บทที่ 24 ที่ท่านเป็นแบบนั้นก็เพราะท่านรักหนูมาก

1379 Words
บทที่ 24 ที่ท่านเป็นแบบนั้นก็เพราะท่านรักหนูมาก มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เจ็สสิก้ามองใบหน้าสวยใสไร้เครื่องสำอางของหลานสาวสุดที่รัก ที่ยังหลับอยู่บนเตียงนอน ก้มลงไปหอมแก้มใส ๆ หนึ่งทีด้วยความรักล้นหัวใจ แล้วจึงเดินออกไปจากห้อง “คุณย่า” สตรีสูงวัยหันไปมองหลานสาวแล้วเดินกลับไปหาเธอ “ย่าทำให้หลานตื่นเหรอ ย่าขอโทษนะหลานรัก” “เปล่าหรอกค่ะ คุณย่ามาหาหนูเหรอคะ” “จ้ะ ออกไปกินข้าวกับย่านะ ย่ามีนัดกินมื้อเที่ยงกับเพื่อน” “ไม่ได้หรอกค่ะคุณย่า เพราะวันนี้หนูต้องเข้าประชุมกับป๊ะป๋าค่ะ” หญิงสาวเอาเรื่องงานมาอ้างเมื่อรู้ว่าต้องไปพบเพื่อนของท่าน เพราะมันคงไม่พ้นเรื่องเดิมที่เคยคุยกันมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว “แล้วหลานจะให้ย่าไปคนเดียวเหรอ” “คุณย่าก็ไปคนเดียวอยู่บ่อย ๆ นี่คะ” “แต่เพื่อนของย่าอยากเจอหลานด้วยนี่จ๊ะ” เจ็สสิก้าพยายามหว่านล้อมหลานสาวให้ไปด้วยให้ได้ “เพื่อนคุณย่าอยากเจอหนูเพราะเรื่องการประกวดมิสยูเอสเอนั่นหรือเปล่าคะ” “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก หลานเข้าใจผิดแล้วจ้ะ” เจ็สสิก้ารีบปฏิเสธถึงแม้รายละเอียดการสมัครเข้าประกวดจะอยู่ในกระเป๋าถือของตนเรียบร้อยแล้ว แต่นางก็รู้ว่าหมดหวังไปแล้วสำหรับเรื่องนี้ “ที่ย่าบอกว่าเพื่อนย่าอยากเจอหลาน เพราะเพื่อนย่าคนนี้เธอเป็นเพื่อนที่บ้านเกิดของย่า เธอเดินทางมาทำธุระที่นี่ก็เลยนัดเจอกับย่า เธอยังไม่เคยเห็นหลานย่าเลยสักครั้ง ย่าก็เลยอยากพาหลานไปเจอเธอด้วย” เจ็สสิก้าอธิบายให้หลานสาวเข้าใจแต่ไม่ทั้งหมด “ไปเป็นเพื่อนย่าหน่อยนะชาร์มมิ่ง กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วค่อยเข้าบริษัทก็ยังทัน พ่อหลานบอกย่าแล้วว่ามีประชุมตอนบ่ายสามโมง” “ป๊ะป๋าบอกคุณย่าอย่างนั้นเหรอคะ” ป๊ะป๋านะป๊ะป๋า ทำไมต้องบอกคุณย่าอย่างนั้นด้วย “ตกลงไปกับย่าก่อนนะ” “ก็ได้ค่ะ คุณย่าลงไปรอหนูข้างล่างก่อนนะคะ หนูขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวก่อน” สุดท้ายเธอก็ต้องยอมแพ้แก่คุณย่าจอมบงการ เพราะเห็นใจท่านที่อยากจะเจอเพื่อนเก่าสมัยที่ยังอยู่ลอสแอนเจลิส “ให้ย่าช่วยเลือกชุดให้ไหม” “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณย่าลงไปคุยกับหมี่มี้ก่อนนะคะ” ถ้าให้ท่านเลือกสงสัยท่านจะขนเครื่องเพชรครบชุดออกมาให้ใส่ด้วยแน่ ๆ “ก็ได้จ้ะ แต่งตัวสวย ๆ นะลูก” เจ็สสิก้ารับปากแล้วกำชับหลานสาวก่อนจะเดินออกไป หนึ่งชั่วโมงต่อมาหญิงสาวก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยและเดินลงมาที่ชั้นล่าง แต่เห็นเพียงบิดาและมารดานั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น จึงเดินเข้าไปหอมแก้มท่านทั้งสองและถามหาผู้เป็นย่าจากบิดา เจ็ทกอดลูกสาวที่นั่งลงข้าง ๆ และหอมแก้มเธอด้วยความรัก “ท่านคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่จ้ะลูก” “ป๊ะป๋าบอกคุณย่าเหรอคะว่าชาร์มมีประชุมตอนบ่ายสามโมง” เธอทำหน้างอใส่บิดา “ป๊ะป๋าไม่รักชาร์มเลย ชาร์มเคยบอกแล้วนี่คะว่าอย่าให้ชาร์มต้องไปไหนกับคุณย่าช่วงนี้” “ที่ป๊ะป๋าบอกไปแบบนั้นเพราะคุณย่าถามว่าเย็นนี้หนูจะไปไหนหรือเปล่า ป๊ะป๋าก็คิดว่าท่านจะพาหนูไปงานเย็นกับท่านก็เลยตอบไปแบบนั้น” เจ็ทแก้ตัวกับลูกสาวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ นึกเอ็นดูกับท่าทางเง้างอนน่ารัก ๆ ของเธอ “ป๊ะป๋าพยายามช่วยหนูแล้วนะ แต่ไม่คิดเลยว่าคุณย่าจะมาเหนือเมฆแบบนี้” “คุณย่าเขารักหนูมาก ท่านอยากพาหนูไปด้วยทุกที่หนูก็รู้นี่ลูก ถ้าไม่ได้ยุ่งมากก็ไปเป็นเพื่อนท่านหน่อยนะลูก” วิลาลีบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณแม่ท่านรักหลานมากผมก็รู้ และผมก็รู้ว่าคุณแม่เป็นคนยังไง ลูกก็คงจะเบื่อเป็นธรรมดา ผมเข้าใจความรู้สึกของลูกนะมายเลิฟ” เจ็ทแก้ตัวแทนลูกสาวสุดที่รัก “ชาร์มไม่เคยปฏิเสธคุณย่านะคะ แต่บางเรื่องท่านก็เรียกร้องจากชาร์มมากเกินไปจริง ๆ จนชาร์มเริ่มทนไม่ไหวแล้วค่ะ” “ที่ท่านเป็นแบบนั้นก็เพราะท่านรักหนูมากยังไงล่ะ หนูเป็นหลานสาวคนเดียวของท่านนี่ลูก” วิลาลีพอจะเข้าใจความรู้สึกของแม่สามี ว่าที่ท่านรักหลานสาวมากเพราะส่วนหนึ่งมาจากการกระทำของท่านในอดีต ที่ทำให้เธอต้องกำพร้าพ่ออยู่หลายปี “ชาร์มทราบค่ะหมี่มี้ ชาร์มก็รักคุณย่ามากเหมือนกัน แต่จะให้ชาร์มยอมท่านทุกเรื่องคงเป็นไปไม่ได้ ป๊ะป๋าเข้าใจชาร์มใช่ไหมคะ” ท้ายประโยคเธอหันไปถามบิดาที่กอดเธอไว้ “แน่นอนจ้ะลูกรัก คุณย่าเดินมาแล้ว” เขาตอบและกระซิบบอกเสียงเบาให้ลูกสาวรู้ตัว “เสร็จแล้วเหรอหลานย่า” เจ็สสิก้ามองหลานสาวอย่างพึงพอใจ “หลานย่าสวยมากจริง ๆ ถ้าประกวดนางงามต้องได้ที่หนึ่งแน่ ๆ” “คุณย่าคะ” “ย่าแค่เปรียบเทียบเฉย ๆ จ้ะหลานรัก ไปกันเถอะจ้ะ ย่าไม่อยากไปสายเพราะรถติด แม่ไปก่อนนะลูก” เจ็สสิก้าชักชวนหลานสาวแล้วบอกลาลูกชายกับลูกสะใภ้ “เจอกันที่บริษัทนะคะป๊ะป๋า ชาร์มไปก่อนนะคะหมี่มี้” เจสสิก้ามาถึงร้านอาหารที่นัดกับเพื่อนก่อนเวลาเกือบสิบห้านาที จึงชวนหลานสาวไปเดินซื้อของฝากที่ร้านใกล้ ๆ “เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของย่าเลยนะ ถึงแม้จะอยู่คนละรัฐแต่เราก็ติดต่อกันอยู่เสมอ ย่ามักจะแวะไปเยี่ยมเธอบ่อย ๆ เวลากลับไปเยี่ยมครอบครัว แต่นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่มานิวยอร์ก ย่าจึงอยากพาหลานไปรู้จักกับเธอเอาไว้” สตรีสูงวัยบอกเล่าให้หลานรักฟังขณะยืนรอพนักงานจัดขวดไวน์ลงในตะกร้า “แล้วท่านมาทำอะไรที่นี่เหรอคะคุณย่า หรือว่ามาหาคุณย่าอย่างเดียว” “ท่านมากับหลานจ้ะ หลานท่านมาดูตัวนักกีฬาที่จะซื้อเข้าทีมบาสเกตบอล ท่านก็เลยขอมาด้วยเพราะอยากมาเจอย่า” เจ็สสิก้าเปิดเผยข้อมูลเพิ่มขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด “หลานเพื่อนคุณย่าเป็นเจ้าของทีมบาสเหรอคะ ทีมไหนคะคุณย่า” หญิงสาวถามด้วยความสนใจ เพราะอยากรู้ว่าใช่ทีมโปรดของตนหรือเปล่า “ลอสแอนเจลิสโรเจอร์จ้ะ หลานของเพื่อนย่าเข้ามาบริหารทีมเองได้ห้าหกปีแล้วนะ” “ทีมนี้ดังมากนี่คะคุณย่า หลายปีมานี้ติดหนึ่งในสามเกือบทุกฤดูกาลเลยนี่คะ” ถึงแม้จะไม่ใช่ทีมโปรดแต่เธอก็พอจะรู้จักมักคุ้นอยู่บ้าง เพราะเป็นทีมที่กำลังมาแรงมากในฤดูกาลนี้ “ทีมเขาจะมาซื้อตัวนักกีฬาทีมบ้านเราเหรอคะคุณย่า” “แค่มาดูฝีมือผู้เล่นคนที่หมายตาเอาไว้เท่านั้น ยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ ทั้งสิ้นจ้ะ” “คุณย่ารู้เยอะนะคะ” เธอเริ่มมองผู้เป็นย่าด้วยความสงสัย “ย่าก็ถามเอาจากเพื่อนนั่นแหละจ้ะหลาน” “ค่ะ” เธอตอบรับแบบขอไปที แต่ในใจนั้นเริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับเรื่องนี้มากขึ้น เหตุเพราะท่านรู้มากเกินไปนั่นเอง “ไปกันเถอะจ้ะ” นางบอกหลานสาวเมื่อกระเช้าไวน์เสร็จเรียบร้อยแล้ว “หนูถือให้ค่ะคุณย่า” เธอเอากระเช้าไวน์มาถือไว้เองแล้วจูงมือผู้เป็นย่าออกไปจากร้าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD