บทที่ 19 วิเวียนปะทะมีนา
สนามบินหาดใหญ่
วิเวียนเข็นรถขนกระเป๋าและสอดส่ายสายตามองหาคนของพี่ชาย แต่เธอก็ต้องฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดีเป็นที่สุด เมื่อเห็นคนที่มารอรับโบกมือให้
“พี่โมก” เธอทิ้งรถเข็นแล้ววิ่งเข้าไปกอดเขาไว้แน่นด้วยความดีใจ “วิไม่คิดเลยว่าพี่โมกจะมารับวิเอง” เธอบอกเล่าความรู้สึกเมื่อผละออกจากอ้อมกอดของพี่ชายต่างบิดาแล้ว
“น้องสาวทั้งคน พี่จะให้คนอื่นมารับได้ยังไงล่ะ เป็นยังไงบ้าง นั่งเครื่องเหนื่อยไหม แล้วคุณแม่กับคุณพ่อสบายดีไหม”
“พ่อกับแม่สบายดีค่ะ พ่อเขาฝากความคิดถึงมาถึงพี่ด้วยนะ ส่วนแม่คงไม่ต้องบอกนะ เพราะโทรคุยกันอยู่บ่อย ๆ นี่ ส่วนตัววินั่งเครื่องบินมาเหนื่อยมากค่ะ รวมเวลาเดินทางกับเวลาเปลี่ยนเครื่องด้วยก็เกือบหนึ่งวันเลยค่ะ”
“ถ้าขี้เกียจเดินทางก็มาอยู่กับพี่ถาวรเลยสิ”
“ขอคิดก่อนนะ”
วิโมกข์หัวเราะกับท่าทางของน้องสาว เดินไปเข็นรถขนกระเป๋าสัมภาระของเธอ “ขนมาหมดบ้านหรือยังเนี่ย”
“แค่ครึ่งบ้านเองค่ะ”
“หึ ๆ ๆ ห้องทีพี่เตรียมไว้ให้คงไม่พอให้เก็บของแน่ ๆ”
“เหลือเฟือค่ะ เพราะของวิมีแค่สองกระเป๋าเอง ที่เหลืออีกสามกระเป๋าเป็นของพี่โมกสองกับของป้าหวังหนึ่ง คุณแม่ฝากมาให้ค่ะ”
“โธ่ จะซื้อมาทำไม พี่ก็บอกคุณแม่แล้วนะว่าไม่ต้องซื้ออะไรมาฝาก”
“ขัดท่านได้ซะที่ไหนคะ ชวนวิไปเดินซื้อของฝากพี่โมกกับป้าหวังอยู่เกือบทั้งอาทิตย์”
สองพี่น้องคุยกันไปตลอดทางที่เดินไปยังที่ที่จอดรถ...
ฟาร์มโชคอนันต์
รอยยิ้มของมีนาหุบลงแทบจะทันที เมื่อเดินเข้าไปในบ้านแล้วพบกับหญิงสาวลูกครึ่งหน้าตาดีคนหนึ่ง กำลังเกาะแขนของวิโมกข์
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอครับคุณแม่” อีริคถามมารดาเสียงเบาเพราะกลัวเธอจะได้ยิน
ความหึงหวงทำให้มีนาลืมตัว ไม่ยอมตอบคำถามของลูกชาย แต่จูงเขาเดินเข้าไปหาทั้งคู่แทน
“โมกคะ อีริคกลับมาจากโรงเรียนแล้วค่ะ”
“สวัสดีครับคุณอา” เด็กชายทำความเคารพชายหนุ่มแล้วมองหญิงสาวข้าง ๆ เขา เมื่อเห็นเธอมองตอบจึงยกมือไหว้พร้อมกล่าวสวัสดี
วิเวียนก้มตัวลงต่ำเพื่อให้ความสูงอยู่ใกล้เคียงกับเด็กน้อย “สวัสดีจ้ะ น่ารักจังเลย ชื่ออีริคเหรอครับ” เธอจับแก้มใส ๆ นั้นอย่างเอ็นดู
จากการบอกเล่าที่ได้ยินมาจากมารดา ซึ่งฟังมาจากเจ๊หวังอีกที ทำให้เธอคิดว่าเด็กน้อยคนนี้โชคดีที่ได้ความขาวมาจากบิดา และคงรวมไปถึงหน้าตาด้วย เพราะไม่มีอะไรเหมือนแม่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ สักอย่าง และเธอก็หวังว่านิสัยของเขาจะเหมือนบิดาด้วยเช่นกัน
“คุณอาก็น่ารักมากครับ แล้วคุณอาชื่ออะไรเหรอครับ” เด็กชายรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวทันที
“อาชื่อวิเวียนจ้ะ เรียกอาวิก็ได้นะ” วิเวียนผูกมิตรกับเด็กน้อยอย่างเป็นกันเอง ไม่คิดจะสนใจหญิงสาวที่ยืนจ้องเธอด้วยสายตาเคลือบแคลงสักนิด
“อีริคจ๊ะ ลูกน่าจะรอให้อาโมกเขาแนะนำให้เรารู้จักนะจ๊ะ” มีนาจงใจพูดใส่ชายหนุ่ม เพื่อให้เขาแนะนำเธอให้อีกฝ่ายรู้จัก
“อีริคให้คุณแม่พาไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยลงมากินของว่างกับอาวิเขานะ” วิโมกข์บอกกับเด็กน้อย ไม่สนใจคำพูดของมีนา
“วันนี้อีริคกินกับคุณแม่มาแล้วครับคุณอา แต่อีริคจะไปอาบน้ำและทำการบ้านนะครับ” เด็กชายบอกกับคุณอาพร้อมกับส่งยิ้มลาหญิงสาวที่ชื่ออาวิ “ไปกันเถอะครับคุณแม่” เขาดึงแขนมารดาที่เอาแต่ยืนนิ่ง
มีนาจำใจต้องเดินจากไปพร้อมลูกชาย นึกโกรธที่เขาทำกับเธอเหมือนคนที่ไร้ตัวตน และขบกรามแน่นเมื่อได้ยินคำพูดที่ดังตามหลังมา
“เธอเป็นแม่ของอีริค ชื่อมีนา เธอมาอาศัยอยู่กับเราเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับลูก หวังว่าวิคงเข้าใจพี่นะ”
“วิรักพี่โมก วิก็ต้องพยายามเข้าใจสิคะ”
มีนาส่งลูกชายให้เป็นหน้าที่ของพี่เลี้ยงแล้วรีบไปตามหาเจ๊หวัง เพื่อสอบถามให้รู้เรื่องว่านางลูกครึ่งพูดไทยชัดเจนที่ชื่อวิเวียนคนนั้นคือใคร
“คุณจะรู้ไปทำไม” เจ๊หวังถามกลับทันทีพร้อมทำหน้าไม่พอใจ เพื่อให้เธอรู้ตัวว่าทำตัวเกินขอบเขตมากไปแล้ว
“ฉันก็แค่ถามดูเฉย ๆ เห็นว่าอยู่บ้านเดียวกันก็น่าจะรู้จักกันเอาไว้” มีนาแก้ตัวและพยายามปรับสีหน้าให้ดูปกติ
“พวกเราเป็นแค่บ่าวแค่ผู้อาศัย อย่าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนที่เป็นเจ้านายเลยนะ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ” พูดจบเจ๊หวังก็หันไปสนใจกับงานที่ทำค้างอยู่
มีนาได้แต่ขบริมฝีปากข่มความโกรธ เมื่อถูกทำเมินเหมือนไร้ตัวตน นายบ่าวบ้านนี้นิสัยถอดแบบกันออกมาไม่มีผิดเพี้ยน อย่าหวังเลยว่าเธอจะทำตัวแบบผู้อาศัยอย่างที่นางบอก เธอจะทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด นั่นก็คือทำให้ผู้หญิงคนนั้นกระเด็นออกไปให้ได้
“ฉันช่วยนะคะ” เธอจำใจต้องเข้าไปยืนขนาบข้างแม่บ้านใหญ่ ลงมือช่วยทำอาหารที่ดูพิเศษกว่ามื้ออื่น “วันนี้ทำหลายอย่างเลยนะคะเจ๊”
“แขกพิเศษมาทั้งทีก็ต้องต้อนรับกันหน่อย” เจ๊หวังหยิบถ้วยใบเล็กมาใส่น้ำซุปแล้วชิม รสชาติถูกปากแล้วจึงเตรียมทำอาหารชนิดอื่นต่อ
มีนาคอยเป็นลูกมือช่วยเจ๊หวังทำอาหารอย่างขะมักเขม้น นางสั่งให้ทำอะไรก็ทำตามไม่ปริปากบ่น แต่ทุกครั้งเธอจะทำอย่างมีความสุข เพราะนั่นหมายถึงได้ดูแลเอาใจใส่นายหัวของที่นี่ เสมือนภรรยาที่คอยดูแลสามี ผิดกับครั้งนี้ที่เธอทำด้วยความไม่พอใจ
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงอาหารเกือบสิบชนิดก็ถูกนำขึ้นโต๊ะอาหาร “ความจริงเธอไม่ควรนั่งร่วมโต๊ะกับคุณหนูนะ เพราะวันนี้มีคุณหนูวิเวียนร่วมโต๊ะด้วย” เจ๊หวังเอ่ยเตือนโดยไม่ได้หวังผลมากนัก
มีนาอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่ที่ทำได้ก็คือขมวดคิ้วบาง ๆ พร้อมกับรอยยิ้มแห้ง
“ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไงคะเจ๊หวัง ในเมื่ออีริคเขาเคยกินข้าวพร้อมฉันกับโมกทุกมื้อ ถ้าหากวันนี้เราสองคนแม่ลูกไม่ได้ร่วมโต๊ะด้วย แล้วฉันจะบอกลูกยังไงล่ะ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้เจ๊หวังอย่าทำให้เราแม่ลูกต้องลำบากใจเลยนะคะ” หัวเด็ดตีนขาดยังไงเธอก็ไม่ยอมสละที่นั่งบนโต๊ะอาหาร เพื่อให้สองคนนั้นได้กินข้าวด้วยกันตามลำพังเด็ดขาด “ฉันไปตามลูกก่อนนะคะ”
“ไปเถอะ”