บทที่ 5 เท้าแพลงเป็นเหตุ

1437 Words
"ว้าย! คุณ!!.." ร่างบางร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อร่างสูงอุ้มเธอขึ้นแนบอกท่ามกลางสายตาลูกค้าในร้าน "อยู่เฉยๆ จะพาไปทำแผล" "ฉันเดินเองได้!" "อย่าดื้อ" หมอลูกครึ่งเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนอุ้มเธอขึ้นรถและพากลับมาที่โรงพยาบาลเพื่อทำแผลให้ .... และเหตุการณ์ที่ทำให้ดาราสาวรู้สึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี คือเขาอุ้มเธอเข้าโรงพยาบาลฝ่าสายตามากมายที่มองด้วยความอยากรู้และสงสัย ถึงจะผ่านกล้อง-การแสดงมาเยอะ แต่ครั้งนี้มันให้ความรู้สึกคนล่ะแบบ ไม่รู้ทำไมแต่ละออรู้สึกว่านี้เป็นครั้งแรกที่อายที่สุดในชีวิตตลอดยี่สิบเก้าปีที่เกิดมา ต่างจากหมอลูกครึ่งที่ดูนิ่งและชิวมาก ยอมใจในความเป็นทองไม่รู้ร้อนของอีกฝ่ายจริงๆ "เจ็บมากมั้ย?" "ไม่ค่ะ โอ้ย! เบาๆสิคุณ!!" ร่างบางร้องเสียงหลงและพยายามชักเท้าหนีเมื่อน้ำหนักมือที่กดบนแผลแรงขึ้น แต่เขากลับยึดขาเธอไว้แน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ นี้สรุปเขาจะรักษาให้ หรือจะทำให้เธอเจ็บมากกว่าเดินกันแน่ หมอบ้าอะไรมือหนักชะมัด "อยู่นิ่งๆ" หมอลูกครึ่งที่ทำแผลให้หันมาดุก่อนจะตั้งใจทำแผลให้เธอ ซึ่งครั้งนี้เขาเบามือกว่าครั้งแรกมาก ดาราสาวจึงเผลอมองอีกฝ่ายทำแผลให้อย่างเพลินๆ "ขอบคุณค่ะ" จู่ๆใจแกร่งเผลอเต้นแรงเมื่อร่างบางเอ่ยขอบคุณเสียงหวานกับรอยยิ้มใจละลาย ระยะห่างที่ไม่มากกับสัมผัสเรียวขาเนียนทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ได้แต่มองหน้าคนตรงหน้านิ่งๆทั้งๆที่ในหัวคิดอยากดึงเธอเข้ามาจูบให้หน่ำใจ แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ทำได้เพียงซ่อนความรู้สึกที่มีภายใต้บนหน้าเรียบเฉย "ทายาและประคบเย็นให้แล้ว อาจจะมีปวดบวมนิดหน่อยเดียวจ่ายยาให้เอากลับไปกิน ถ้าถึงบ้านแล้วก็ควรประคบเย็นสัก 10-20 นาที มันจะช่วยลดอาการบวมได้" หมอหนุ่มเอ่ยขณะเก็บอุปกรณ์ทำแผลไว้เป็นระเบียบตามเดิม "ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ทำแผลให้" ดาราสาวเอ่ยขอบคุณในความมีน้ำใจของหมอลูกครึ่ง แต่ร่างสูงกลับยืนนิ่งก่อนหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เธอ "..