หยุดร้องได้แล้ว

1243 Words
บทที่ 4 หยุดร้องได้แล้ว! “โมกข์ กลับบ้านเถอะลูก แม่มารับแล้ว” ปราณีเดินเข้าไปหาลูกชายแล้วประคองแขนให้เขาลุกขึ้น “พี่สองคนกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะจ้ะ ทางนี้ฉันจัดการเอง ขอบคุณนะ” บอกกับหัวหน้างานทั้งสองที่ยอมสละเวลาพักผ่อนมาช่วยดูแลลูกชายด้วยความซาบซึ้ง “แม่เหรอครับ แม่มาได้ยังไงครับ” เขาพยายามประคองสติ ทำเหมือนไม่เมา “จากบ้านมาที่นี่ตั้งไกลนะครับแม่” “แม่เดินมากับเจ๊หวังแล้วก็เด็กๆ เรารอลูกกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่ลูกยังไม่กลับไปสักทีก็เลยมาตามเพราะเป็นห่วง กลับบ้านไปกินข้าวกันนะลูก” “ทำไมถึงมาดื่มอยู่ตรงนี้ล่ะคะคุณหนู กลับไปดื่มที่บ้านดีกว่านะคะ” เจ๊หวังเข้าไปประคองเจ้านายน้อยของนางอีกคน “เหล้าที่บ้านมันเมาช้าครับป้า สู้เหล้าป่าแบบนี้ไม่ได้เมาเร็วดี เมาแล้วก็ลืม ลืมแล้วก็ไม่เจ็บ แล้วอีกไม่นานผมก็จะตาย ผมก็จะลืมเธอได้ตลอดชีวิต” “อย่าพูดเป็นลางแบบนั้นสิลูก แม่กลัวนะ” ปราณีร้องห้ามน้ำตานอง “ลืมเธอซะเถอะค่ะคุณหนู ผู้หญิงคนนั้นไม่เหมาะสมกับคุณหนูของหวังหรอกค่ะ เธอเป็นคนติดการพนันคุณหนูก็รู้อยู่เต็มอก อยู่กันไปก็มีแต่ผลาญ” เจ๊หวังกล่าวอย่างเหลืออดพร้อมเสียงสะอื้น “แต่ผมลืมเธอไม่ได้นี่ครับป้า ป้ารู้ไหมครับว่าเธอมีความสุขแค่ไหนในวันแต่งงาน” นึกถึงใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของอดีตคนรักกับเพื่อนสนิทในวันนั้น แล้วก็ยิ่งเจ็บปวดที่หัวใจ “อย่าเสียใจไปเลยค่ะคุณหนู คุณหนูจะต้องเจอผู้หญิงที่ดีกว่าเธอ เชื่อหวังนะคะ” “ลืมเธอซะลูก คิดถึงความเจ็บช้ำที่เธอทำกับลูกแล้วลืมเธอซะ” “ผมพยายามแล้วครับคุณแม่ แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมอยากถามเธอว่าทำไมเธอถึงนอกใจผม ทั้งๆ ที่ผมรักเธอสุดหัวใจ” เขากุมหัวใจที่เต้นด้วยความเจ็บปวด และปล่อยเสียงร้องโฮออกมาอย่างหมดความอดทน พานให้ผู้ใหญ่ทั้งสองร้องตามด้วยความสงสารจับใจ “หยุดร้องได้แล้ว! ตัวก็โตแต่ทำไมใจถึงเสาะแบบนี้ ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเอาซะเลย.. เพราะอ่อนแอแบบนี้ล่ะสิผู้หญิงเขาถึงทิ้งไปมีคนอื่น” ในที่สุด ชาร์มมิ่ง แอนนาเบ็ล เครน ก็ระเบิดอารมณ์ออกมา เธอเดินอาดๆ ไปยืนต่อหน้าผู้ชายขี้แพ้นามว่าวิโมกข์  “ร้องทำไม ร้องแล้วเธอกลับมาหรือเปล่า ถ้าตัดใจจากเธอไม่ได้ก็ไปแย่งเอาเธอกลับมาสิ แต่ถ้าคุณทำไม่ได้ก็ต้องลืมเธอให้ได้ ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณรักและดีกับเธอมากแค่ไหน แต่เธอคนนั้นหมดรักคุณแล้วเธอถึงได้ไปจากคุณ เพราะถ้าเธอยังรักคุณอยู่ ต่อให้คุณเลวทรามอย่างไรเธอก็ยังรัก คนเราถ้ามันคิดนอกใจกัน ไม่ว่าทางไหนมันก็ทำได้ทั้งนั้น แต่ถ้าคนมันมีใจให้กัน ต่อให้มีหนทางเป็นร้อยเป็นพันก็ทำกันไม่ลงหรอก จำเอาไว้ให้ขึ้นใจแล้วก็เลิกทำตัวปัญญาอ่อนแบบนี้ได้แล้ว ฉันไม่อยากให้คุณอายตัวเองเวลาได้พบกับรักครั้งใหม่ หรือคุณคิดว่าจะไม่รักใครอีกแล้ว โง่สิ้นดี!” วิโมกข์ได้แต่ยืนตะลึง อึ้งไปกับคำบริภาษของสาวน้อย ที่สะบัดหน้าหนีไปทันทีที่พูดจบ คำพูดของเธอแทงใจดำของเขาเข้าอย่างจัง ‘เพราะอ่อนแอแบบนี้ล่ะสิผู้หญิงเขาถึงทิ้งไปมีคนอื่น.. เธอคนนั้นคงหมดรักคุณแล้วเธอถึงได้ไปจากคุณ แต่ถ้าเธอยังรักคุณต่อให้คุณเลวทรามอย่างไรเธอก็ยังรักคุณ คนเราถ้ามันคิดนอกใจกัน ไม่ว่าทางไหนมันก็ทำได้ทั้งนั้น แต่ถ้าคนมันมีใจให้กัน ต่อให้มีหนทางเป็นร้อยเป็นพันก็ทำกันไม่ลงหรอก จำเอาไว้ให้ขึ้นใจแล้วก็เลิกทำตัวปัญญาอ่อนแบบนี้ได้แล้ว ฉันไม่อยากให้คุณอายตัวเองเวลาได้พบกับรักครั้งใหม่’ “โมกข์” ปราณีเขย่าแขนลูกชายที่ยืนแข่งเป็นหิน ใจหนึ่งก็ห่วงเด็กสาวที่วิ่งหายไปทางไหนก็ไม่รู้ จะไล่ลูกสาวให้วิ่งตามไปก็กลัวพลัดหลงกันไปอีก “หวังจะไปตามคุณหนูชาร์มมิ่งเองค่ะ” เจ๊หวังมองเห็นความห่วงใยนั้นจึงรับอาสาไปเอง “คุณนายพาคุณหนูๆ กลับไปที่บ้านก่อนนะคะ” “ขอบใจจ้ะเจ๊หวัง” “ผมไปเองครับป้า เพราะผมชำนาญเส้นทางในนี้มากกว่า ทุกคนกลับไปรอผมที่บ้านนะครับ” วิโมกข์ขัดขึ้นมาพร้อมเหตุผล แล้วรีบเดินไปตามเส้นทางเดียวกับที่เธอเดินไป “พี่โมกข์เขาหายเมาแล้วเหรอคะแม่” วิเวียนกระซิบถามเมื่อเห็นพี่ชายเดินตัวตรง ผิดไปจากตอนแรกที่ยืนยังโงนเงน “แม่คิดว่าคำพูดของหนูชาร์มมิ่งอาจจะทำให้พี่ชายของลูกสร่างเมา” ปราณีมองตามไปด้วยความเป็นห่วง “หวังก็ขอให้คำพูดของคุณหนูชาร์มมิ่งเรียกสติคุณหนูของหวังได้นะคะ” ถึงแม้คำพูดของเด็กสาววัยแรกแย้มคนนั้นจะฟังดูก้าวร้าวไปสักนิด แต่นางก็เห็นด้วยอย่างยิ่งทุกคำ “เรากลับไปรอคุณหนูที่บ้านกันเถอะค่ะ” ชาร์มมิ่งหยุดพักหายใจให้คล่องขึ้นเมื่อรู้สึกเหนื่อย มองไปตามเส้นทางรอบๆ ที่มีแสงไฟสลัวเป็นช่วงๆ แล้วคิดไตร่ตรองว่าตัวเองนั้นเดินมาจากทางไหน “แล้วจะกลับทางไหนล่ะเนี่ย ไม่น่าหนีมาแบบนี้เลยเรา” สองมือขยี้ผมตัวเองอย่างจนตรอกที่ทำอะไรไม่ยั้งคิด เดินไปยังม้านั่งไม้ที่ตอกติดกับพื้นดินแบบง่ายๆ แล้วนั่งลง ความคิดเริ่มฟุ้งซ่านมากขึ้นเมื่อหายเหนื่อย ตามติดมาด้วยความรู้สึกกลัวเมื่อเจอบรรยากาศวังเวงของสถานที่ ถึงแม้จะพอมีแสงไฟสอดส่องอยู่บ้าง แต่ความมืดก็ยังมีมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อมองไปทางต้นยางพาราที่เห็นเป็นเงาสูงใหญ่มากมายเหล่านั้น “พวกเขาโกรธที่เราไปว่าเขาหรือเปล่านะ ก็เลยไม่ยอมมาตามหาเรา โทรศัพท์..” ลุกขึ้นล้วงไปตามกระเป๋าเสื้อผ้าเพื่อตรวจดูว่าได้พกมาด้วยหรือเปล่า หวี่ๆๆๆ หวี่ๆๆๆ พึ่บ “กรี๊ดดดด...” กรีดร้องสุดเสียง เมื่อก้มลงไปมองที่หน้าอกแล้วเห็นแมลงสีดำตัวหนึ่งเกาะอยู่ เธอโก่งตัวหนีสุดชีวิตพร้อมกับเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความกลัว “เป็นอะไรคุณ” เสียงกรี๊ดของเธอทำให้วิโมกข์วิ่งตามมาจนเจอ            “ช่วยชาร์มด้วย ชาร์มกลัว ฮือๆๆ ฮือๆๆ”            “กลัวอะไรล่ะ บอกผมมาซิ” วิโมกข์มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเด็กสาวรูปร่างผอมสูงที่กำลังตัวงอเหมือนกุ้ง            “นมๆ มันเกาะอยู่ตรงนมชาร์ม ฮือๆๆ ฮือๆๆ” เธอยังคงงอตัวอยู่แบบนั้น ไม่กล้ายืดตัวตรงเพราะกลัวมันจะบินใส่หน้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD