"เอาเลือดของเธอหยดลงไป"
"เอ๋"
"หยดเดียวก็พอ" เดี๋ยว ถึงงั้นอยู่ๆมาบอกว่าให้ปาดมีดใส่มือตัวเองก็น่ากลัวนะ
"งั้น ยะ ผู้ทำนายทำให้หนูหน่อยได้ไหม"ชั้นยื่นมือให้เธอ
"เด็กคนนี้นี่ เข้าใจเเล้ว"เธอจิ้มปลายมีดลงนิ้วชี้จนเลือดซึมออกมา ชั้นก็ปาดนิ้วนั้นลงผืนหนังนั้นไปเเละก็เหมือนเดิมก็ซึมหายไปในผืนหนัง
จากนั้นผืนหนังนั้นก็ปรากฎตัวอักษรขึ้น
เอลมารีน
เผ่า เอลฟ์
อายุ 50 ปี
ทักษะ
[การต่อสู้ด้วยมือเปล่า 8] [ตัวเเทนต่างเผ่า] [เสน่ห์ 9] [ผู้อยู่เหนือห่วงโซ่อาหาร??]
สกิล
[เรียนรู้จดจำ] [สนทนาล่อลวง] [ร่างกายเหล็กกล้า (ต่ำ) ] [คำอวยพรของภูติลม] [บัญญัติใต้บัญชา]
ดูเหมือนนี้คือทักษะของชั้น
"ตัวเเทนต่างเผ่า คือยังไงงั้นเหรอคะ"ชั้นหันไปถาม
"หืม อ๋อ มันคือทักษะที่เราสามารถสนทนาเข้าใจกับเผ่าพันธุ์อื่นๆได้โดยที่พูดคนละภาษาไงละคนที่เป็นทูตที่ดีจะมีทักษะนี้"
"เเล้ว ผู้อยู่เหนือห่วงโซ่อาหาร นี่ละคะ" ชั้นชี้ไปอีกอันที่ชั้นสงสัย
"นั้นสินะ" ยายเมียร์เดินไปทางหนังสือเล่มยักษ์เเล้วเปิดมันเหมือนค้นหาอะไรอยู่ หนังสือที่จดทักษะทั้งหมดหรือเปล่านะ
"เป็นยังไงบ้างคะ" ชั้นเดินไปถามในตอนที่เห็นเธอปิดหนังสือเล่มนั้นพร้อมถอนหายใจ
"ไม่รู้"
"เอ๊ะ"
"คนที่รู้คือตัวหนูเองละนะ มันคือทักษะของหนู ไม่เเน่มันอาจเป็นสิ่งนำทางของหนูก็ได้ เเต่.. " ยายเมียร์ลูบหัวของชั้นก่อนหยิบเเผ่นหนังจากชั้นไปดูก่อนพูดต่อ
"จำไว้นะจ๊ะ ทักษะเป็นเหมือนต้นไม้ สกิลนั้นก็คือผลไม้ ทักษะอาจเป็นตัวกำหนดว่าเราทำอะไรได้บ้าง เเต่ไม่ใช่ตัวบอกว่าเราต้องทำอะไร เราต้องกำหนดชีวิตของตัวเอง จงปลูกต้นไม้ที่ออกผลตามที่เจ้าต้องการเถอะ"
"ก็คือให้เลือกเส้นทางของตัวเองสินะคะ"
"อืม คงเป็นเช่นนั้น หนูสามารถไปเป็นนักสู้จากทักษะ [การต่อสู้มือเปล่า] นักการทูตด้วย [ตัวเเทนต่างเผ่า] หรือเป็นพ่อค้าพร้อมทักษะ [เสน่ห์] ก็ได้ หรือหนูจะศึกษาลองทำสิ่งใหม่ๆก็ไม่ผิดอะไร"
"หนู อยากออกไปดูโลกกว้างคะ"
"งั้นเหรอๆ"เธอส่งคืนผืนหนังให้ชั้น
"งั้นอย่าลังเล หนูสามารถทำอะไรก็ได้ทุกอย่างบนโลกนี้"
เธอดันหลังชั้นก่อนกระซิบบอก
"เอาละ คนต่อไป เซลาฟีม" คนข้างนอกตะโกนขึ้น ทำให้ชั้นเลือกเดินออกมาขณะที่สวนกับเซล่า
"สู้ๆนะเซล่า" เซล่าก็หันมายิ้มให้ชั้นก่อนเดินเข้าไปในเต๊นท์ เเละนั้นเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่ชั้นได้เห็นจากเซล่า
.
..ซะเมื่อไหร่ละ
ในตอนค่ำหลังเด็กทุกคนได้รับคำทำนายพรเเละผืนหนังครบทุกคนเเล้ว จะมีงานฉลองที่จะก่อกองไฟขึ้นกลางหมู่บ้านเพื่อเผาผืนหนังที่เเสดงทักษะของพวกเรา เห็นว่าเดิมทีการให้คนอื่นเห็นทักษะของตัวเองเป็นเรื่องอันตรายมาก เเล้วคนที่เห็นทักษะของตนเเล้วครั้งนึงสามารถเห็นมันได้จากสิ่งที่สะท้อนภาพตัวเองได้โดยอัตโนมัติ
ในงานมีอาหารทั้งเนื้อสัตว์ย่างเเละผลไม้ เด็กคนอื่นก็นั่งกินมันบ้าง วิ่งเล่นกันบ้าง มีเเค่พวกเรา ชั้นเเละเซล่าที่มานั่งหลบมุมซะอย่างงั้น ต้นเหตุก็
เซลาฟีม
เผ่า เอลฟ์
อายุ 50 ปี
ทักษะ
[การต่อสู้ด้วยมีดสั้น 10] [มองทะลุ 5] [สายสัมพันท์ภูติ] [ต่อสู้ด้วยธนู 2]
สกิล
[มองจุดอ่อน] [พันธะภูติ] [ฟันต่อเนื่อง] [เข้าประชิด] [พุ่งฟัน] [อำพรางตัว] [เสริมระยะคมมีด] [กลับสู่มือ]
ใช่มันคือทักษะของเซล่า เเล้วที่ทำให้เซล่านั่งคอตกอยู่นี่ เพราะดูเหมือน [ต่อสู้ด้วยธนู] เป็นผลจากที่เธอฝึกใช้ธนูจนถึงตอนนี้ กลายเป็นว่าเธอไปฝึกในสิ่งที่ตนไม่มีทักษะตั้งเเต่เเรกเเละดูเหมือนที่เธอน่าจะใช้ได้ดีจริงๆคือ มีดสั้น ที่เธอคิดไว้เเค่เอามาสำรองชะอย่างงั้น สกิลที่มีก็ดูเหมือนจะเป็นการเสริมให้กับ [การต่อสู้ด้วยมีดสั้น] อย่างชัดเจนเลย
"เอาน่า อย่างน้อยเธอก็ได้ทักษะต่อสู้นะ" ชั้นพยายามพูดให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง
"งื้อ เเต่ถึงอย่างงั้นชั้นไม่เคยใช้มีดสั้นจริงจังเลย" เอาจริงๆตอนซ้อมก็เอะใจอยู่เหมือนกันว่าเซล่าน่าจะถนัดมีดสั้นมากกว่า เพราะชั้นรับมือเซล่าได้ยากขึ้นเมื่อเธอหยิบมีดขึ้นมาใช้
"เอาน่า นี่ชั้นไปหยิบอาหารมาให้เเล้วมากินกันเถอะ" ชั้นคว้าจานไม้ข้างตัวออกมาที่มีทั้งเนื้อย่างเเละผลไม้อัดอยู่ในจานเดียว เซล่าฟีมหยิบผลไม้ที่เป็นลูกเล็กไปเคี้ยว เเต่ก็ยังทำท่าซึมๆอยู่ นี่ชั้นทำอะไรให้ได้บ้างนะ
ขณะนั้นเอง ก็มีเงาคนเดินเข้ามาหาเรา นั้นก็คือ คุณมาธา
"ไง เอลมารีน เซลาฟีม หาซะตั้งนานเลย"
"หาพวกเรา?"
"ใช่เเล้วละ เเล้วนี่พวกเธอได้เผาเเผ่นหนังเเล้วหรือยัง"
"ยังคะ" ชั้นว่าก่อนคว้าผืนหนังสองอันขึ้นมา
"เอ่อ ขอชั้นดูหน่อยได้ไหม"เธอว่า
"หมายความว่า..คุณจะสอนพวกเราเเล้วหรอ"
"ใช่ อืม เป็นอย่างที่คิดจริงด้วย" เธอพึมพำขึ้นหลังรับเเผ่นหนังของเรามาดู
"เซลาฟีมถนัดมีดสั้น มากกว่าจริงซะด้วย" ดูเหมือนเธอเองก็รู้สึกได้
"งั้น หลังจบงานนี้มาพบชั้นที่เต็นท์ประจำของเรานะ"เธอว่าก่อนคืนผืนหนังกลับมา เเละเดินจากไป
ทำเอา พวกเรามองหน้ากันเลยเพราะนี่ถือว่าสิ่งที่พวกเราหวังเอาไว้ที่จะอยากได้คำเเนะนำจากคุณมาธา
หลังจบงานในช่วงดึก พวกเรามารวมตัวกันอยู่ที่ลานฝึกในทันที
"เอาล่ะอย่างเเรกเลยชั้นมีอะไรจะให้" คุณมาธาเอากล่องไม้ขนาดกลางๆสองกล่องมาวางตรงหน้า กล่องนึงเธอยื่นให้ชั้น ข้างในนั้นคือ ถุงมือหนังเเละรองเท้ายาวเหมือนรองเท้าบู๊กที่ดูก็รู้ว่าทำอย่างประณีต กล่องอีกกล่องนั้นคุณมาธายื่นให้กับเซล่า พอเซล่าถือขึ้นมาก็เป็นถุงมือหนังที่ส่วนล่างของเเขนจะมีเหมือนท่อนไม้เล็กๆอยู่บนนั้นด้วย
"เซล่าฟีม สิ่งนี่เรียกว่า ถุงมือโบวกัน"
"ถุงมือโบวกัน?"พวกเราเเทบจะพูดพร้อมกันจนทั้งชั้นเเละเซล่าต้องหันมามองหน้ากันเเล้วหัวเราะคิกคัก
"หนูลองสวมดูสิ" เซล่าลองสวมดูเเล้วตามที่เธอว่า
จากนั้นคุณมาธาก็บิดท่อนไม้เล็กตรงท่อนเเขนของถุงมือเป็นเเนวนอนทันใดนั้น ไม้เล็กๆนั้นก็เด้งออกเป็นไม้ยาวทรงโครงธนูสั้นๆ เเละสายธนูก็ปรากฎมายึดกับปลายธนูเเต่ละด้าน
"เอ๊ะ มันเป็นไปได้ยังไงเนี่ย"ชั้นตื่นตามากเลยละ จากไม้เล็กๆขนาดเท่าฝ่ามือขยายออกเป็นไม้ยาวกว่าสองเท่าของขนาดเดิมได้เลยนะนั้นเเถมมีสายธนูยึดให้เสร็จสรรพ
"มันคืออาวุธคืนรูปไงละ"
"อาวุธคืนรูป?"
"มันเป็นอุปกรณ์พิเศษ ที่มีเเต่ช่างฝีมือระดับชั้นหนึ่ง เท่านั้นที่ทำได้ ชั้นมีเพื่อนอยู่ เลยขอให้ทำให้" คุณมาธาจับคันธนูบิดอีกครั้งในด้านระนาบกับเเขน โครงธนูนั้นก็หดเล็กเป็นท่อนไม้สี่เหลี่ยมเหมือนเดิม
"เธอเองก็คงไม่ตัดใจเรื่องใช้ธนูใช่ไหมละ ฝึกใช้มันให้คล่อง มันต้องมีประโยชน์กับเธอเเน่ๆ" ในตอนนี้เซล่ายิ้มจนเเก้มปริเลยก็ว่าได้ เธอลองบิดไม้ซ้ำไปมา ดูสนุกเธอเลยละ
"เเล้วก็เอลมารีน"คุณมาธาหันมาทางชั้น
"คะ"
"ลองสวมถุงมือเเละรองเท้าของเธอดูสิ" ชั้นสำรวจมันดูสักพักเเต่ก็เท่าที่เห็นดูเหมือนถุงมือกับรองเท้าหนังธรรมดาเเต่ชั้นก็สวมมันอย่างเธอว่า
"ลองกำมือทั้งสองข้างนานๆสักพักนึง ดูนะ" ชั้นลองกำมือดูอย่างว่า พอกำนานสักพักนึง ปรากฏเส้นหนังโผล่มาพันครอบทั้งเเขนเกือบถึงศอก รองเท้าเองก็มีเส้นหนังโผล่มาพันช่วงหน้งเเข้งจนเกือบถึงหัวเข่า เเต่มันพันเเน่นไปจนรู้สึกเจ็บหน่อยๆเลย
"เป็นไงบ้าง" คุณมาธาถามขึ้น
"ก็ดีคะ เเต่เหมือนจะพันเเน่นไปหน่อย"
"อืมเดี๋ยวใช้บ่อยๆมันก็ปรับตามขนาดตัวผู้ใช้เอง"
"สิ่งนี้เรียกว่าอะไรหรอคะ"
"เกราะหนังพันทนาการ" ชื่อดูน่ากลัวชะมัดเลย
"ชื่อดูน่ากลัวจังเลยคะ"
"ก็นะ มันเป็นเเบบดัดเเปลงอีกทีน่ะ ที่จริงมันจะรัดตัวผู้สวมทั้งตัวจนขยับไม่ได้เลยละ" เธอพูดมันออกมาง่ายๆเลยนะนั้น พอชั้นทำท่ากังวลเธอก็เลยบอกชั้นต่อ
"มันดัดเเปลงไว้เเล้ว รับรองได้เลยว่าปลอดภัย เเถม "สิ้นคำคุณมาธาก็ชักง้างดาบฟันมาที่เเขนที่มีเส้นหนังพันอยู่จนชั้นไม่ทันตั้งตัว เเต่กลายเป็นว่าฟันไม่เข้าเส้นหนังเลยเเม้เเต่น้อย
"มันทนกับการเฉือน ผ่าได้ดีเลยละ ทั้งยังมีต้านเวทอ่อนๆอยู่ทำให้สามารถปัดเวทโจมตีระดับต่ำส่วนใหญ่ได้ด้วย" เธอพูดพลางชักดาบเข้าฝัก
"สุดยอดเลย"ชั้นพลิกเเขนไปมาชื่นชมสายหนังบนเเขน
"ของที่ชั้นจะให้ก็มีเท่านี้ละ"คุณมาธาว่า
"เอ๊ะ คือเราอยากได้คำเเนะนำจากคุณมาธาเรื่องเกี่ยวกับโลกภายนอกคะ"เซล่าว่า
"งั้นเหรอ เเน่นอน ได้อยู่เเล้ว"
"เเล้วก็เรื่องการฝึก.."ชั้นว่าบ้าง เเต่มือคุณมาธาก็ยกขึ้นมา
"อ่า ขอโทษนะชั้นไม่ได้มีทักษะ [ฝึกสอน] หรอก เเต่ชั้นสามารถบอกได้ว่าการฝึกไหนน่าจะเหมาะกับพวกเธอ ชั้นยินดีเเนะนำพวกเธอนะ"
"คะ ขอบคุณนะคะ" เเค่นี้ก็เพียงพอเเล้ว
"อ่อ เเล้วก็อีกอย่าง มาเรีย รอเธออยู่นะเอลมารีน" มาเรีย ก็คือเเม่ของชั้นในโลกนี้ เเม่มีอะไรหรือเปล่านะ หรือว่า..
จะมาคัดค้านการฝึกการต่อสู้หรือการจะออกไปนอกหมู่บ้านหรือเปล่านะ จนถึงตอนนี้เธอไม่ได้ว่ากล่าวอะไรชั้นนัก เเต่จากที่เราอยู่ร่วมกันก็ทำให้ชั้นนับถือว่าเธอคือเเม่ที่ดีคนนึง เธออาจจะกังวลเรื่องอันตรายต่างๆที่เราจะพบเจอก็ได้
ระหว่างที่ชั้นคิดเรื่องราวปะติดประต่อกัน ชั้นก็มาหยุดอยู่ที่หน้าต้นไม้ใจกลางหมู่บ้าน ตรงนั้นมีเอลฟ์ร่างสูง ผมสีเหลืองทอง นัยส์ตาสีเขียวมรกต ยืนอยู่ใต้ร่มเงาที่สะท้อนกับเเสงจันทร์สีซีดบนท้องฟ้า เธอที่เห็นชั้นก็ทักเเละเดินมาหาชั้นทันที
"เอลมารีน~" เธอตะโกนขึ้นพร้อมผายมือยื่นมาทางชั้น เป็นสัญญาณที่เรารู้กัน ชั้นเดินเข้าไปในอ้อมเเขนก่อน ทั้งสองเเขนนั้นจะมอบอ้อมกอดที่เเน่นจนหน้าชั้นจมเข้าไปในก้อนเนื้อสองอันนั้น
"เดี๋ยว เเม่ พอก่อน"ชั้นมุดออกมาจากก้นลึกนี่มาหายใจ ก่อนที่ตาชั้นจะไปสบกับสายตาของเธอ
"เเม่คิดถึงหนูมากเลย"
"เราก็พึ่งเเยกกันเมื่อเช้าเองนี่คะ"
ชั้นดันตัวออกจนหลุดจากอ้อมกอดนั้นได้ เธอเลยเลิกตื้อก่อนจับมือชั้นพามานั่งบนรากของต้นไม้ใหญ่เบื้องหลัง
"เเล้ว..หนูจะทำอะไรต่อจากนี้จ๊ะ" อยู่ๆก็เข้าประเด็นเลยหรอ ถึงจะเห็นหน้ายิ้มอย่างนั้นเเต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรในใจอยู่
"หนูอยากออกเดินทางคะ"ชั้นก้มหน้าก้มตาไม่เเม้เเต่จะเงยหน้ามองคนตรงหน้า สถานการณ์นี้ทำเอา ย้อนนึกถึงตอนที่ชั้นเเอบไปฝึกที่ค่ายมวยของอาจารย์เเล้วมาโดนจับได้ทีหลังเลย
"ว่ายังไงนะจ๊ะ" คำพูดเดียวทำชั้นสันหลังวาบเลย ตั้งเเต่ที่เรามาเกิดใหม่ในการดูเเลของเธอเราก็มีความรู้สึกที่ดีต่อกันมาตลอดในสถานะเเม่ลูก เธอดูเเลเราอย่างดี อาจจะมีโดนตำหนิ สั่งสอนกันบ้าง เเต่เราก็พูดได้เต็มปากว่าเรารัก เเละเครพเธอดังเเม่คนนึง เเล้ว..เรื่องครั้งนี้อาจทำให้เราทะเลาะกันเลยก็ได้
"คือ.หนู.." ชั้นยังก้มหน้าอยู่ ปากหนักอึ้งจนพูดไม่เป็นประโยค น้ำตาเริ่มเล็ตออกหางตา ในตอนนั้นมือของเเม่ก็ประกบที่สองเเก้มของชั้นดันหน้าของชั้นให้เชิดขึ้นมาประสานตากับคนตรงหน้า ที่ตอนนี้จับจ้องมาทางชั้นด้วยสายตาที่เเน่วเเน่ ที่จะฟังเสียงทุกสิ่งอย่างที่เราพูดออกไป
"หนู..อยากออกเดินทางคะ ไปเห็นโลกใบนี้ที่หนูอยู่"ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเเต่เเค่ประโยคนี้มันหนักหนาสำหรับชั้น ไม่กล้าพูดมันออกไปตั้งเเต่เเรก อาจจะเป็นความคิดเเง่ลบต่างๆที่ชั้นคิดไปเองหรืออาจเกิดขึ้นในไม่กี่วิ นี่ก็ได้ ชั้นได้เเต่หลับตาเผื่อใจไว้กับคำพูดปฎิเสธจากคนตรงหน้าเเต่สิ่งที่ได้ยินก็ดึงชั้นให้ต้องเปิดตามองคนตรงหน้าอีกครั้ง
"เรื่องที่ตัดสินใจเเล้วน่ะ เชิดหน้าเเล้วพูดออกมาสิ"
"เเต่ คือเเม่"
"ก็จริงที่มันฟังดูอันตรายนะกับสิ่งที่ลูกเลือกทำ เเต่ลูกจะบอกว่า จะไม่ทำมันถ้าเเม่ว่าไม่ดีหรอ"
"หนูว่า เเม่ต้องมีเหตุผลในการทำเเบบนั้น"
"..จุดอ่อนอย่างเดียวของลูกเเม่คือ ความคิดเยอะของลูก หนูจะคิดถึงเเง่มุมมากมายจากเเค่ประโยคหรือการกระทำเดียว เเม้ชั่วครู่ที่หนูลังเลก็ทำให้หนูพลาดอะไรไปเเล้วนะจ๊ะ"
.
.
ไม่ว่าจะเป็นเเม่คนไหนก็อ่านชั้นขาดไปซะหมด ประโยคที่ได้ยินซ้ำๆไม่ว่าจะโลกไหนๆเหมือนดึงเอาตัวชั้นจากโลกเดิมมาสิงสู่ สาววัย30กว่าที่เป็นคนที่พึ่งพาได้ของคนรู้จัก เเละยืนด้วยลำเเข้งตนเองมานับ10ปี... หลงนึกว่าตนเองเป็นเด็กไปซะเเล้ว
"ชั้นอยากออกเดินทางไปรู้จักโลกใบนี้คะ"เสียงดังชัดที่ตัดผ่านความมืดกับเเสงจันทร์ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรความมุ่งมั่นของชั้น ถูกตอบกลับด้วยหน้ากลั้นขำก่อนจะไม่ไหวจนขำออกมาจากคนตรงหน้า
"ขอโทษที นี่สิถึงจะเป็นลูกเเม่"เเม่ยืดเเก้มชั้นไปมาก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมเดินออกมาจากที่เรานั่งอยู่ มายืนตรงหน้า
"งั้น คำตอบของเเม่ก็คือนี่.."
ยามกลางคืนใต้ต้นไม้ยักษ์กลางหมู่บ้าน สาวเอลฟ์เรือนผมสีเหลืองทองได้ถูกอ้อมล้อมด้วยเหล่าเเมลงหลากสี เเต่งเเต้มสีสันในคืนสงัดให้สว่างไปทั่วบริเวณ...
----------------------------------------