยเร็ว และต้องย่นหัวคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นตามเนื้อตัวของเธอนั้นมี       รอยช้ำทั้งเก่าและใหม่ประปราย แต่ต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ รอให้หัวหน้าคนงานกลับมีอกครั้งในตอนเย็นแล้วเธอจะเอ่ยถาม          ผ้าขนหนูผืนสีขาวพอดีมือชุบน้ำเย็นแล้วปั้นหมาดๆ ก่อนจะซับตามใบหน้านวลลออ ที่แม้จะมองเพียงใดก็ไม่น่าจะใช่คนงานรับจ้างมา เก็บปาล์มแน่นอน หน้าตาเธอสะสวยราวกับนางฟ้า ผิวพรรณผ่องโสภา แม้ว่าตามข้อเท้า ท่อนขาเรียวมีรอยขีดข่วน แต่มองอย่างไรมันก็ไม่น่าเบื่อ และภาพเหล่านั้นมันก็ชวนคนมองให้สงสาร ถ้าให้สันนิษฐานเธอก็คิดว่าคนป่วยคงจะโดนหนักพอสมควร เพราะเคสแบบนี้เธอเองก็เจอมานักต่อนักแล้ว และเจอแค่นี้ทำไมจะดูไม่ออก แต่บังอรก็เลือกที่จะเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้          สายตาสงสัยแกมอยากรู้ ได้แต่จดจ้องดวงหน้างามอย่างค้นหา บังอรเฝ้ารอเวลาให้องอาจกลับมาเฉลยเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง จากนั้นเจ้าหน้าที่สาวก็คอยเช็ดตัวให้คนป่วยทุกสิบห้านาที และคืนนี้ก็คงต้องนอนค้างอยู่ห้องพยาบาลประจำไร่เพื่อเฝ้าคนไม่สบายที่กำลังนอนหลับพักผ่อน แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก ร่างบอบบางเริ่มมีอาการหนาวสั่น บังอรต้องรีบหาผ้าห่มมาห่มให้เป็นการด่วนและเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด           หกโมงเย็นเศษๆ องอาจกลับมาดูอาการคนของเจ้านายอีกครั้ง และคราวนี้นี่เองที่บังอรได้ทราบข้อมูลเกือบทั้งหมดของคนที่นอนอยู่     บนเตียง           “พี่อาร์ต บอกอรมาให้หมดเลยนะว่าทำไม คุณ เอ่อ เธอ เอ่อ ถึงมีสภาพแบบนี้” นัยน์ตาคู่งามคาดคั้นเอาคำตอบ แต่ว่า...          “คือ เอ่อ พี่ไม่รู้” อยากจะโกหกแต่โกหกได้ไม่แนบเนียนพอ   ทำให้บังอรจับน้ำเสียงได้ และยังไม่ได้หยุดการซักถาม          “พี่อาร์ตบอกอรเถอะจ้ะ อรสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ” รอยยิ้มหวาน น้ำเสียงไพเราะ จากผู้หญิงตรงหน้าทำให้หัวใจอ่อนยวบ          “คือว่า…” เห็นท่าทีของหัวหน้าคนงานแล้ว เกิดอาการหมั่นไส้นิดๆ จึงต้องใช้มุกนี้ขู่ เพราะบังอรเองก็พอจะรู้ว่าองอาจรู้สึกอย่างไร   กับเธอ          “ถ้าพี่อาร์ตไม่บอก อรกับพี่อาร์ตไม่ต้องคุยกันอีก” ตัดพ้อเบาๆ ทำเอาอีกคนต้องร้องครางออกมา          “โธ่… อร” บังอรที่หันหลังและเตรียมเดินจากไป ถึงกับกดมุมปากยิ้มพอใจเมื่อได้ยินเสียงครางแผ่วตามหลัง เพราะถ้าเขาครางแบบนี้มีหรือที่จะไม่ยอมเล่าความจริงให้ฟัง เธอจึงหมุนร่างกลับมา พร้อมใบหน้าเรียบนิ่ง           “บอกมาจ้ะพี่อาร์ต” ชายหนุ่มถอนหายใจยาวพรืดหนึ่งพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ          “เฮ้อ…” จากนั้นหัวหน้าคนงานก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่ตนรับรู้ ซึ่งอาจจะ    ไม่มากนัก แต่เรื่องราวที่ได้พรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากหยักนั้น มันก็ทำให้อีกคนเกิดความสงสารขึ้นมาจนสัมผัสได้ “เจ้านายไม่น่าทำแบบนี้เลย อรสงสารคุณเขา...”          “พี่ก็รู้เท่าที่เล่าให้อรฟังล่ะจ้ะ ไม่รู้อะไรมากนักหรอก อ้อ! เดี๋ยวพี่กลับมาอีกครั้งตอนทุ่มนะจ๊ะ เดี๋ยวเอาอาหารเย็นมาฝากด้วย” พูดจบก็ส่งยิ้มให้เจ้าหน้าที่สาวอีกครั้ง ก่อนจะนำร่างสูงของตนมุ่งตรงไปยังพาหนะ        คู่กาย          บังอรเพียงแค่กดมุมปากสวยยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในห้องพักซึ่งมีคนไม่สบายนอนหลับปุ๋ยอยู่ ทอดสายตามองใบหน้านวลแล้วรู้สึกสงสารจับใจ            จากนั้นยกมือเรียวบางอังหน้าผากมนของคนที่นอนอยู่บนเตียงเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย ในขณะที่ข้างในใจเธอนั้นมันหลากหลายความรู้สึก สงสาร เห็นใจ แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เธอเชื่อว่าผู้หญิงที่นอนป่วยคนนี้ต้องเป็นคนดีแน่นอน เธอเชื่ออย่างนั้น...          “เดี๋ยวอรดูแลคุณเองค่ะ” สิ้นเสียงหวาน เจ้าของร่างบางเดินไปยังมุมห้อง ซึ่งมีกระติกน้ำร้อนเสียบปลั๊กอยู่ หญิงสาวจึงหยิบโจ๊กสำเร็จรูปมาแกะใส่ชามแล้วกดน้ำร้อนใส่ ปิดฝารอให้พร้อมรับประทาน เพราะเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เธอได้ยินเสียงท้องของคนนอนอยู่บนเตียงร้องเสียงดังจ๊อกๆ          และไม่นานกลิ่นหอมของโจ๊กสำเร็จรูปลอยแตะจมูกคนไม่สบาย ในขณะที่หญิงสาวก็เริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาบางปรือขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะ        ยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเองให้หายงัวเงีย และหายจากอาการหนักอึ้งที่ศีรษะ แต่ว่าตรงกันข้ามยิ่งพยายามลุกขึ้นนั่งอาการวิงเวียนศีรษะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ          ร่างบางที่พยายามลุกขึ้นนั่ง ต้องเอนลงนอนเหมือนเดิม           “คุณไม่ต้องลุกค่ะ เดี๋ยวจะอาการหนักเปล่าๆ” บังอรเดินถือชามโจ๊กเข้ามาเห็นเข้าจึงเอ่ยบอก ก่อนจะหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้ข้างเตียง           “…” คนางค์นุชไม่ตอบ เพียงแต่จ้องหน้าคนพูด ดวงตาคู่สวยที่แม้นจะมีพิษไข้ปกคลุมจนพลอยทำให้สายตาพร่าเลือน แต่เธอเชื่อว่าคนตรงหน้าไม่ได้มีพิษภัยแต่การใด และใบหน้าของเธอก็ยังสวย น่ามอง         สวยแบบคมๆ ตามฉบับสาวใต้ ผิวไม่ได้ขาวจัดแต่เป็นสีน้ำผึ้งนวลเนียน          “ฉันชื่ออรนะจ๊ะ” เจ้าหน้าที่สาวประจำไร่เอ่ยบอก          ซึ่งคนางค์นุชได้ยินแล้วก็ส่งยิ้มหวานมอบให้           “พี่อร” เสียงหวานเอ่ยซ้ำอีกครั้งจากนั้นก็นึกย้อนไปอย่างช้าๆ ตามฉบับคนป่วย ก่อนที่จะเอ่ยแนะนำตนเอง “ชื่อฟ้าจ้ะ”            “ชื่อฟ้า?”            “…” คนางค์นุชพยักหน้าก่อนจะกดมุมปากยิ้มส่งให้          “กินโจ๊กสักหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวอรป้อนเอง” มือเรียวยกชามโจ๊กมาไว้ในมือ ก่อนจะใช้ช้อนสีขาวตักขึ้นมาแล้วเป่าสองสามทีเพื่อให้หายร้อน          คราแรกคนางค์นุชทำเหมือนไม่แน่ใจ แต่พอได้ยินเสียงคะยั้นคะยอของคนตั้งใจทำให้แล้ว ถึงกับปฏิเสธไม่ลง ไหนจะท้อง         เจ้ากรรมที่ยังส่งเสียงดังโครกครากไม่หาย ผู้ป่วยสาวจึงได้แต่ระบายยิ้มบางๆ กลบเกลื่อนความอาย ก่อนจะอ้าปากรับเอาโจ๊กอร่อยมาเต็มคำ บังอรป้อนโจ๊กไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นเธอก็ชวนผู้ป่วยสาว พูดนั่นคุยนี่ไม่มีหยุด จึงพลอยทำให้สองสาวเริ่มกล้าถามกล้าคุยกันมากขึ้น เจ้าหน้าที่สาวชวนคนป่วยคุยไปกินไป กระทั่งโจ๊กในชามเหลือคำสุดท้าย “คำสุดท้ายแล้วค่ะ”  ช้อนจ่อปาก หากแต่คนางค์นุชส่ายหน้าพร้อมเอ่ยปฏิเสธ “แต่ฟ้าอิ่มแล้วค่ะ” ได้ยินเช่นนั้น จึงต้องตามใจ “จ้ะ อิ่มก็อิ่ม” ว่าจบก็ลดมือลงแล้ววางชามไว้ข้างๆ ก่อนจะหันไปรินน้ำใส่แก้วแล้วส่งให้ พร้อมยาเม็ดโตอีกสองเม็ด  “กินยาแล้วก็นอนพักผ่อนนะคะ เพราะว่าคืนนี้คุณฟ้าคงต้องนอนที่นี่” คนางค์นุชได้ยินแล้วต้องเอ่ยค้าน เพราะถ้าเธอไม่กลับไปกระท่อม มหาโจรหน้ารกคงต้องอาระวาดแน่ๆ “แต่ว่า”   “ไม่ต้องกลัวค่ะ เดี๋ยวอีกหน่อยพี่อาร์ตคงมานอนเป็นเพื่อน     พวกเรา” บังอรบอก ก่อนจะลุกขึ้นเอาชามไปเก็บ เมื่อเป็นแบบนั้นคนางค์นุชก็จัดการร่างกายของตนให้นอน     บนเตียงอย่างเรียบร้อยและสบาย ดึงผ้าห่มที่กองร่นอยู่หน้าท้องขึ้นมาปิดเหนืออกแล้วพยายามข่มตาหลับ แม้เปลือกตาจะแตะปิดกัน ทว่าผู้ป่วยสาวนั้นยังคงนอนไม่หลับ เพราะจิตใจมัวแต่ไปพะวงถึงอีกคน ‘ไอ้คุณโจรหน้ารกป่าเถื่อนไปอยู่ไหนกันนะ ทำไมไม่มาตาม     หาเรา’ ครั้นนึกขึ้นได้หญิงสาวต้องรีบต่อว่าตนเอง “บ้าๆ ไปคิดถึงไอ้คนใจร้ายพรรคนั้นทำไมกัน บ้าๆ หยุดคิดสิ!” บ่นอุบอิบตามนิสัยและกว่าจะสงบจิตใจได้นั้นก็ค่อนข้างนานพอสมควร และในเวลาถัดมาบังอรได้เข้ามาอยู่เป็นเพื่อน พร้อมกับคอยเช็ดตัวให้ตลอดทั้งคืน... ส่วนธัชชานนท์ที่เข้าไปทำธุระในเมือง ตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้    สองทุ่มนายหัวหนุ่มยังไม่กลับถึงไร่ องอาจพยายามโทรติดต่อเจ้านาย       เป็นรอบที่ร้อยทว่าไม่ได้ผล เมื่อปลายสายตอบกลับมาว่า ‘ฝากหมายเลขโทรกลับ…’ ผับดังในเมือง… นายหัวหนุ่มหล่อมาดเถื่อนแต่กระชากใจสาวสุดๆ กำลังนั่งสังสรรค์กับเพื่อนสนิทสามคน โดยข้างกายเขานั้นมีสาวสวยเซ็กซี่แต่งกายด้วยอาภรณ์วาบหวิวคลอเคลียไม่ห่าง ในขณะนั้นอารมณ์ชายได้เตลิด   เพริดไหวไปกับสิ่งที่สาวเจ้าฉอเลาะ เอาอกเอาใจ ทั้งยังคอยแซะกาย     ไม่ห่าง  “เขยิบให้น้องไอด้าเขานั่งด้วยสิวะ” ปฏิวัตรเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเอ่ยสั่ง หากธัชชานนท์ไม่ยักใส่ใจ และยังคงนิ่งเงียบ ขณะที่มือหนานั้นคลึงแก้วเหล้าไปมาก่อนจะยกปลายปากแก้วจรด       ริมฝีปากหยักลึก พร้อมส่งยิ้มร้ายกาจไปให้สาวสวยอีกคนที่อยู่โต๊ะตรงข้าม ผู้กองหนุ่มหล่อแห่งกองปราบเหลือบเห็นต้องเอ่ยปากบอกด้วยความหมั่นไส้ “ไอ้ธาม!! เกรงใจน้องไอด้าเขาหน่อยสิครับ”  ธัชชานนท์ตวัดสายตามองเพื่อน แล้วกระตุกกลีบปากหยักลึก     เร้าใจเอ่ยเสียงห้วน “มึงหุบปากนะครับไอ้ผู้กอง หรือว่ายังไม่หายคันปากตั้งแต่ปะทะคารมกับยัยน้องแว่นคนสวยนั่นล่ะ!” ก็ตอนที่นายหัวหนุ่มขับรถไปหาเพื่อนที่ สน. เขาก็เห็นเพื่อนกำลังมีปากเสียงกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ และมันก็ทำให้เขาแปลกใจเพราะร้อยวันพันปี เพื่อนคนนี้มันไม่เคยมีปัญหากับผู้หญิง แต่วันนี้ทุกสิ่งอย่างกลับตาลปัตร เพื่อนเขากำลังเถียงผู้หญิง และเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ซะด้วย! ด้านอรรคณิตได้ยินเพื่อนเอ่ยแบบนั้นถึงกับสะดุ้งโหยง แล้วโพล่งออกมาทันควัน “กูสยองบรื๋อเลยครับ…แล้วกรุณาหยุดพระโอษฐ์ด้วย” แต่สหายอีกคน! ได้ยินเพื่อนรักทั้งสองพูดกันก็รั้งปากไม่อยู่ “ใครเหรอวะ” ถึงเขาจะแต่งงานมีเมียแล้ว แต่เรื่องเพื่อนนี่มันอดยุ่งด้วยไม่ได้ อยากรู้ อยากเห็นจริงๆ “ถามไอ้ผู้กองมันดูสิ” ธัชชานนท์บอกปัด จากนั้นกระดกแอลกอฮอล์รสเฝื่อนผ่านลงคอ ปฏิวัตรหันมาจ้องหน้าอรรคณิตแล้วเอ่ยถามพร้อมกับท่าทาง        เอาจริง “น้องแว่นที่ไหนวะ ไอ้ผู้กอง เล่ามานะเว้ย”   คนโดนเพื่อนเร่งเร้าก็ชักสีหน้าพลางทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ เพราะหัวสมองเจ้ากรรมพลันนึกไปถึงยัยป้าแว่นหนาเตอะ แต่พอพาดสายตาเห็นแววตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนก็สงสาร ผู้กองสุดหล่อแห่ง       กองปราบจึงขยับปากเอ่ยบอกกล่าวเล่าถึงความเป็นมา แต่ยังมีไว้เชิงนิดๆ “ไม่อยากจะเอ่ยเลยว่ะ นึกแล้วคนหล่ออารมณ์เสียโคตร” แหมะ! อารมณ์เสีย ปฏิวัตรได้ยินแล้วโมโหไอ้เพื่อนเวรนัก ทั้งยังคันปากยิกๆ “เอ้า! น้องแว่น นมโต ฟันเก เหมือนเอวีญี่ปุ่นมันสเปคผู้กอง     สุดหื่นแห่งกองปราบไม่ใช่เหรอวะ” เหน็บให้เจ็บและคันหัวใจ เพราะปฏิวัตร รู้ดีว่าเพื่อนเขาน่ะ ‘ช่ำ’ และ ‘ชอง’ หนังประเภทนี้เป็นที่สุด และที่ไม่มีเมียจนอายุขึ้นเลขสาม เพราะว่ามันรอให้นางเอกเอวีหลุดออกมาจากจอ! “มันก็ใช่ แต่น้องแว่นที่ฉันเจอเอ๋อโคตรเกินบรรยายว่ะ” ขนาดว่าไม่สนใจ พ่อคุณยังเก็บรายละเอียดสาวเจ้ามาซะละเอียดยิบ!  “อย่างไรครับท่าน พรรณนาด่วนด้วย” อรรคณิตสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามไม่นึกถึงใบหน้าของยัยป้าจอมเชยนั่น! พลันร่ายเรียงคำพูดออกมาให้เพื่อนรับรู้ “แว่นมันก็ใช่ แต่ไฉนคุณสมบัติต่อมาน้องยา เธอไม่ตรงตามที่กูต้องการ หุ่นยังกะหมูป่า แต่นมนี่แฟบโคตร แล้วกิริยาติดจะเอ๋อนิดๆ            นั่นอีก แล้วที่รับไม่ได้ สุดๆ นะโว้ย สวมใส่ผ้าซิ่นลากยาวถึงตาตุ่ม สวมเสื้อคอเต่าปิดใต้คางลงมา แทบไม่มีเนื้อนวลส่วนใดโผล่ทักทายอากาศ          คราแรกที่เห็นพ่อนึกว่าเป็นป้าขายปลาบู่อยู่ตลาดสด” ปฏิวัตรได้ยินเช่นนั้นถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น พร้อมยังย้ำชัดกับเพื่อนว่า “ฮ่าๆ เจอดีเข้าแล้วโว้ย เป็นไงวะน้องแว่นเอวี กับชีวิตจริงมันต่างกัน” ผู้กองหนุ่มรีบกลบเกลื่อนพร้อมอธิบายอย่างชัดเจน “มึงฟังนะครับเพื่อน เมียกูต้องสาวแว่นเอวี หุ่นดี น่าฟัด จัดเต็ม! เน้นไปด้วยคุณประโยชน์เนื้อ นม ไข่โว้ย!” “แต่กูว่ามึงเหมาะกับแม่สาวแว่นจอมเอ๋อนั่นล่ะว่ะ” ปฏิวัตรแสดงความคิดเห็น ส่วนธัชชานนท์น่ะเหรอ พ่อคุณก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เพราะกำลังประกบปากกับสาวสวยเซ็กซี่อย่างดูดดื่ม ราวกับว่าโต๊ะนั้นมีกันแค่สองคน ซึ่งปฏิวัตรและอรรคณิตก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไรนัก เพราะมันเป็นเรื่องปกติ แต่ปัญหาที่เข้ามากระตุ้นก้านสมองนายตำรวจหนุ่มตอนนี้สิ!    ทำให้เขาต้องรีบกลบเกลื่อน โดยที่อาการเหล่านั้นเขาเองก็ยังไม่รู้ตัว “ถ้ามึงไม่มีเมียนะโว้ย กูแช่งให้มึงได้คู่ครองเป็นยายชืดเหมือนแกงจืดไม่ใส่น้ำปลานั่น!” “ฮ่าๆ แต่เผอิญว่ากูน่ะมีเจ้าของแล้วโว้ยแถมเมียยังหวงมากๆ ด้วย เหลือแต่พวกมึงสองตัวนั้นล่ะที่ยังขายไม่ออก หึๆ” อรรคณิตชักสีหน้าใส่เพื่อนด้วยความขุ่นเคืองหน่อยๆ ก็รู้ว่ามีเมีย แต่ขอบอกเลยว่ากว่ามันจะเคลียร์กับเมียได้ลงตัวน่ะนะ ทำเอาพวกเขา วุ่นไม่น้อย ก็แหงล่ะมีพ่อตาหวงลูกสาวขนาดนั้น  ส่วนธัชชานนท์ชายหนุ่มหาได้ใส่ใจในคำเหน็บแนมของเพื่อน   เขายังคงนั่งดื่มเหล้าเคล้านารีข้างกายไม่มีหยุด ส่วนอรรคณิตเองก็ยัง          ไม่หยุดต่อปากกับเพื่อนพร้อมทั้งประกาศดังๆ ให้ทราบกันถ้วนหน้า “ไม่เอาโว้ย! กูไม่ชอบกินของ ‘จืดและชืด’ อย่างกูน่ะมันต้อง     ดุเด็ดเผ็ดร้อน” “งั้นเหมาพริกทั้งสวนเลยไหมวะ เห็นเมียกูบอกว่า ‘พริก’ น่ะโคตรเผ็ดร้อน กูว่ามึงน่าจะชอบ ฮ่าๆ” ปฏิวัตรกวนส้นทีนเพื่อน ก่อนจะหัวเราะร่วนออกมา อรรคณิตได้ยินแล้วถึงกับถลึงตาใส่อย่างขุ่นเคือง     แต่สองหนุ่มยังคงดื่มไม่หยุด กรอกเหล้าใส่ปากราวกับว่ามันเป็นน้ำเปล่า ส่วนธัชชานนท์เมื่อดีกรีในกระแสเลือดได้ที่ เขาก็ควงสาวสวย  ข้างกายที่ได้จับจูบลูบล้วงออกไปข้างนอก เพื่อชำระภารกิจให้เสร็จสิ้น    ในเมื่อเธอเสนอมาแล้วมีหรือที่คนอย่างเขาจะไม่สนองตอบ…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD