“ค่ะ มันง่ายแล้วก็สะดวกดี เราจะลงไปนั่งกินข้างล่างก็ได้นะคะ ถ้าพี่ชายไม่ชอบตรงนี้ แต่ปกติหญิงจะตักเป็นแกงราดข้าวแล้วก็มานั่งกินชานนี้ไม่นานก็เสร็จค่ะ เพราะมีงานให้ทำแทบทั้งวัน”
“พี่ขอโทษนะหญิง! ขอโทษที่หญิงต้องเป็นแบบนี้ พี่มันแย่! พี่มันเลว! ที่ทำน้องต้องลำบาก!”
“พี่ชายรีบกินดีกว่าค่ะ หญิงต้องรีบเอาผ้าในเครื่องไปตาก ต้องรีดของเก่าอีก แล้วเย็นนี้เราค่อยคุยกัน หรือไม่ก็บ่ายค่อยคุยตอนไปสวนผักก็ได้ค่ะ”
กันต์กวีมองน้องเดินเอาจานไปวางไว้ในครัว แล้วหิ้วตะกร้าผ้าลงบันไดไปตากกับราวอย่างเร่งรีบ แล้วก็ขึ้นมาเอาอีกชุดที่เป็นผ้าขาวลงไปซักแทน แล้วก็ต้องวิ่งไปเก็บถ้วยจานที่เจ้าหนี้หนุ่มกินอิ่มพอดี
เห็นสายตาที่เขาจ้องมองน้องแล้วให้เกลียดชังขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องทำกับน้องได้ขนาดนี้ ลำพังเอามาใช้งานด้านอื่นก็ทำร้ายจิตใจพอแล้ว แต่นี่! ต้องมีหน้าที่ไม่ต่างจากคนรับใช้อีก
“อย่าลืมเลิกงานสวนตอนบ่ายสาม กับแขกสิบหกคนของผมนะ อย่าให้ขายหน้าฝีมือการทำอาหารชาววังของสกุลรัตนนาวีเชียว”
และความเกลียดก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น เมื่อเขากำชับกำชาอย่างไม่จำเป็น ก่อนเดินลงบันไดไปอย่างไม่แยแสสายตาสองพี่น้องว่าจะมองตามในรูปแบบไหน รู้อย่างเดียวว่าช่างสะใจไม่น้อยกับภาพวันนี้ วิญญาณน้องคงจะเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นไอ้คนชั่วมาศิโรราบแทบเท้าพี่ชาย
“พี่ไม่รู้มาก่อนว่าเขาจะให้หญิงทำงานพวกนี้ด้วย” กันต์กวีรีบช่วยรับจานชามจากมือน้องมาวางไว้ตรงซิงค์
“ช่างเขาเถอะค่ะพี่ชาย อย่างน้อย หญิงก็ทำงานแลกกับสร้อย ไม่ได้เสียอะไรไปเปล่าๆ”
แค่นี้คนน้องก็พูดไม่ออกแล้ว เมื่อคิดถึงสิ่งที่สูญเสียไปและไม่มีวันจะเรียกกลับมาได้อีก ต่อให้มีเงินมากมายก่ายกองยังไงก็ตาม แต่ป่วยการจะคิดหรือหมกมุ่นอยู่กับมันอีกต่อไป สิ่งที่ต้องทำก็คือเดินหน้า เพื่อรอเวลาที่พี่มีเงินมาไถ่ทอนโฉนดกลับไปเท่านั้น
แม้จะรู้ดีว่าพี่ไม่มีทางจะทำแบบนั้นได้ แต่กัญญาวีร์ก็ยังไม่สิ้นหวัง และก็เลือกที่จะไม่เอ่ยถามพี่ ให้ความหวังที่มีน้อยนิดหมดสิ้นไป เพราะยังไม่อยากรับรู้ความจริง ‘ว่าพี่สิ้นไร้ไม้ตอกเรียบร้อยแล้ว’
ตอนที่ 8
“หญิงจะไปทำงานในสวนผัก พี่ชายจะไปด้วยหรือเปล่าคะ”
บ่ายโมงนิดๆ หลังงานเก็บล้างและงานรีดผ้าไม่กี่ชุดเสร็จสิ้นลง น้องก็ถามพี่ขึ้นลอย เหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบใดๆ
“ไปทำอะไรเหรอ”
พี่ชายเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อเห็นน้องถือหมวกปีกกว้าง กับปลอกแขนกันแดดสีขาวเสื้อแขนยาวสวมทับไว้อีกชั้นขณะตอบพี่
“อาทิตย์นี้เขาให้หญิงไปทำสวนตั้งแต่บ่ายจนถึงห้าโมงเย็นทุกวันค่ะ ถ้าพี่ชายไปหญิงจะหาเสื้อกับหมวกให้”
“ไปสิจ๊ะ หญิงทำอะไรพี่ทำด้วยทั้งนั้น”
แม้จะฉุนในคำบอกของน้อง แต่กันต์กวีก็เลือกทำให้น้องสบายใจด้วยการยิ้มบางๆ รับเสื้อกับหมวกจากมือน้องมา แล้วเดินลงบันไดไปตรงไปหาจักรยานสีฟ้าใหม่เอี่ยมที่จอดอยู่ใต้ถุนบ้าน กัญญาวีร์ส่งยิ้มบางๆ ให้พี่ที่จ้องมองมาด้วยสีหน้ามีคำถาม
“ค่ะ เราจะปั่นไป สวนผักอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ หญิงจะซ้อนนะคะ”
แล้วพี่ชายเชื้อชาติทหารก็ปั่นให้น้องซ้อนไปถามถนนลูกรังตรงสวนผักอยู่ห่างออกไปจากบ้านไม่มากนักอย่างที่น้องบอกไว้ ผินกับสามสาวอวบอ้วนไม่แพ้กันต่างหันมายิ้มให้เมื่อสองพี่น้องไปถึง ส่วนอีกสาวน้อยที่ไม่เคยยิ้มให้เลยก็ได้แต่ทำหน้าบึ้งใส่เช่นเดิม
“ผัวลงบ้านไม่เท่าไหร่ก็เอาชายชู้มาแทนที่แล้ว หน้าด้าน”
ทั้งสี่หันไปมองเจ้าของคำพูดด้วยสายตาดุดันและไม่ชอบใจอย่างยิ่ง ภาวนาขออย่าให้คุณหญิงผู้สูงศักดิ์ของเจ้านายได้ยินเลย
“หุบปากแล้วไปถอนหญ้าอยู่แปลงถั่วพูโน้นคนเดียวเลยอีเก่ง แล้วอย่าพ่นอะไรเน่าๆ ออกมาให้กูได้ยินอีกเชียวนะ ไม่งั้นแม่จะตบให้เลือดกบเลยล่ะ ปากเสียมานานแล้ว ถ้ากูไม่สั่งสอนคงไม่มีใครกล้า”
ผินทนไม่ได้เลยใส่ให้ไปหนึ่งชุด นั่นทำให้สาวน้อยปากกล้าแต่งหน้าเช้งถึงกับสลดลงทันใด เพราะผินเป็นขาใหญ่ อยู่ที่นี่ก่อนใครเพื่อน สนิทกับคุณท่านก่อนใครและมากกว่าใครเพื่อน เลยไม่มีใครกล้าหือ
“วันนี้ป้าๆ ต้องทำอะไรบ้างคะ”
กัญญาวีร์เดินตรงเข้าไปในกระท่อมที่ทำไว้หลบแดดฝนของเอี่ยมด้วยใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ ให้สี่สาว
“ลุงให้ช่วยกันถอนหญ้าที่ค้างถั่วค่ะคุณหญิง”
ผินเลื่อนสายตาไปจับจ้องอยู่ที่หนุ่มหน้าตาหล่อคมคายที่เคยเห็นครั้งก่อนมาแล้ว
“นี่พี่ฟ่าง เป็นพี่ชายฟางเองค่ะ ครั้งก่อนป้าผินเคยเห็นแล้ว จำได้หรือเปล่าคะ”
ไม่รู้ทำไมผินถึงได้รีบยกมือขึ้นไหว้โดยอัตโนมัติในทันทีเลย จนกันต์กวีรับไหว้แทบไม่ทัน
“จำได้อยู่แล้วค่ะ คนหล่อๆ แบบนี้ใครจะลืมลง” กันต์กวียิ้มบางๆ รับคำของผิน
“พี่ชายคะนี่ป้าผิน ป้าจง ป้าจาด ป้าตุ่น แล้วนั่นก็ลุงเอี่ยมสามีป้าผินและเป็นผู้จัดการด้านพืชผักสวนครัวทั้งหมดที่พี่ชายเห็นอยู่นี่ล่ะค่ะ”
กันต์กวียกมือไหว้หรือรับไหว้ทุกคนอย่างไม่ถือเนื้อถือตัว ก่อนจะกวาดตามองไปบริเวณโดยรอบที่มีแปลงผักสารพัด ทั้งที่เพิ่งจะปลูก ไล่ไปหาโตขึ้นมาหน่อยกระทั่งถึงแปลงที่พร้อมเก็บ และแปลงเปล่าๆ ที่ยังไม่ได้ลงอะไรอีก
“ป้าผินบอกว่าพ่อกับแม่เขากำลังจะสร้าง ‘รีสอร์ตวิมานสอยดาว’ ตรงนี้เอาไว้ให้เป็นวิมานสำหรับคนเมืองที่อยากจะหนีความวุ่นวายในเมืองกรุง เพื่อชาร์จแบตเตอรีในวันหยุดยาวน่ะค่ะ แต่โชคร้ายที่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกันไปซะก่อน”
กัญญาวีร์อธิบายให้พี่ชายฟังเมื่อเดาได้ว่าพี่กำลังมีคำถาม ขณะพาก้าวเดินไปยังห้าแปลงที่ว่างเปล่าของตัวเอง โดยมีเอี่ยมกำลังสาละวนอยู่กับการขุดหลุมปักเสาไว้สำหรับคลุมสแลนให้แปลง