หรือจะเปลี่ยนจากจ่ายยาเป็นฉีดยาดี" คำพูดล่อแหลมทำละออหายใจติดขัด ก่อนจะแกล้งเสียงดังใส่อีกฝ่าย "ฉีดยาอะไรของคุณ! ฉันไม่ฉีด! ฉันกลัวเข็ม!" "หึ" หมอลูกครึ่งหัวเราะใส่หนึ่งที ก่อนเดินไปหยิบน้ำเปล่าในตู้เย็นมาให้ร่างบาง "จะว่าไป.. คุณก็ดูมีน้ำใจเหมือนกันนะคะ" ดาราสาวเอ่ยชมอีกฝ่ายทำแผลให้โดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ ตอนแรกก็นึกว่าเขาจะปล่อยผ่านไม่สนใจซะอีก "อย่าเพิ่งคิดว่าฉันเป็นคนดี ถ้ายังไม่รู้จักฉันดีพอ ละออจันทร์" คำพูดนั้นทำดาราสาวแปลกใจ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามอะไรก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ที่เขาใช้ทำงานดังขึ้น "อืม เดียวฉันลงไป" หลังรับสายเขาก็พูดไม่กี่คำ ก่อนหันมาพูดกับเธอ "รออยู่นี้อย่าไปไหน เดียวฉันรีบกลับมา" พูดจบเขาก็ออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบ ดาราสาวได้แต่มองตามทำตาปริบๆไม่เข้าใจว่าจะให้รอทำไม ในเมื่อตัวเองต้องทำงานและเธอก็อยากกลับบ้าน เพราะตอนนี้ร่างกายต้องการเตียงสุดๆ แต่สุดท้ายดาราสาวก็เลือกจะนั่งรอหมอลูกครึ่งนานถึงสองชั่วโมงแต่เขาก็ยังไม่กลับมา ในขณะที่หนังตาเธอเริ่มไม่ไหวจึงเผลอหลับไปบนโซฟาตัวใหญ่ในเวลาต่อมา -ด้านบาสเตียน- หลังจากที่เขาเคลียร์เคสด่วนเสร็จ ก็รีบขึ้นมาหาร่างบางก่อนจะเห็นว่าเธอหลับอยู่ มุมปากหยักยกยิ้มก่อนเดินมานั่งลงข้างๆร่างบาง มือหนายกขึ้นปัดปอยผมสลวยออกจากใบหน้างามอย่างเบามือ เผยให้เห็นความสวยงามยามหลับใหลของคนตัวเล็กจนเขาอดใจไม่ไหว ประทับริมฝีปากหนาบนพวงแก้มนุ่มอย่างอ่อนโยนด้วยกลัวว่าคนอีกคนจะตื่น บาสเตียนไม่อยากให้ดาราสาวตื่นกลัว เขาจึงพยายามค่อยๆเข้าหาเธอทีละนิด .... ดาราสาวลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ ก่อนจะเห็นว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องทำงานหมอลูกครึ่ง แต่กลับเป็นรถของตัวเองโดยมีเขาเป็นคนขับพาเธอมาส่งถึงที่บ้าน "ถึงแล้วทำไมคุณไม่ปลุกฉันคะ?" น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยถามหมอลูกครึ่ง ก่อนมองไปรอบๆตัวก็เห็นสูทสีเข้มห่มกายไว้อยู่ "ปลุกแล้วแต่ไม่ตื่น" ร่างบางไม่ได้พูดอะไรนอกจากถอดเสื้อสูทคืนให้หมอลูกครึ่ง แต่อีกฝ่ายกลับมองนิ่งๆไม่ได้ยื่นมือมารับกลับไป "ขอบคุณที่มาส่งนะคะ ส่วนนี้เสื้อคุณค่ะ" "ใช้แล้วก็ควรซักแล้วค่อยคืนไม่ใช่หรอ" "แต่มันก็ไม่ได้เปื้อนอะไรนี้คะ" หญิงสาวพูดพร้อมมองสำรวจเสื้อเขาโดยละเอียดอีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ พอมองหน้านิ่งๆของอีกฝ่ายก็เข้าใจว่าเสื้อมันถูกใช้แล้ว ก็คงอยากให้เธอซักแล้วเอามาคืน ตามสไตล์คนรักสะอาด "เดียวฉันเอาไปซักให้ก็ได้ค่ะ" มุมปากหนายกยิ้มพอใจ แต่มันกลับทำให้ดาราสาวใจเต้นแรงจนเธอต้องเบือนหน้าหันหนีไปอีกทาง ไม่รู้เพราะอะไร แต่รอยยิ้มนั้นมันมีอิทธิพลต่อใจเธอไม่น้อย -สามวันต่อมา- ตลอดสามวันที่ผ่านมาหมอลูกครึ่งได้แวะมาตรวจดูอาการข้อเท้าเธอทุกวัน ทำให้เรื่องที่เรา(แกล้ง)เป็นแฟนกันรู้ถึงหูพ่อแม่เธอ ในตอนแรกคุณพ่อคัดค้านไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่พอคุณแม่ดึงไปคุยเท่านั้นแหละ ปล่อยผ่านเฉยเลย เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไปคุยกันอีท่าไหน คุณพ่อขี้หวงถึงยอมให้เธอมีแฟน (ถึงจะเป็นแฟนปลอมๆก็เหอะ) แน่นอนว่าเรื่องนี้ท่านไม่รู้ "มาหาทุกวันแบบนี้ คิดถึงฉันขนาดนั้นเลยหรอคุณ" ร่างบางที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกเอ่ยแซวหมอลูกครึ่ง ส่งผลให้อีกคนนิ่งไม่ยอมตอบ "ฉันล้อเล่นนะคุณ แหม~ทำหน้าจริงจังไปได้" ดาราสาวรีบเอ่ยต่อทันที เมื่อเห็นอีกคนเงียบทำหน้าตึงใส่ หมอลูกครึ่งไม่ได้พูดอะไรทำเพียงตรวจดูข้อเท้าเธอตามปกติ ซึ่งต้องบอกว่ามันหายดีแล้วเพราะเธอสามารถใส่รองเท้าส้นสูงได้เหมือนเดิม แต่ก็ไม่เข้าใจว่าอีกคนจะมาทำไมทุกวันเพราะเธอไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องลงทุนทำขนาดนี้เลย "ไปดูหนังมั้ย" "นี้คุณชวนฉันไปดูหนังหรอ?" ดาราสาวเอ่ยทวนคำชวนของอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหู เพราะไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนเอ่ยก่อน "แล้วสรุปจะไปไหม" เมื่อเห็นท่าทีเริ่มรำคาญดาราสาวจึงรีบตอบตกลง เพราะนี้จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสให้เธอได้สังเกตุพฤติกรรมของอีกฝ่าย "ไปสิคุณ งั้นฉันขอไปเปลี่ยนชุดแปบ" พูดจบก็รีบขึ้นไปเปลี่ยนชุดทันที พร้อมในหัวนึกแผนการบางอย่างออกจึงยกโทรศัพท์หาผู้จัดการสาวทันที "พี่ตังเม พี่ช่วยติดต่อเด็กในสังกัดให้มาแสดงละครหลอกๆกับละออหน่อยสิ" [จะเอาไปหลอกใครอีกคะคุณน้อง] เสียงอ่อนใจจากผู้จัดการสาวเอ่ยขึ้น ในขณะที่ดาราสาวยิ้มนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ "เอาน่า ขอหนุ่มหน้าหวานสไตล์น่ารักตะมุตะมิน่าถะนุถนอม พอมีมั้ยพี่" [ถ้าจะเอาไทป์นั้นก็มีน้องจิน เดียวฉันเอาเบอร์น้องเขาให้แล้วเธอไปคุยเอาเองนะ] "ขอบคุณค่ะ" หลังวางสาย ละออลอบมองหมอลูกครึ่งที่นั่งอยู่ในห้องรับรองแขกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า ไปดูหนังทั้งทีจะให้ไปเฉยๆก็น่าเสียดายแย่ คุณน้าอุตสาไว้ใจให้เงินมาตั้งเยอะ เธอก็ต้องทำให้เต็มที่สิ ---ツ---
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD