บทที่1.2 ข้ากลายเป็นนางร้าย

1163 Words
บทที่1.2 ข้ากลายเป็นนางร้าย “เกิดอันใดขึ้น!” เสียงเข้มทรงอำนาจดังขึ้น เบื้องหน้าปรากฏชายวัยประมาณสี่สิบปีที่เดินเข้ามาพร้อมกับบ่าวชายติดตามอีกสี่คน “เย่วเอ๋อร์ ผู้ใดทำให้เจ้าหงุดหงิดใจบอกพ่อมา” พ่อ!หวังเฟยเฟิ่งยังไม่ทันทบทวนสถานะของอีกฝ่ายให้แน่ชัด ชายวัยกลางคนก็หันไปส่งสายตาให้บ่าวชายติดตามทั้งสี่คน ไม่เอ่ยวาจาอะไรคนทั้งสี่ก็จับบ่าวหน้าเรือนของนางที่ยังมีสติอยู่สองคนนอนคว่ำลงกับพื้น ดวงตาของหวังเฟยเฟิ่งเบิกกว้างมองแส้ที่บ่าวผู้มาใหม่ปลดออกจากเอวแล้วง้างขึ้นฟาดลงบนแผ่นหลังของบ่าวทั้งสอง “หยุดนะ!” หวังเฟยเฟิ่งเอ่ยตวาดก้อง พร้อมกับวิ่งไปผลักคนที่ลงมือทำร้ายผู้อื่นออกไป “ไม่ว่าจะเป็นการแสดงอะไร แต่ทำแบบนี้ฉันไม่โอเคด้วย” สิ้นเสียงตวาดลั่นของคุณหนูห้าแห่งจวนหลี่ เสนาบดีหลี่ผู้เป็นบิดาก็เบิกตากว้างมองบุตรีของตนด้วยความตื่นตกใจ เร่งสาวเท้าไปจับไหล่เล็กของนางแล้วเอ่ยเสียงสั่น “เย่วเอ๋อร์ เจ้า...เจ้าไม่สบายหรือ” หวังเฟยเฟิ่งเริ่มรู้สึกว่าเหตุการณ์เหล่านี้คล้ายไม่เหมือนการถ่ายทำละคร เพียงแต่จะให้นางเชื่อว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงก็เป็นอะไรที่ยากจะยอมรับเช่นกัน “ข้าเพียงปวดหัวเท่านั้น” “ปวดหัว! ตามหมอ รีบตามหมอมาดูลูกของข้า” ท่าทางห่วงใยจนเกินพอดีของคนตรงหน้าทำให้หวังเฟยเฟิ่งรู้สึกตื่นตกใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว “ยืนโง่อะไร อุ้มลูกข้าเข้าไปในห้องเดี๋ยวนี้” สิ้นคำสั่งการบ่าวชายตัวโตก็สาวเท้าเข้ามาหานาง หวังเฟยเฟิ่งถอยเท้าเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับตวัดสายตาดุ ถึงนางจะเป็นนักแสดงมาร่วมสิบปี แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครก็จะมาแตะต้องตัวนางได้ง่ายๆ “ใครกล้าแตะตัวข้า ข้าจะตัดมือทิ้ง” หวังเฟยเฟิ่งเอ่ยน้ำเสียงเด็ดขาด ในเมื่อคิดให้นางสวมบทหญิงสาวร้ายกาจนางก็ขอเล่นให้สมบทบาทสักหน่อย แววตาหวานนิ่งสงบดุดัน บ่าวชายตัวโตพลันชะงักเท้าก้มหน้าลงในทันที “เย่วเอ๋อร์ เจ้าไม่สบาย เชื่อฟังบิดาเข้าไปนอนพัก” เสนาบดีหลี่ย่อมคุ้นชินกับอาการดื้อรั้นเอาแต่ใจของบุตรี ดังนั้นจึงเอ่ยเสียงอ่อน หวังเฟยเฟิ่งยอมทำตามโดยง่าย ทว่าทั้งหมดไม่ใช่นางเชื่อฟังเขา แต่เป็นเพราะนางต้องการที่สงบๆ ทบทวนเรื่องราวเหล่านี้ต่างหาก หากเป็นการจัดฉากของรายการวาไรตี ทุกสิ่งที่นางเห็น ทุกคนที่พบเจอจะลงทุนมากเกินไปหรือไม่ หางตาหวานมองเห็นหญิงสาวคนใหม่เดินถืออ่างน้ำเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเซียว สองมือเล็กสั่นเทาน้อยๆ “เจ้า!” “คุณหนูเมตตาด้วย บ่าวผิดไปแล้ว” “หยุด! ห้ามโขกหัว” หวังเฟยเฟิ่งเอ่ยห้ามปรามดักทางเอาไว้ เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าทรุดตัวลงคุกเข่า วางอ่างน้ำลงแล้วยกสองมือขึ้นเหนือศีรษะเตรียมโค้งตัวลงโขกศีรษะ “คุณหนู...” เสียงหวานสั่นเครือ ริมฝีปากสั่นระริก สองดวงตาแดงก่ำ ท่าทางทั้งหวาดกลัว ทั้งยำเกรงเช่นนี้แม้แต่นางที่เป็นนักแสดงมายาวนานมากกว่าสิบปีก็ยังยากจะทำให้แนบเนียนได้ “เจ้าชื่ออะไร” “ชุนหรงลี่เจ้าค่ะ” “ข้าเป็นใคร ชื่ออะไร” “คะ...คุณหนู” “ตอบ!” เพียงหวังเฟยเฟิ่งเอ่ยเสียงเข้ม หยาดน้ำตาก็ไหลลงอาบสองแก้มกลมของหญิงสาวตรงหน้า มือเล็กกำกระโปรงสีซีดของตนเองแน่นเอ่ยตอบเสียงสั่นเครือ “คุณหนูห้าแห่งจวนหลี่ หลี่เหิงเย่วเจ้าค่ะ” “บิดาข้าชื่ออะไร มีตำแหน่งอะไร” “นายท่านมีนามว่าหลี่เจ๋อคุน เป็นเสนาบดีเจ้าค่ะ” หลี่เหิงเย่ว บุตรีลำดับที่ห้าของเสนาบดีหลี่ นี่มัน...บทนางร้ายในนิยายที่นางอ่านไม่จบเรื่องนั้นมิใช่หรือ “รัชทายาทเล่า...รัชทายาทชื่ออะไร” “รัชทายาทฟ่งเฟยเทียนเจ้าค่ะ” ใช่เลย! เป็นรัชทายาทเลือดเย็นผู้นั้น หวังเฟยเฟิ่งรู้สึกร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก ไม่ทันได้เอ่ยอะไรชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามา “ข้าน้อยหมอหลิง รบกวนคุณหนูห้านอนลงให้ข้าจับชีพจร” หวังเฟยเฟิ่งถอนหายใจยาว เพียงแต่นางไม่ได้เจ็บป่วยอะไร ดังนั้นเรื่องตรวจร่างกายก็ทำต่อไปเถิด “แปลกนักชีพจรก็ล้วนปกติ เหตุใดท่านจึงมีอาการปวดศีรษะรุนแรง” หวังเฟยเฟิ่งยิ้มบาง ที่ปกติก็เพราะตั้งแต่แรกล้วนไม่ได้เจ็บป่วย “เช่นนั้นข้าจะเขียนเทียบยาบำรุง ท่านให้พ่อบ้านของท่านไปจัดการต่อ กินยาเทียบนี้วันละสามมื้อเพียงสามวันก็หายดีแล้ว” “ฮะ!” หวังเฟยเฟิ่งเอ่ยเสียงตื่นตระหนก ยาที่ว่านี่คงไม่ใช่ยาต้มน้ำสีดำๆ แบบในละครที่นางแสดงใช่หรือไม่ เพียงแต่ความจริงย่อมไม่อาจหลีกหนี โชคชะตามิอาจหลีกเลี่ยง หวังเฟยเฟิ่งยังไม่ทันตั้งสติกับเรื่องที่อยู่ดีๆ นางก็กลายเป็นนางร้ายในนิยาย ยาถ้วยหนึ่งก็ถูกส่งมาเบื้องหน้า “คุณหนูกัวมามา มาถึงแล้วเจ้าค่ะ” หวังเฟยเฟิ่งได้ยินว่ามีคนมาก็เห็นทางรอดจากยาสีดำตรงหน้า รีบวางถ้วยยาลงในทันที “คุณหนูยานี่...” “เจ้าดื่มให้หมด” น้ำเสียงเด็ดขาดเย็นชาเอ่ยออกมาอย่างเยือกเย็น ในเมื่อนักเขียนแต่งแต้มให้ตัวละครนี้มีนิสัยเดิม ผู้คนหวาดกลัว เช่นนั้นนางก็ขอยืมข้อดีนี้เอาตัวรอดจากยาตรงหน้าก็แล้วกัน “แต่...” “ดื่ม!” หญิงสาวตรงหน้ายกยาในถ้วยขึ้นดื่มด้วยดวงตาแดงก่ำ หวังเฟยเฟิ่งยิ้มอย่างพึงพอใจ นางเห็นว่าหญิงสาวผู้นี้ร่างกายบอบบาง อีกทั้งยังได้ยินอีกฝ่ายไอบ่อยๆ จึงได้มอบยาบำรุงนี้ให้ ทั้งหมดล้วนเป็นความหวังดีของนางล้วนๆ “ไปหยิบชุดสีฟ้าตัวที่เก่าของข้ามาสี่ชุด” ชุนหรงลี่เดินไปเปิดหีบเก่าใบหนึ่งก่อนจะหยิบชุดสีฟ้าของคุณหนูห้าออกมา แม้จะบอกว่าเป็นชุดเก่า ทว่าเนื้อผ้ายังลื่นมือ สีสันยังสดใส ลายปักก็ยังชัดเจน “เจ้าเอาไปสองชุด อีกสองชุดมอบให้สาวใช้คนเมื่อเช้า สตรีไม่อาจให้ใบหน้ามีรอยแผลอย่าลืมทำแผลให้นางด้วย” “คุณหนูบ่าวผิดไปแล้ว” สวมใส่เสื้อผ้าเจ้านายมีโทษโบยสิบไม้ ชุนหรงลี่ได้ยินว่าคุณหนูเอ่ยมอบชุดให้นางสองชุด เท่าประกาศโทษโบยนางกับพี่สาวคนละยี่สิบไม้ “ผิดอะไรกัน ข้าเห็นชุดเก่าๆ ของพวกเจ้าแล้วรำคาญตาต่างหากเล่า รีบไปเปลี่ยนชุดแล้วมาแต่งตัวให้ข้า” “จะ...เจ้าค่ะ” ...............................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD