บทนำ
บริษัท อรุณ ซีซเท็ม จำกัด
ตื๊ดดด
“อีกสามก้าวฉันจะถึงห้องทำงานแกแล้วยัยนริน”
[เดี๋ยว!]
“เฮ้ย!”
ปัง!
พิมพ์พัชรปิดประตูห้องทำงานของนรินดาลงอย่างรวดเร็ว หันกลับมาอีกทีก็เจอกับเพื่อนรักที่เธอตั้งใจจะแวะมาหาเพื่อขอติดรถกลับคอนโดด้วย ซึ่งควรจะเป็นคนที่นั่งอยู่ในห้องทำงานเมื่อครู่ แต่มันน่าจะมีความเข้าใจผิดอะไรกันบางอย่าง เพราะนรินดาวิ่งกระหืดกระหอบมาจากทางไหนไม่รู้ ยืนหอบหายใจเสียงดัง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกดหน้าอก ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์ที่คุยกับเธอค้างอยู่เมื่อครู่
“ทำไมไม่เคาะประตู”
น้ำเสียงทุ้มเข้มของคนที่เพิ่งจะเปิดประตูออกมาทำเอาพิมพ์พัชรกัดฟันแน่น แยกเขี้ยวใส่นรินดาไปทีหนึ่งอย่างเอาเรื่อง
ทำไมถึงไม่เตือนเธอให้เร็วกว่านี้สักหน่อย เธอจะได้ไม่ต้องเปิดเข้าไปเห็นภาพที่ไม่ควรจะเห็น
“ขอโทษค่ะ พิมพ์คิดว่ายัยนรินอยู่ในห้อง ไม่คิดว่าจะเป็นเฮีย”
ยกมือไหว้ขอโทษ ‘เพียงคุณ’ ไปตามระเบียบ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายของนรินดา อีกทั้งยังเป็นผู้บริหารของที่นี่ แม้ในใจจะแย้งเสียงดังว่านี่มันห้องทำงานของนรินดา หรือต่อให้ไม่ใช่ ไอ้สิ่งที่เธอเห็นว่าเขาทำเมื่อครู่ก็ไม่ใช่เรื่องสมควรเกิดขึ้นในที่ทำงานสักหน่อย แต่เถียงไปเธอก็น่าจะแพ้อยู่วันยังค่ำ
สีหน้าของเพียงคุณดูไม่ค่อยเต็มใจรับคำขอโทษจากเธอสักเท่าไร กระทั่งผู้หญิงที่เธอเห็นว่านั่งอยู่บนตักของเขาเมื่อครู่เดินตามออกมา
“เรากลับก่อนนะคุณ”
“อืม”
แม้จะก้มหน้าแต่ก็อดจะลอบมองสักหน่อยไม่ได้ เห็นพวกเขายิ้มให้กันแล้วเธอก็ต้องเบะปากเพราะรู้สึกหมั่นไส้
“ยังไงคืนนี้เราโทรหาอีกทีแล้วกันนะ”
“อืม”
พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไง?
พิมพ์พัชรนึกสงสัยในใจ ก่อนจะหันไปมองนรินดาที่ยื่นมือมากระตุกชายเสื้อเธออยู่หลายที
“แกเห็นอะไรในห้องวะ”
“เห็น...”
“นริน”
“คะพี่เฌอ”
พิมพ์พัชรไม่ทันได้ตอบ นรินดาก็ถูกเรียกเสียก่อน ดูท่าว่านรินดากับผู้หญิงที่เดินตามเพียงคุณออกมาจะรู้จักกันมาก่อน
“พี่ฝากความคิดถึงไปถึงคุณตากับน้าทิพย์ด้วยนะ”
“ได้ค่ะ”
นอกจากรู้จักกับนรินดาแล้ว ยังรู้จักไปถึงคุณตากับนรินทิพย์ แม่ของนรินดาอีกด้วย บางทีอาจเป็นความสนิทสนมกันในระดับครอบครัว
รอจนผู้หญิงคนนั้นเดินออกไปพิมพ์พัชรถึงได้ลอบถอนหายใจ แต่พอเธอมองกลับไปที่เพียงคุณอีกครั้ง ก็ต้องกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติอีกรอบ ค่อยๆ เหลือบมองนรินดาที่ยื่นมือมาจับมือเธอเมื่อครู่เพื่อรอสัญญาณ พอรู้สึกว่ามีแรงกระชับที่ฝ่ามือปุ๊บก็พากันวิ่งทันที
“หยุด!”
วิ่งกันได้คนละสามก้าวถ้วนก็ต้องพากันเบรกตัวโก่ง
เป็นนรินดาที่ค่อยๆ หันกลับไปมองเพียงคุณที่ยืนหน้านิ่งยกมือขึ้นกอดอกอยู่ด้านหลัง ในขณะที่พิมพ์พัชรแสร้งมองไปทางอื่น
“พิมพ์”
“คะ”
หัวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เมื่อถูกเรียกเสียงเข้มราวกับว่าเธอทำความผิดอะไรเอาไว้
“เมื่อกี้นี้มันไม่มีอะไรแบบที่เราคิด”
พิมพ์พัชรขมวดคิ้วใส่ ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าเขาหมายความว่าอย่างไร
“ยัยนริน”
หันมาแอบถามนรินดาสักหน่อยก็แล้วกัน เผื่อพี่น้องกัน จะเข้าอกเข้าใจกันมากกว่าเธอ
“อะไร”
“เมื่อกี้เฮียแกหมายความว่ายังไงวะ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ นี่ฉันยังไม่รู้เลยว่าแกเห็นอะไรในห้อง”
“เห็น...”
“แค่อุบัติเหตุ” เพียงคุณพูดแทรกทั้งยังส่ายหัวไปมาไม่หยุด สีหน้าดูหงุดหงิดที่พวกเธอสองคนกล้าที่จะซุบซิบนินทาเขาต่อหน้าต่อตา พูดจบก็เดินออกไปด้วยท่าทีหัวเสีย พาให้นรินดาขมวดคิ้วอีกคน
“อุบัติเหตุอะไรวะ”
“อุบัติเหตุรักมั้ง ขย่มกันกลางห้องอย่างนั้น”
“ขย่มกัน!” นรินดาเบิกตาโพลง ตะโกนเสียงดังลั่นจนพิมพ์พัชรต้องรีบยกมือขึ้นปิดปาก เพราะถ้าหากมีคนอื่นเดินมาได้ยินเข้า คนซวยคงไม่พ้นเธอแน่ๆ
“แกจะเสียงดังทำไมยัยนริน อยากให้เฮียคุณเดินกลับมาบีบคอฉันหรือไง”
“ก็แกบอกว่าเฮียคุณกับพี่เฌอขย่มกันไม่ใช่เหรอ ฉันก็ตกใจน่ะสิ”
“ฉันอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้” พิมพ์พัชรแก้ต่างตะกุกตะกัก
“บ้าจริง นี่มันห้องทำงานฉันนะโว้ย ไอ้เฮียนี่!”
“ใจเย็นๆ น่า บอกแล้วไงว่าฉันอาจจะตาฝาด”
“ไม่ได้ ยังไงฉันก็ต้องไปถามให้รู้เรื่อง แกไปรอที่รถเฮียคุณเลย เดี๋ยวฉันตามไป เขาน่าจะกำลังไปเก็บของอยู่”
“แล้วทำไมฉันต้องไปที่รถเฮียคุณ”
“ฉันยังไม่ได้บอกแกหรอกเหรอว่าวันนี้ฉันไม่ได้ขับรถมา”
“อ้าว” พิมพ์พัชรหน้าเหวอ
“เอาน่า รถใครก็ส่งแกกลับถึงคอนโดเหมือนกัน ไปๆ ฉันรีบไปจัดการเฮียแป๊บแล้วจะรีบตามไป” นรินดาดันหลังพิมพ์พัชรให้เดินนำออกไปก่อน ส่วนเธอรีบเดินย้อนกลับไปที่ห้องทำงานของเพียงคุณเพื่อถามให้รู้เรื่อง
พิมพ์พัชรจะกลับตัวตอนนี้ก็ไม่ได้เสียแล้ว คงต้องโทษตัวเองที่ไม่ได้ถามนรินดาให้เคลียร์ก่อนตั้งแต่แรก
“อ้าว เฮียไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงานหรอกเหรอคะ ยัยนรินมันเดินไปหาเฮียที่ห้องทำงานน่ะ”
เดินมาถึงรถก็เจอเจ้าของรถที่น่าจะเพิ่งเดินมาถึงก่อนเธอไม่นานกำลังเก็บของที่ท้ายรถอยู่พอดี
“นรินบอกว่ารถเราเสียอีกแล้วเหรอ”
หันมามองเธอด้วยสีหน้าเอือมระอาแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายถามเธอหน้าตาเฉย แต่คำถามของเธอ เขาดันไม่ยอมตอบ
“ค่ะ เพิ่งโทรให้ช่างที่ศูนย์มารับไปเช็กให้เมื่อเช้า”
“แล้วเราไปทำงานยังไง”
“ให้พี่ที่ทำงานแวะมารับค่ะ พอดีเป็นทางผ่าน”
ตื๊ดดด
โทรศัพท์มือถือของพิมพ์พัชรดังแทรก เธอรีบหยิบมันออกมาจากกระเป๋าด้วยท่าทีกระตือรือร้น แต่ทันทีที่เห็นชื่อคนปลายสายบนหน้าจอ เธอกลับแยกเขี้ยวใส่โทรศัพท์
นึกอยากจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียง แต่เพียงคุณที่เก็บของท้ายรถเสร็จหันมาเห็นพอดี สายตาเขาดูมีความสงสัย สมกับความเป็นเครื่องจับเท็จเคลื่อนที่อย่างที่เธอตั้งฉายาให้
“สวัสดีค่ะพี่ภักดิ์”
จนแล้วจนรอดพิมพ์พัชรก็ต้องรับสายเพื่อตัดปัญหา ก่อนจะเดินมาขึ้นรถเพราะเพียงคุณเดินนำไปก่อนแล้ว สตาร์ตรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำรอนรินดาที่น่าจะกำลังเดินลงมา ส่วนเธอนั่งประจำที่เบาะด้านหลัง
“อะไรนะคะ”
เสียงสูงๆ ของเธอทำให้เจ้าของรถเหลือบมอง
“เฮีย...”
“ชู่” เพียงคุณส่งสัญญาณให้นรินดาเงียบลง สายตาเหลือบมองไปทางพิมพ์พัชรที่เริ่มมีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นรินดาจึงขึ้นรถมาเงียบๆ ก่อนที่เขาจะออกรถทันที
“วันนี้ไม่ว่างค่ะ พิมพ์ทำโอ ยังไม่รู้จะเลิกกี่โมง”
สองคนหน้ารถมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พิมพ์พัชรจะทำโอได้อย่างไรในเมื่อตอนนี้เธอนั่งอยู่บนรถและกำลังจะกลับคอนโด
“พรุ่งนี้ก็ไม่ว่างค่ะ มีประชุมทั้งวัน ช่วงเย็นต้องพาลูกค้าไปเลี้ยง”
ตุ้บๆ
นรินดาสะดุ้งตัวโยนเมื่อพิมพ์พัชรทุบกำปั้นลงบนเบาะรถสองสามที มองหน้ากันเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างที่เพียงคุณส่ายหัวรอ แม้จะยังไม่รู้ว่าคือสัญญาณอะไร
“พิมพ์ยังไม่สะดวกค่ะ”
ตุ้บ!
“งานที่พี่สั่งเรียบร้อยดีไหมพิมพ์” นรินดายกมือขึ้นป้องปากแล้วแสร้งตะโกน
“เสร็จแล้วค่ะ ป้ามะยมมาตามหางานแล้วค่ะพี่ภักดิ์ แค่นี้ก่อนนะคะ บาย” พิมพ์พัชรรีบตัดบทแล้ววางสายทันที โยนโทรศัพท์ทิ้งลงจากมือราวกับเป็นของร้อน
“ชาติที่แล้วตายคาเล้าไก่หรือไง ชาตินี้ถึงได้จิกเก่งขนาดนี้”
พิมพ์พัชรบ่นอุบพลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เพียงคุณถึงกับต้องเหลือบมองอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในรถซึ่งก็ยังปกติดี
“ใครวะ”
“จะใครเสียอีกล่ะ”
“แล้วใครเสียอีกนี่ใคร”
ไหนๆ ก็ได้ยินมาตั้งแต่ต้นแล้ว เพียงคุณจึงอดจะถามสักหน่อยไม่ได้ สังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าพิมพ์พัชรดูไม่ค่อยอยากจะรับสายสักเท่าไร
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“ไม่มีอะไรได้ยังไงวะ” นรินดาที่ยังไม่รู้ว่าใครเหมือนกันถามงงๆ เพราะไอ้ ‘ใครเสียอีก’ ของพิมพ์พัชรนี่มันมีความเป็นไปได้ตั้งหลายคน
“ชื่อภักดิ์น่ะ”
“เฮีย!” พิมพ์พัชรโวยวายเสียงดังเมื่อเพียงคุณเกริ่นนำ เพราะแค่นี้ นรินดาก็น่าจะรู้แล้วว่าเมื่อครู่เธอคุยโทรศัพท์กับใคร
“อ้อ คุณหมอจิรภักดิ์คนดีคนเดิมของน้องพิมพ์พัชรนี่เอง”
ตุ้บ!
น้ำเสียงกระแนะกระแหนของนรินดาทำให้พิมพ์พัชรอยากจะทุบเบาะรถให้พังเสียเหลือเกิน
“ใครคือคุณหมอจิรภักดิ์คนดีคนเดิม”
บนรถคันนี้เหลือแค่เพียงคุณที่ยังไม่รู้จัก ‘จิรภักดิ์’
“ผัวในอนาคตของยัยพิมพ์ค่ะเฮีย”
“อ้อ อยากมีผัวเป็นไก่”
“ฮ่าๆๆ” นรินดาหัวเราะเสียงดังจนพิมพ์พัชรต้องยื่นมือไปผลักหัวแรงๆ ทำเอาหน้าทิ่ม
“ใครจะอยากมีผัวเป็นไก่ล่ะเฮีย แกก็เหมือนกันยัยนริน ไม่ต้องขำเลย ช่วยฉันหาวิธีไล่ไก่เดี๋ยวนี้” พิมพ์พัชรเริ่มจะหงุดหงิด
“แล้วแกจะให้ฉันช่วยอะไร แกยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าตกลงเขาโทรมาจิกแกเรื่องอะไร แล้วฉันจะช่วยถูกไหม”
“ก็จะอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่ชวนกลับไปกินข้าวที่บ้าน ใครจะโง่กลับ”
“กลับไปกินข้าวที่บ้านต้องโง่ด้วยเหรอ” เพียงคุณแสร้งถาม ทั้งที่พอจะคาดเดาเค้าโครงเรื่องได้ประมาณหนึ่ง
“ถ้าแค่กินข้าวก็ไม่โง่ค่ะ แต่มันจะไม่แค่นั้นน่ะสิคะเฮีย นี่หายหน้าหายตาไปสักพัก คิดว่าได้ดีมีลูกมีเมียแล้ว ไม่รู้คราวเคราะห์หรือเวรกรรมอะไรของพิมพ์ อยู่ๆ คิดจะมาก็โผล่กลับมาเฉย”
“เขาไม่หล่อหรือไง”
“หล่อค่ะ แต่เฮียไม่เข้าใจคำว่านิสัยเหมือนไก่เหรอคะ พิมพ์อยากมีผัวค่ะ ไม่ได้อยากมีนาฬิกาปลุกส่วนตัวที่โทรมาทุกครึ่งชั่วโมง” พิมพ์พัชรหันไปดึงหน้าใส่เสียเลย รู้ตัวอีกที บทสนทนาบนรถก็กลายเป็นเรื่องของเธอไปเสียแล้ว
“ก็แล้วทำไมไม่บอกเขาไปตรงๆ ล่ะว่าไม่ชอบ”
“ยัยพิมพ์มันพูดจนปากจะฉีกแล้วเฮีย รายนั้นสนใจเสียที่ไหน ยึดมั่นในหลักการตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก ยัยพิมพ์ถึงขนาดขู่จะหนีไปทำงานที่เมืองนอกมาแล้ว แต่เฮียรู้ไหมว่าคุณไก่เขาทำยังไง”
เพียงคุณส่ายหัวแล้วรอฟังคำตอบ
“ลิชรายชื่อบริษัทที่มีความมั่นคงในต่างประเทศมาให้มันเลือกพร้อมกับตารางเที่ยวบิน วางแผนอนาคตมาให้มันเรียบร้อยว่าตัวเขาจะลาพักร้อนช่วงไหนบ้างจะได้บินไปหามัน”
พิมพ์พัชรกลอกตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูท่าทางว่าเธอคงต้องคิดหาวิธีหลีกหนีจากจิรภักดิ์อย่างจริงจังเสียแล้ว
“ถ้าเป็นเฮียๆ จะทำยังไงคะ”
ถือโอกาสปรึกษาเพียงคุณตรงๆ เสียเลย เผื่อว่าเขาจะมีความคิดดีๆ เพราะเธอกับนรินดาคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้ว ลองมาหมดทุกวิธีแล้วแต่ไม่ได้ผล
“หมายถึงอะไร”
“ก็ถ้าสมมติว่ามีผู้หญิงมาตามตื๊อเฮียจนน่ารำคาญ ไล่เท่าไรก็ไม่ไปน่ะสิคะ เป็นประเภทแยกความดีกับความรักไม่ออก คิดแต่ว่าตัวเองเป็นคนดีแล้วผู้หญิงจะรักน่ะค่ะ” พิมพ์พัชรอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเผื่อเพียงคุณจะใช้ประกอบการพิจารณาแล้วมีความคิดดีๆ
“อ้อ ไอ้เรื่องหาแฟนมาควงบังหน้านี่เลิกคิดไปเลยนะเฮีย พิมพ์เล่นมาสองรอบแล้ว”
เพียงคุณถึงกับกลอกตาพร้อมกับถอนหายใจ
“คิดออกแล้วๆๆๆ”
“โอ๊ย คิดอะไรออกแกก็พูดมาเลย เสียงดังทำไม หูจะหนวก”
“ก็ถ้าแผนมีแฟนหลอกไม่ได้ผล แกก็ลองหาแฟนจริงๆ ไปเลยสักคนสิ” นรินดาเสนอความเห็นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“แกคิดว่ามันหาง่ายเหมือนกดน้ำที่ตู้หยอดเหรียญหรือไงยัยนริน”
พิมพ์พัชรย้อนถามด้วยสีหน้าเอือมระอา เพราะถ้าแฟนดีๆ มันหาได้ง่าย เธอจะยังเป็นโสดอยู่แบบนี้ทำไม
“เฮีย”
“อะไร”
“เฮียสนใจจะ โอ๊ย ยัยพิมพ์! ฉันช่วยแกอยู่นะโว้ย”
“ช่วยหุบปากแล้วนั่งเฉยๆ ไปเลย” พิมพ์พัชรยื่นมือไปปิดปากนรินดาเอาไว้แทบไม่ทัน
“อะไร”
“เปล่าค่ะๆ ไม่มีอะไร เฮียขับรถไปเถอะ ปัญหาของพิมพ์เดี๋ยวพิมพ์แก้เองค่ะ ไม่รบกวนเฮียดีกว่า พิมพ์เกรงใจ” พิมพ์พัชรยิ้มแห้ง
นรินดานะนรินดา จะเล่นเธอแล้วไหม อยู่ดีไม่ว่าดีให้เธอหนีไก่ไปเอาเครื่องจับเท็จ!