บทที่ 20 ลูกศิษย์ของคุณแม่

1281 Words
บทที่ 20 ลูกศิษย์ของคุณแม่ ไม่ถึงสิบนาทีทุกคนก็พร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร มีนาขยับเก้าอี้ให้ลูกชายแล้วรีบเดินกลับไปที่ครัว “เจ๊ยกโถข้าวไปเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะยกซุปออกไปเอง” “ขอบใจ” เจ๊หวังส่งทัพพีให้หญิงสาวทำหน้าที่ต่อ แล้วจึงยกโถข้าวเดินออกไป มีนาตักซุปเป๋าฮื้อใส่ถ้วยที่เตรียมไว้จนครบทั้งสี่ถ้วย แล้วจึงหันไปมองด้านนอกห้อง เมื่อเห็นปลอดคนจึงตักเกลือป่นใส่ลงไปในถ้วยซุปใบหนึ่ง “ฉันยังไม่หนักมือกับเธอหรอกนะ แค่เบาะ ๆ ก่อนก็พอ” เธอใช้ช้อนคนเกลือหนึ่งช้อนชาที่ใส่ลงไปในซุปให้ละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วจึงรีบยกออกไปเสิร์ฟ “วันนี้หวังทำซุปหอยเป๋าฮื้อสูตรพิเศษเอาใจคุณหนูวิเวียนโดยเฉพาะเลยนะคะ คุณหนูต้องทานเยอะ ๆ นะ” “ค่ะป้าหวัง” วิเวียนตอบรับด้วยความเต็มใจแล้วก็นึกขึ้นมาได้ “คราวที่แล้วที่วิมาป้าหวังบอกวิว่ากินหอยเป๋าฮื้อเยอะ ๆ จะทำให้สูงขึ้น วิก็หลงเชื่อป้าสนิทใจ กินหอยเป๋าฮื้อทุกมื้อเลยเพราะอยากสูง” เธอหยุดพูดแล้วแกล้งทำหน้างอ “แล้วได้ผลไหมล่ะ” วิโมกข์ถามด้วยความอยากรู้เพราะน้องสาวไม่ยอมพูดต่อ “สูงร้อยหกสิบห้าเท่าเดิมเลยค่ะพี่โมก ชาร์มมิ่งกินน้อยกว่าวิตั้งเยอะยังสูงขึ้นมาอีกตั้งสี่เซ็นติเมตร” เธอฟ้องพี่ชายสีหน้าหงิกงอ “คุณหนูชาร์มมิ่งยังสูงขึ้นอีกเหรอคะ ตอนนั้นเธอก็สูงเหมือนพวกนางแบบแล้วนะคะ” เจ๊หวังนึกถึงสาวน้อยวัยสิบเจ็ด หน้าตาน่ารัก รูปร่างดั่งนางแบบคนนั้น “แล้วเธอเป็นยังไงบ้างคะ สบายดีไหม ทำไมไม่ชวนเธอมาด้วยล่ะ” “เธอสบายดีแล้วก็สวยมาก ๆ ๆ ๆ ยิ่งโตยิ่งสวย แล้วก็หุ่นดีมาก ๆ ๆ ๆ มีเอเจนซี่ทาบทามให้เธอไปประกวดนางงามด้วยนะแต่เธอไม่เอา เธอยังฝากความคิดถึงมาให้ป้าหวังด้วยนะคะ แล้วก็ฝากบอกพี่โมกด้วยว่าจะมาหาเร็ว ๆ นี้ ยังฝากบอกอีกว่ายังอยากแต่งงานกับพี่โมกเหมือนเดิมนะคะ” ถึงแม้จะพูดปดออกไป แต่มันก็มีเค้าความจริงอยู่บ้าง เพราะชาร์มมิ่งเคยบอกกับเธอเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก ว่าอยากแต่งงานกับพี่ชายของเธอมาก “หึ ๆ ๆ พี่ก็ยังรอเธออยู่นะ” วิโมกข์หยอกกลับ นึกถึงหญิงสาวที่วิ่งหนีแมงพลัดหัวซุกหัวซุนคนนั้นแล้วก็อดขำด้วยความเอ็นดูไม่ได้ จึงเผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ ป่านนี้เธอคงโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วสินะ “ชาร์มเขาทำงานอะไรล่ะตอนนี้” “ก็มีแต่งเพลงแล้วก็ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์บ้าง เธอร้องเพลงเพราะมากแต่เธอชอบแต่งเพลงมากกว่า” วิเวียนบอกชื่อเพลงที่เพื่อนรักแต่งและร้องให้พี่ชายฟัง “พี่ไม่รู้จักชื่อเพลงฝรั่งหรอกนอกจากเพลงลูกทุ่งหรือเพลงเพื่อชีวิต แต่ถ้าได้ยินขึ้นมาก็อาจจะอ๋อ ถ้าเคยได้ฟังผ่านหูนะ” “แล้ววิจะโหลดให้ฟังนะคะ รับรองพี่โมกต้องร้องอ๋อแน่ ๆ เพราะเพลงเขาออกจะฮิต” เธอร้องขึ้นมาท่อนหนึ่งเมื่อพูดจบ “อีริคเคยได้ยินเพลงนี้จากติ๊กต็อกครับอาวิ เมื่อวานตอนที่ไปกินไอติมกับคุณแม่ที่ห้าง อีริคก็ได้ยินเพลงนี้ครับ” เด็กชายที่นั่งกินข้าวอยู่ข้าง ๆ มารดารีบบอกเล่าให้หญิงสาวฟัง “จริงเหรอครับ ดีใจจังที่อีริคจำได้” “แต่งเพลงมันยากกว่าแต่งนิทานใช่ไหมครับอาวิ” “มันก็ยากเหมือนกันแหละจ้ะ แต่ถ้าเราอยากทำเราก็จะทำได้ เหมือนอย่างเพื่อนของอาวิไง” “แล้วอาวิทำได้เหมือนเพื่อนไหมครับ” เด็กชายอีริคถามต่ออย่างสนใจ “ถามอะไรอย่างนั้นล่ะลูก ถ้าคุณอาเขาทำอย่างเพื่อนได้ เขาคงไม่มาอยู่ที่นี่หรอกจ้ะ เลิกกวนใจคุณอาเขาแล้วก็รีบกินข้าวเถอะ” มีนาที่ไม่อยากกลายเป็นวิญญาณอยู่บนโต๊ะอาหารกล่าวขึ้น “อาวิทำอย่างเพื่อนไม่ได้หรอกจ้ะ แต่อาวิวาดรูปได้เพราะอาชอบวาดรูป” วิเวียนรู้สึกขัดหูกับคำพูดของมีนา แต่เลือกที่จะไม่โต้ตอบต่อหน้าเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา “แต่อาโมกไม่เก่งเหมือนอีริคเลยเนอะ ไม่รู้จักเพลงที่อาวิร้อง” “ครับ อีริคเก่งกว่าตั้งเยอะ” เด็กน้อยหน้าบานกับคำชมของคุณอาคนสวย “แล้ววิรู้จักเพลงนี้ไหมล่ะ รักมาห้าปี โถคนดีขอหอมทีก็ไม่ได้ เธอบอกกับฉันถึงวันนั้นจะให้” ชายหนุ่มจงใจร้องเพลงลูกทุ่งให้น้องสาวฟัง “รอจนอ่อนใจ ขืนรอไปจะแก่ตายใจเริ่มท้อ หรือว่าเธอนี้จะคอยเศรษฐีรูปหล่อ... สงสารเถอะหนอจะให้ฉันรอไปถึงไหนใช่ไหมคะ” เธอร้องเท่าที่จำเนื้อได้ “วิรู้จักเพลงนี้ด้วยเหรอ” วิโมกข์ทำตาโตด้วยความทึ่ง เมื่อน้องสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาตั้งแต่เกิดสามารถร้องเพลงลูกทุ่งไทยได้ “ทำไมจะไม่รู้จักล่ะคะ คุณแม่ฟังเพลงไทยบ่อยกว่ากว่าเพลงสากลอีก โดยเฉพาะนักร้องที่เป็นคนใต้เหมือนกัน ท่านจะชอบมากเป็นพิเศษเลยค่ะ คุณแม่ท่านปลูกฝังความเป็นไทยให้วิกับลูกศิษย์มากๆ เลยค่ะ ท่านชอบสอนภาษาไทยผ่านบทเพลงเป็นหลัก โดยเฉพาะเพลงลูกทุ่ง ท่านบอกว่าเพลงลูกทุ่งไทยรุ่นเก่า ๆ ภาษาสวย ฟังง่าย เข้าใจไม่ยาก ใช้เป็นบทเรียนบทสอนได้ดี” วิเวียนพูดถึงมารดาด้วยความชื่นชม “ลูกศิษย์ของคุณแม่ไม่ได้มีแค่ชาร์มมิ่งคนเดียวเหรอ” ที่เขาจำได้คือครอบครัวของเธอต้องการปลูกฝังความเป็นไทยให้เธอ เมื่อรู้ว่าพ่อเลี้ยงของเขามีภรรยาเป็นคนไทย จึงจ้างมารดาให้ช่วยสอนภาษาไทยให้เธอตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่ไม่รู้ว่ามารดาเปิดโรงเรียนสอนภาษาไทย “เปล่าค่ะ มีทั้งหมดสี่คน รวมวิด้วยก็ห้าคนค่ะ แต่ทั้งหมดก็พี่น้องของชาร์มมิ่งนั่นแหละค่ะ” “อ๋อ” บนโต๊ะอาหารยังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่นั่งหัวโด่เป็นตอ เธอกำลังมองเม็ดข้าวในจานด้วยความริษยา ถึงจะนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันและเอาใจใส่เขาแค่ไหน ก็ได้ยินแต่คำว่าขอบใจแบบขอไปที หน้าตาก็เย็นชาอย่างกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ แต่พอนางเด็กคนนี้มาถึงเขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใส มองหล่อนด้วยสายตารักใคร่เปิดเผย ถึงแม้จะมั่นใจแล้วว่าหล่อนเป็นน้องสาวต่างพ่อกับเขา แต่เธอก็ยังไม่พอใจอยู่ดี “ทานข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่นดีไหมคะ” เจ๊หวังเตือนเพราะกลัวอาหารบนโต๊ะจะเย็นเสียหมด “อุ้ย! วิลืมเรื่องอาหารไปเลยค่ะป้าหวัง ถ้าป้าไม่เตือนคงถือช้อนค้างเอาไว้แบบนี้อีกนานเลยค่ะ ขอโทษนะคะ” หญิงสาวทำหน้าตาน่ารักใส่ป้าหวังเพื่อให้นางยกโทษให้ “น่ารักแบบนี้หวังจะโกรธลงได้ยังไงคะ ทานข้าวเถอะค่ะ ทานซุปนี้ด้วยนะคะ” ป้าหวังยิ้มหน้าบานกับท่าทางออดอ้อนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหญิงสาว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD