บทที่ 4.3 พรหมจรรย์ของผู้อื่นไยข้าต้องใส่ใจ

1162 Words
บทที่ 4.3 พรหมจรรย์ของผู้อื่นไยข้าต้องใส่ใจ “ข้างล่างผู้คนพลุกพล่าน มิสู้ท่านกับข้าไปนั่งดื่มสุราที่ชั้นบน” มุมปากของบุรุษตรงหน้ายกขึ้นเล็กน้อย ตั้งแต่แรกตัวเขาก็ต้องการหาสถานที่ปลอดคนเพื่อเจรจากับนาง ทว่าแม้จะสามารถติดสินบนคนในหอบุปผาเพื่อนัดหมายกับนางได้ หญิงสาวผู้นี้ก็ไม่ยินยอมให้พบหน้าโดยง่าย วันนี้จึงนับว่าคุณชายตระกูลซิ่วก่อเรื่องได้ถูกเวลายิ่ง “เชิญแม่นางหวังนำทาง” “เชิญนายท่านเจ้าค่ะ” หวังเฟยเฟิ่งก้มหน้าลงเล็กน้อยเอ่ยเสียงหวานละมุนเฉกเช่นหญิงงามในหอโคมเขียว ก่อนเดินนำชายหนุ่มขึ้นไปยังชั้นบนด้วยท่าทางอ่อนช้อยสะกดตา “นายท่าน...” คนติดตามด้านหลังชายหนุ่มขยับตัวมาขวางทางเขาด้วยท่าทางร้อนรน หวังเฟยเฟิ่งมองเห็นสายตาที่เป็นกังวลของคนติดตาม ก็คาดเดาได้ว่าสถานะในตำหนักอ๋องเก้าของบุรุษผู้นี้คงไม่ธรรมดา “ไม่เป็นไร พวกเจ้าเฝ้าหน้าห้องให้ดีก็พอ” มุมปากของหวังเฟยเฟิ่งยิ้มกว้างอย่างนึกขบขัน ยามที่ต้องอยู่ในห้องลับสายตาผู้อื่นตามลำพังสตรีล้วนต้องหวาดกลัวบุรุษ เห็นจะมีแต่คนเช่นหลี่เหิงเย่วกระมังที่บุรุษหวาดกลัวยามต้องอยู่ด้วยกันตามลำพังเช่นนี้ “นายท่านเชิญดื่มสุรา” ดวงตาคมมองสุราที่หญิงงามส่งให้แล้วขมวดคิ้วเข้ม กิริยาสง่างามท่วงท่าสูงส่งราวกับนางมิใช่หญิงงามในหอนางโลม แต่เป็นคุณหนูสูงศักดิ์ในห้องหอ “ขอบคุณแม่นางหวัง” “ต้องเป็นเฟยเฟยที่ควรเอ่ยขอบคุณนายท่าน หากวันนี้ไม่ได้ท่านช่วยเหลือเฟยเฟยคงถูกคนใจร้ายรังแกแล้ว” หวังเฟยเฟิ่งเอ่ยเสียงสั่น มือเรียวขยับไปวางบนหลังมือหนา ในดวงตาหวานเต็มเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง ก่อนจะมีหน่วยน้ำเอ่อคลอชวนให้รู้สึกสงสารเห็นใจ ตอนนี้หอบุปผาของนางมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือไม่น้อย ภายหน้าย่อมมีโอกาสพบเจอคนเช่นคุณชายซิ่วอีก ดังนั้นการดึงคนที่มีอำนาจมาคอยสนับสนุนค้ำจุนอยู่เบื้องหลังย่อมนับว่าเป็นวิธีการที่ดี “แม่นางหวังเอ่ยชมเกินไปแล้ว” “หอบุปผาของข้าเป็นเพียงหอนางโลมเล็กๆ จึงถูกผู้อื่นรังแก หากได้เมตตาจากนายท่านมาคอยคุ้มกันคงดีไม่น้อยทีเดียว” หวังเฟยเฟิ่งเอ่ยเสียงออดอ้อน เวลานี้นางรู้สึกว่าเลือดในร่างกายเริ่มพลุ่งพล่าน ร่างกายร้อนผ่าวไฟปรารถนาลุกโชน ทว่าโอกาสเช่นนี้มิใช่จะหยิบฉวยมาได้ง่ายๆ นางต้องเร่งคว้าคนเอาไว้เป็นทางรอดให้ตนเอง “หากนายท่านตกลง ยามที่ท่านมาเยือนหอบุปผาร้อยตำลึงแรกไม่ต้องจ่าย” มุมปากของชายหนุ่มพลันยกขึ้น ที่แท้นางชวนเขาขึ้นมาสนทนายังสถานที่ส่วนตัวไม่ใช่เพื่อตอบแทนน้ำใจ แต่เป็นหว่านล้อมให้เขาช่วยเหลือสนับสนุนกิจการของนาง ที่สำคัญยังจ่ายค่าตอบแทนเป็นการค้าของตนเอง ช่างเป็นนักเจรจาหน้าเลือดจริงๆ “ตำหนักอ๋องเก้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนนอก ทว่าหากแม่นางหวังช่วยข้าทำเรื่องหนึ่งสำเร็จบางทีเรื่องนี้ข้าอาจทบทวนดู” เสียงทุ้มต่ำที่แม้ไม่แข็งกร้าวทว่ากลับทรงอำนาจเอ่ยบอก พร้อมกับเลื่อนสายตาลงไปที่ถุงหอมข้างเอวเล็ก “ถุงหอมของแม่นางช่างคุ้นตาข้านัก” หวังเฟยเฟิ่งยังไม่ทันเอ่ยถาม มือหนาก็ออกแรงดึงรั้ง ถุงหอมที่เอวของนางก็หลุดติดมือเขามา คิ้วเรียวพลันขมวดเข้าหากันแน่น ทว่ายังไม่ทันเอ่ยตำหนิกับการกระทำของอีกฝ่าย ถุงหอมอีกใบที่มีลักษณะเหมือนกันกับของนางก็ถูกวางลงบนโต๊ะกลม “ที่แท้ก็คล้ายกับของข้านี่เอง” ดวงตาหวานมองถุงหอมที่เขาวางตรงหน้าแล้วเบิกตากว้าง นี่คือถุงหอมของนางที่หายไป เมื่อครั้งนางหนีงานสมรสไปหลบยังสำนักชีบนเขายวีซวนมิใช่หรือ เหตุใดจึงมาอยู่กับเขาได้ หรือว่า... ในใจของหวังเฟยเฟิ่งพลันร้อนรนนึกถึงเสียงสนทนาปริศนาหลังสำนักชี หากแต่พริบตาดวงตาหวานก็ซ่อนความตื่นตระหนกของตนเอาไว้ ก่อนที่ร่างเพรียวบางจะลุกขึ้นเดินมาด้านหลังเขา วางมือเรียวบนไหล่กว้างขยับตัวแนบชิดเอ่ยเสียงแหบพร่าข้างใบหูของชายหนุ่ม “ถุงหอมเช่นนี้มีเกลื่อนตลาด หากท่านชอบข้าจะให้คนไปซื้อมาให้อีกสักใบสองใบดีหรือไม่เจ้าคะ” มุมปากหยักยกขึ้น สายตามองไปที่ถุงหอมสองใบในมือ แม้จะกล่าวว่าถุงหอมสองใบนี้ลักษณะสามัญพบเจอได้ทั่วไป แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดก็พบว่ามีความซับซ้อนเฉพาะตัว ยืนยันได้ว่าผู้ลงมือปักเย็บถุงหอมทั้งสองใบต้องเป็นคนเดียวกัน “ซื้อให้ข้า ซื้อที่ใดกัน” หวังเฟยเฟิ่งขบกรามแน่นที่อีกฝ่ายยังไม่หยุดไล่ต้อน ก่อนที่มุมปากจะปรากฏรอยยิ้มหวาน พริบตาก็หมุนตัวลงนั่งบนตักกว้าง ใช้มือนุ่มไล้บนใบหน้าของเขา บุรุษให้เก่งกาจเจ้าเล่ห์เพียงใดก็ต้องแพ้ทางหญิงงาม “นายท่านอย่าเอาแต่สนใจถุงหอมนี่สิเจ้าคะ” ทว่าในจังหวะที่นางกำลังจะใช้นิ้วเรียวที่อาบยานอนหลับไล้ผ่านจมูกโด่งของเขา ข้อมือเล็กก็ถูกจับรวบเอาไว้ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น ตวัดสายตาขุ่นเคืองไม่พอใจ “อย่าแตะต้องตัวข้า!” แม้เขาจะเป็นบุรุษแต่ไม่เคยให้ผู้ใดสัมผัสตัวโดยง่าย ยิ่งแนบชิดเช่นนี้ยิ่งไม่เคยยินยอม “นายท่าน คุณชายซิ่วเจ้าเล่ห์ต่ำช้านัก เขาลอบวางยาปลุกกำหนัดข้า คืนนี้คงต้องลำบากท่านแล้ว” ใบหน้าคมขบกรามจนเป็นสันนูน มองมือเรียวอีกข้างที่ไล้ลงบนอกแกร่งของตนด้วยความไม่พอใจ “ข้าไม่ใช่นายโลม บอกเรื่องถุงหอมมาแล้วข้าจะมอบยาถอนพิษให้เจ้า” ตัวเขาเป็นบุรุษที่เติบโตมาท่ามกลางแผนการร้ายของผู้คน และเรื่องที่พบเจอเป็นประจำก็คือการถูกวางยาปลุกกำหนัด ดังนั้นยาถอนพิษตัวนี้คนสนิทของเขาจึงพกติดกายเสมอ เพียงแต่ในจังหวะต่อรองมือเรียวของหญิงสาวก็กระชากเสื้อของเขาออกจากกัน แควก! เสียงเสื้อผ้าของเขาบางส่วนขาดวิ่น เผยอกกว้างขาวเนียน ร่างกายของหวังเฟยเฟิ่งตื่นตัวเร่าร้อนเป็นทบทวี “ข้าไม่อยากกินยาถอนพิษ อยากกินท่านแก้พิษมากกว่า” .................................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD