“เจ้าสาวเป็นคนไทยหรือเปล่าหลุยส์” บารมีเริ่มซัก หลังจากรับรู้เพียงว่าเขาจะแต่งงานและถูกชวนให้มาที่นี่ด้วยกัน
“อือ เธอน่ารักมากจนฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว”
“แสดงว่านายรู้จักกับเจ้าสาวไม่นานสิ”
“เราเพิ่งเจอกันแค่สี่เดือนเองทศ แต่ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องลูกของฉันได้ห้าสัปดาห์แล้ว”
“โอ้โฮ มีลูกทันใช้จริงๆ เพื่อนเรา” บารมีปรบมือดังฉาด “แล้วไปเจอกันได้อย่างไรล่ะ ลูกสาวนักธุรกิจด้วยกันเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกทศ เราเจอกันที่ร้านอาหาร เธอทำงานเป็นเลขา ฉันเจอเธอตอนที่ไปติดต่องานกับเจ้านายของเธอ” หลุยส์ เซียะ พูดถึงคนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา
“ฉันดีใจที่เห็นนายมีความสุข แล้วฉันจะไปงานแต่งของนายนะ ไหนล่ะการ์ด”
“มันเป็นงานแต่งงานที่มีเฉพาะคนสนิท เราก็เลยไม่ได้ทำการ์ด” หลุยส์ เซียะ บอกวันเวลาและสถานที่แก่เพื่อนทั้งสองคน “หวังว่านายจะไปงานของฉันนะ”
“ฉันจะไปแน่นอน ฉันอยากเห็นเจ้าสาวของนายว่าสวยคุ้มค่ากับที่นายยอมสละความโสดที่หวงแหนหรือไม่” วิโมกข์จดรายละเอียดไว้ในสมุดโน้ตประจำตัวเพื่อกันลืม
“นายมาบอกเรากระชั้นชิดมากเลยนะหลุยส์ แบบนี้เราก็ตัดสูทไม่ทันล่ะสิ” บารมีแกล้งกระเซ้า
“เจ้าสาวฉันใจร้อน อยากแต่งไวๆ เพราะเธอกลัวคนอื่นจะรู้ว่าท้องก่อนแต่ง ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน เพราะฉันต้องรับเจ้าสาวไปลองชุดอีก”
“ได้สิ แล้วเจอกันวันแต่งงานนะ” วิโมกข์จับมือลากับเพื่อนรักทั้งสอง...
ชาร์มมิ่งลุกจากเตียงนอนแล้วรีบวิ่งลงไปชั้นล่าง เมื่อได้ยินเสียงแก้วแตกดังต่อเนื่องพร้อมกับเสียงห้ามปรามของปราณีและเจ๊หวัง
“หยุดเถอะลูก เดี๋ยวแก้วจะบาดโดนลูกนะ”
“คุณหนูอย่าทำแบบนี้สิคะ มีอะไรก็บอกกับหวังสิคะ ระบายกับหวังก็ได้ จะตีจะตบหวังยังไงก็ได้ ขอแค่ให้คุณหนูคนเดิมของหวังกลับมา”
“เหล้าผมหายไปไหนหมดป้าหวัง ใครเอาเหล้าผมไปซ่อน”
“ใครเขาจะไปซ่อนล่ะคะคุณหนู นอกจากคุณหนูดื่มหมด” ตั้งแต่กลับมาจากงานแต่งงานของเพื่อนสนิท เขาก็นั่งดื่มอย่างหนักจนจนเหล้าที่มีอยู่หมดเกลี้ยง แล้วเขาจะเรียกหาจากที่ไหนอีกล่ะ เจ๊หวังตัดพ้ออย่างท้อแท้หัวใจขณะกวาดเศษแก้วใส่ถังขยะ
“ไปเอาเหล้ามาให้ผมดื่มหน่อย ผมจะดื่มให้มันตายกันข้างหนึ่งเลย”
“ค่ะๆๆ เดี๋ยวหวังไปเอาให้นะคะ นั่งรอหวังตรงนี้ก่อนนะคะ” เจ๊หวังทำเป็นเออออด้วย แต่ก็ยังกวาดเศษแก้วต่อไม่ไปไหน ยังกวาดไม่ทันเสร็จคุณหนูของนางก็หมดฤทธิ์
“หนูช่วยนะคะ” ชาร์มมิ่งรีบเข้าไปช่วยประคองชายหนุ่ม เพราะรู้สึกเห็นใจเจ๊หวังที่เป็นคนตัวเล็กและอายุก็มากแล้ว แต่ต้องมาแบกคนตัวใหญ่ที่ไม่มีแรงช่วยเหลือตัวเองเลย
“ขอบคุณค่ะคุณหนูชาร์มมิ่ง” เจ๊หวังกล่าวแล้วรีบเดินนำไปเปิดประตูห้องนอนของชายหนุ่ม
หญิงสาวถึงกับหอบด้วยความเหนื่อยเมื่อโยนเขาลงเตียงไปแล้ว นั่นเพราะเธอเป็นคนสูงกว่าปราณีน้ำหนักตัวของเขาจึงเอนเอียงมาทางเธอมากเป็นพิเศษ โชคยังดีที่ห้องนอนของเขาอยู่ชั้นล่าง ไม่งั้นคงเหนื่อยตัวโยนแน่
สองวันต่อมา
วิเวียนถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มสุมอก ดวงตาเหม่อลอยเพราะคิดไม่ตก
“เป็นอะไรหรือเปล่าวิเวียน ทำไมดูเครียดๆ ล่ะ” ชาร์มมิ่งวางโทรศัพท์ที่กำลังกดเล่นเกม
“เธอรู้ไหมว่าทำไมพี่ชายฉันถึงดูแย่ลงอีกแล้ว”
“ไม่รู้สิ เธอรู้เหรอ”
“ฉันบังเอิญได้ยินเจ๊หวังคุยกับแม่เมื่อคืนนี้ เจ๊หวังบอกว่าเขาโทรไปเล่าให้เพื่อนพี่โมกข์ฟังถึงสภาพของพี่เขา แล้วถามเพื่อนเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมกลับมาจากงานแต่งแล้วพี่เขาถึงกลายเป็นแบบนั้น เพื่อนเขาเลยบอกว่าผู้หญิงที่เพื่อนคนนั้นแต่งงานด้วยคือคนรักเก่าของพี่โมกข์ แต่เพื่อนคนนั้นไม่รู้เรื่องนี้นะ แต่พี่โมกข์ก็ทนอยู่ในงานเลี้ยงจนเลิก เหล้าก็ไม่ได้ดื่มนะ เพื่อนเขายังคิดว่าพี่โมกข์ทำใจได้แล้วเลย เจ๊หวังสาปแช่งแฟนเก่าพี่โมกข์ซะเละเลย” วิเวียนเล่าในสิ่งที่ได้ยินให้เพื่อนฟังจนหมด “แต่ฉันสงสารแม่มากกว่า ฉันแอบเห็นแม่ร้องไห้ตอนพี่โมกข์เมาหลายครั้งแล้วนะชาร์มมิ่ง อาทิตย์นี้เราก็ต้องกลับกันแล้ว ถ้าพี่เขายังเป็นแบบนี้ แม่ฉันจะเป็นยังไงล่ะ”
“ทำไมเธอไม่ลองคุยกับพี่เธอดูล่ะ บอกเขาไปสิว่าแม่เป็นยังไง บางทีเขาอาจจะคิดได้นะ”
“ฉันเด็กกว่าพี่เขาตั้งเก้าปีนะชาร์มมิ่ง ฉันไม่กล้าสอนเขาหรอก แล้วเวลาเขาเมาก็น่ากลัวจะตาย”
“ถ้าไม่กล้าก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่เธอกับป้าหวังเขาไปรก็แล้วกัน อย่ามาพูดเรื่องพี่ชายโง่ๆ ของเธอให้ฉันฟังอีก ฟังแล้วมันหงุดหงิดหัวใจชะมัด”
หนึ่งทุ่มวันนั้น
ทุกคนกำลังนั่งรอวิโมกข์อยู่ที่โต๊ะอาหาร แต่เขาก็ยังไม่กลับมาสักที จนล่วงเวลามาเกือบหนึ่งทุ่มครึ่ง และคนที่กระวนกระวายใจที่สุดก็คงไม่พ้นปราณีกับเจ๊หวังอีกเช่นเคย
“หวังจะไปตามคุณหนูในสวนนะคะ คุณๆ ทานกันไปก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหวังอุ่นอาหารให้ใหม่ดีกว่าค่ะ” เจ๊หวังเริ่มสับสนเพราะมัวแต่พะวงกับคุณหนูของตน
“ไปด้วยกันเถอะเจ๊หวัง ฉันก็เป็นห่วงลูกเหมือนกัน” ปราณีลุกขึ้นแล้วบอกให้เด็กสาวทั้งสองให้รอทานข้าวด้วยกัน เธอจะรีบกลับมา
“ชาร์มขอไปด้วยนะคะป้าปลา” ชาร์มมิ่งลุกไปเกี่ยวแขนของปราณีเอาไว้
“หนูก็ไปด้วยค่ะแม่” วิเวียนเข้าไปเกี่ยวแขนอีกข้างของมารดา
“ไปกันเถอะค่ะ แต่เราคงต้องเดินเข้าไปนะคะเพราะคนงานกลับไปพักผ่อนกันหมดแล้ว หรือว่ามีใครขับรถเป็นไหมคะ” เจ๊หวังถามอย่างมีความหวัง
“ไม่มีใครขับเป็นหรอกเจ๊หวัง เราเดินไปด้วยกันเถอะ”
ทั้งหมดจึงเดินเท้าเข้าไปภายในสวนยางอันกว้างใหญ่ โดยที่ยังไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัด อาศัยถามจากคนงานที่อยู่เวรในช่วงกลางคืน ในที่สุดก็ตามหาวิโมกข์จนเจอ เขากำลังนั่งดื่มเหล้าป่าอยู่ใกล้ๆ บ่อพักน้ำสำหรับเลี้ยงหอยนั่นเอง โดยมีคนงานเก่าแก่อย่างอำนาจและอำนวยร่วมวงอยู่ด้วย แต่ท่าทางของสองคนนั้นไม่ได้ดื่มเพราะความครื้นเครง แต่ดื่มเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนเจ้านายมากกว่า
“ดื่มสิน้า เหล้าต้มของน้ารสชาติดีมากเลยนะ ต้มไว้ให้ผมอีกนะ” วิโมกข์ลิ้นเริ่มพันกัน ยื่นขวดเหล้าสีขาวใสให้แก่อำนวย
“กลับบ้านกันเถอะครับนายหัว” อำนวยรับขวดเหล้ามาจิบเล็กน้อย
“ป่านนี้คุณนายคงเป็นห่วงนะครับนายหัว” อำนาจพยักหน้ากับพี่ชายให้ช่วยกันโน้มน้าว เป็นเวลาเดียวกับที่ปราณีเดินมาถึงพอดี