อาหารหลายอย่างอยู่ในถุงใบใหญ่ๆ สองมือหอบหิ้วพะรุงพะรัง ใจนึกอยากจะนั่งทานที่ร้าน แต่ก็กลัวว่าเวลาจะดึกเกินไป เพราะทางเดินที่กลับไปยังตัวโรงแรมมีแค่แสงไฟสลัวๆ มันอาจจะไม่ปลอดภัยกับตัวเอง ถ้าปล่อยเวลาให้เนิ่นนานกว่านี้จนไร้เพื่อนร่วมทางตรงทางเดิน เธอหิ้วถุงบรรจุอาหารร้อนๆ รีบมุ่งหน้าเดินกลับตัวโรงแรม เมื่อเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เป็นเพราะมัวแต่เถลไถลเดินชมร้านรวงสองข้างทางเสียจนเพลิน จึงเสียเวลาไปมากโขเมื่อนาฬิกาเรือนเล็กชี้บอกเวลา23:30นาที เธอจึงรีบก้มหน้าก้มตาเดินสาวเท้าซอยถี่ๆ เมื่อสองข้างทางเต็มไปด้วยแก๊งวัยรุ่นที่มารวมตัวกัน ชายหนุ่มผอมแห้งนั่งอยู่บนอานรถมอเตอร์ไซค์ เสียงหัวเราะร่าเริงที่ดังประสานกัน ทำให้รัชนิชลเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นด้วยความหวาดกลัว
“น้องสาวจ๋า เดินคนเดียวเหงาเปล่า ให้พี่ไปส่งไหมจ้ะ?”
หนุ่มผอมโซ ร่างสูงโย่งเดินมาต้อนหน้าต้อนหลังเธอพร้อมทั้งเอ่ยทักทายเสียงยานคาง
รัชนิชลเหลือบมองหวั่นๆ ก่อนจะถอยหลังหนี เธอกวาดสายตามองลู่ทางที่จะหลบหลีกพร้อมกับสาวเท้าถอยหลังหนีไปด้วย กลิ่นเหม็นเปรี้ยวโชยออกมาจากร่างกายผู้ชายด้านหน้า แสดงให้เห็นว่าสติเขาไม่ครบสมบูรณ์เพราะความมึนเมาบวกกับความคึกคะนอง
“หยิ่งเสียด้วยนะคนสวย ถามแล้วก็ไม่ตอบ แต่พี่ชอบผู้หญิงแบบนี้อะนะ มันเร้าใจดี!!?”
“ขอโทษนะคะพี่ น้ำค้างจะกลับบ้านค่ะ ขอทางหน่อยได้ไหมคะ”
เธอเอ่ยปากร้องขอเมื่อไม่สามารถฝ่าวงล้อมของกลุ่มคนออกไปได้ เมื่อชายหนุ่มทุกคนตีวงล้อมเธอเอาไว้ทุกๆ ทางจนหาทางหลบไปทางไหนก็ไม่ได้เลย
“บ้านอยู่ไหนละจ้ะ เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง พี่ใจดีชอบบริการสาวๆ”
“ขอบคุณค่ะพี่ น้ำค้างพักโรงแรมข้างหน้านี่ละค่ะ ไม่ต้องไปส่งหรอก น้ำค้างกลับเองได้”
“บ๊ะ! นอนโรงแรมด้วย พี่ไปส่งถึงห้องเลยก็ยังได้นะจ้ะ อยากลองนอนห้องแอร์เย็นๆ บ้างอะ”
“อย่าเลยค่ะพี่ ไม่รบกวนดีกว่า”
รัชนิชลเอ่ยตอบอย่างเสียไม่ได้ เธอพยายามแทรกออกจากวงล้อมด้วยความหวั่นกลัว
“แอ๊…บอกว่าจะไปส่งก็ไปส่งซี พูดไม่รู้เรื่องหรือไงอีนี่!”
เรียวแขนงามเสลาถูกกระชากแรงๆ ด้วยฝ่ามือหยาบกร้านจนเรือนกายโปร่งบางถลาตามแรงดึงจนตัวปลิดปลิว
เธออ้าปากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือสุดกำลังที่ที่มี พร้อมกับดิ้นรนเอาตัวรอดจากลุ่มคนแปลกหน้าที่เข้ามาคุกคาม
“ช่วยด้วยค่ะ ชวยด้วย!!?”
แคสเตอร์เงยใบหน้าจากกล้องถ่ายรูปที่เขาเผลอหยิบติดมือลงมาด้วย ขณะที่กดสไลด์เช็คภาพที่ถ่ายไว้ตามความพอใจ ยามที่เห็นวิถีชีวิตของคนกลางคืนที่ต่างแข็งขันทำมาหากินเลี้ยงชีพ โดยการขายอาหารการกินเต็มสองข้างทาง คิ้วเข้มๆ ขมวดแน่น มองกลุ่มคนที่เยื้อยุดผู้หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มอย่างไม่เข้าใจ!!? ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แคสเตอร์รีบเก็บกล้องถ่ายรูปลงกระเป๋าเป้ ถลันตัวออกวิ่งเข้าไปช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ
“เฮ้ย!!? …หยุด...ผู้หญิงเขาไม่เต็มใจ ก็ปล่อยเขาไปเถอะน่า…”
เสียงทรงพลังแม้จะไม่ชัดเจน เพราะภาษาไม่คุ้นเคยเท่าที่ควร ทำให้ชายหนุ่มทั้งกลุ่มพร้อมใจกันหยุดและหันกลับมามองเป็นตาเดียว
“ฮ่าๆ …เห้ย! ไอ้ตี๋นี่อยากเป็นพระเอกเว้ยเห้ย! จัดให้มันหน่อยสิ”
หนุ่มผอมแห้งใบหน้าตอบๆ และดูเหมือนเขาจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม มันร้องสั่งเสียงลำพองใจเมื่อมีคนจำนวนมากกว่า แคสเตอร์ร่างกายกำยำสมส่วนแต่...มีแค่คนเดียว!!
ชายหนุ่มตั้งหลักมั่น เขารอรับการจู่โจมด้วยความระมัดระวัง ดวงตายาวรีหรี่ลง และจับตามองอากัปกิริยาฝ่ายตรงข้ามเพื่อประเมินฝีมืออีกฝ่าย
“ไปตามคนมาช่วยไป!! …ผมคนเดียวคงรับมือไมไหวหรอก”
แคสเตอร์ร้องบอกหญิงสาวเมื่อมองเห็นว่าคนที่เขาเข้ามาช่วยเหลือเป็นใคร?
รัชนิชลมุดรอดฝ่าวงล้อมออกไปจนได้ เมื่อชายหนุ่มทุกคนหันไปตีวงล้อมหนุ่มรูปหล่อที่เข้ามาใหม่ จึงหมดความสนใจหญิงสาวเพียงคนเดียวไปโดยปริยาย เธอพะว้าพะวังเป็นห่วงตัวเองและชายหนุ่ม แต่เมื่อเหตุการณ์มันคับขันและอาจจะเลวร้ายมากขึ้นกว่านี้ จึงจำต้องรีบออกวิ่งไปหาคนมาช่วย เมื่อคนกลุ่มใหญ่กำลังลงมือทำร้ายชายหนุ่มเพียงคนเดียวอย่างไม่นึกละอาย
“ช่วยด้วย!!? ช่วยด้วยค่ะ มีวัยรุ่นกำลังรุมทำร้ายพลเมืองดี อยู่ทางด้านนู้นค่ะ”
รัชนิชลตะโกนลั่น เมื่อมาถึงป้อมรปภ.ด้านหน้าโรงแรม เธอยืนหอบแฮกๆ เมื่อออกวิ่งมาจนเหนื่อยแทบขาดใจ
“ทางไหนครับคุณ!!?”
รปภ.ใจดีรีบคว้าอุปกรณ์ป้องกันตัวเต็มสองมือ ทั้งตะบองอันใหญ่อาวุธคู่กายและไฟฉายแรงสูง ฉวยหยิบออกมาจากป้อมได้ก็รีบชักชวนเพื่อนร่วมงาน ออกไปช่วยเหลือลูกค้าของโรงแรมด้วยความเต็มใจ รัชนิชลชี้บอกตำแหน่งสถานที่ให้แล้วจึงวิ่งเหยาะๆ ตามมาทีหลังเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะกำลังเป็นห่วงเพื่อนร่วมงานหนุ่มหล่อ
“เฮ้ย! หยุดนะเว้ย ล้อมจับมันส่งตำรวจให้ได้นะ มาก่อกวนหลายครั้งแล้วไอ้พวกนี้ ไอ้แก๊งป่วนเมืองแก๊งนี้น่ะ”
เสียงตะโกนของ รปภ. ดังลั่น ทำให้แก๊งวัยรุ่นแตกกระจาย เสียงวิ่งตุ๊บตั๊บชุลมุนกับเสียงโหวกเหวกโวยวายของกลุ่มคนทั้งหมดและเสียงสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ดังขรม คนทั้งฝูงแตกกระจายหนีความผิดกันอลหม่าน รัชนิชลหยุดดูอยู่ห่างๆ ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งเข้าไปเมื่อเห็นร่างใหญ่โตของแคลเตอร์ ชางนอนอยู่บนพื้นคอนกรีต
“คุณเป็นอะไรมากไหมคะ!? …”
เธอประคองร่างใหญ่โตของตากล้องมือดีขึ้นมาจากพื้น พร้อมทั้งเอ่ยซักถามอย่างเป็นห่วง เมื่อมองเห็นมีหยดเลือดไหลซึมออกมาทางมุมปากหนาหยักของชายหนุ่ม
“แหม!! ...มันหนีไปหมด จับไม่ได้สักคนเลยไอ้พวกเวรนี่นกรู้ คุณๆ เป็นอะไรมากไหมครับ ต้องไปโรงพยาบาลไหม ผมจะเรียกรถให้” รปภ.สูงวัยเดินเข้ามาซักถาม
“ไม่เป็นไรครับ!! เจ็บแค่นิดหน่อยเองทายาก็น่าจะพอทุเลา”
แคลเตอร์เอ่ยตอบคนที่เข้ามาช่วยเหลือ หนุ่มหล่อพยายามทรงตัวให้ได้โดยไม่ต้องใช้ร่างโปร่งบางของรัชนิชลคอยพยุง
“ไปหาหมอดีกว่าค่ะ เดี๋ยวน้ำค้างพาไปเอง”
รัชนิชลเอ่ยเสียงแผ่วๆ เธออาสาเป็นคนพาไปหาหมอตัวเอง ลืมความหิวโหยอาหารไปอย่างสิ้นเชิงเพราะกำลังตื่นตกใจ
“นิดหน่อยเองครับคุณ นอนพักก็น่าจะหาย”
แคสเตอร์ส่ายศีรษะปฏิเสธ เมื่อร่างกายไม่ได้เจ็บหนักอย่างที่ทุกคนคิด
“น้ำค้างไปส่งคุณที่ห้องดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาช่วยไม่อย่างนั้นน้ำค้างคงจะแย่”
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณด้วยความจริงใจ ดวงตากลมโตมองร่างสูงใหญ่เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่มีแววตาหมั่นไส้ยามมองชายหนุ่มเหมือนเมื่อก่อน มีแต่แววตาชื่นชมเข้ามาแทนที่
“จำเอาไว้แล้วกันครับ กลางค่ำกลางคืนอย่าลงมาคนเดียว ทางที่ดีหาเพื่อนมาด้วยน่าจะปลอดภัยกว่า”
แคสเตอร์เอ่ยตักเตือนอย่างเป็นห่วง เมื่อกลางคืนเป็นช่วงเวลาอันตรายสำหรับสาวๆ และสวยแบบรัชนิชลที่ลงมาเดินที่เปลี่ยวๆ เพียงลำพัง
หญิงสาวประคองร่างสูงใหญ่ของตากล้องหนุ่มไปส่งยังห้องพักโดยสวัสดิภาพ ก่อนจะกลับไปยังห้องพักของตัวเอง ความรู้สึกของรัชนิชลเปลี่ยนไปจากเดิม หลังชายหนุ่มเข้ามาช่วยเหลือจากกลุ่มอันธพาล แม้จะยังหมั่นไส้ท่าทีกรุ้มกริ่มของตากล้องหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่แสดงออกกับสาวๆ ทั่วไปอยู่ก็ตาม แต่เธอก็มองเขาดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อยังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่ในนิสัยบางส่วน
บทที่4.
ขอบคุณอุบัติเหตุร้ายๆ
เช้าวันใหม่...
ทีมงานทุกคนมารวมตัวหน้าล็อบบี้บริเวณโรงแรมใหญ่ตามกำหนดเวลานัดหมาย หลังพักผ่อนตามอัธยาศัยมาแล้วทั้งคืน รัชนิชลแอบเหลือบมองแคสเตอร์ตากล้องหนุ่มเจ้าเสน่ห์บ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วง เมื่อมีร่องรอยบาดแผลบนใบหน้าที่ถูกแต้มด้วยยาแก้ฟกช้ำ เสียงสาวๆ ทีมงานเอ่ยถามกันเซ็งแซ่ ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดร่องรอยบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อจ้องมองใบหน้าหนุ่มหล่อจนมองเห็นร่องรอยของบาดแผล
“อุ้ยตาย!! ...ไปทำอะไรมาคร๊าคุณแคสเตอร์ เหมือนรอยโดนชกต่อย ไปมีเรื่องกับใครมาคะนี่ ทำไมพวกเราไม่รู้เรื่องเลยล่ะค่ะ”
สาวสองสามคนเข้ามารุมล้อมหนุ่มหล่อ พวกเธอพากันซักถามกันจนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย