กันต์กวีรู้ดีพอๆ กับคนอื่นว่าเมื่อครู่นี้น้องถูกกระทำเช่นไร ถึงกับต้องเดินหนีออกจากกลุ่มด้วยความเจ็บช้ำในใจที่ช่วยอะไรน้องไม่ได้ มิหนำซ้ำยังต้องทนให้เจ้าหนี้เหยียบย่ำทำลายศักดิ์ศรีอีก อัญรวีรีบลุกตามไปไม่ห่าง เพราะตัวเองก็ไม่อยากจะอยู่ดูหน้าสิงหรัฐในตอนนี้เช่นกัน
“เรากลับกันดีกว่ามั้ยคะคุณป้า”
ไอรินทร์สาวเจ้าของ ‘ไร่ไอตะวัน’ ที่พาน้องกายแยกตัวไปคุยกับทรงไชยและภรรยาที่เอาลูกชายวัยเดียวกันมาด้วยอยู่อีกโต๊ะเดินมากระซิบถาม เพราะลูกชายเริ่มจะง่วงและงอแงแล้ว
“ครับๆ เดี๋ยวแม่พากลับนะครับ เหนื่อยแล้วล่ะสิลูกชายแม่”
ด้วงนั่งอยู่โดยมีลูกสาวนั่งข้างๆ ก็มีความคิดเดียวกันกับเจ้าของไร่สาวเช่นกัน
“ผมก็คงขอตัวนะครับ พรุ่งนี้ต้องรีบเร่งงานแต่เช้าๆ ด้วย งั้นเรากลับกันนะลูกดาว”
“ค่ะ”
สาวสวยใสไร้เดียงสาที่ไม่ปรารถนาจะอยู่เห็นหน้า ชายที่ทำร้ายจิตใจตัวเองด้วยการหิ้วแม่สาวใช้ขึ้นไปทำอะไรต่อมิอะไรบนบ้านรดหัวแขกเหรื่อรีบรับคำพ่ออย่างง่ายดายแบบไม่เคยทำมาก่อน
“แล้วอัญล่ะจ๊ะมาย”
กิรินาหันไปถามหลานสาวขณะเดินไปหารถ โดยมีสิงหรัฐที่โอบเอวเชลยไถ่ถอนออกไปส่ง
“ไปเดินเล่นแถวนี้ล่ะมั้งคะ อัญเอารถมาไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ บ้านใกล้แค่นี้ ขับแป๊บเดียวก็ถึง”
ไอรินทร์ตอบป้าเสียงราบเรียบ ใบหน้าก็ออกจะหม่นหมองเหมือนมีเรื่องให้ต้องครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงก็ไม่ปานในสายตากัญญาวีร์ที่สังเกตเห็น ผิดกับน้องที่สดใสร่างเริงคนละเรื่อง
“ว่างๆ ป้าจะเชิญไปทานข้าวที่ไร่นะคะคุณเนย์”
“ครับ”
เขาไหว้ลา กัญญาวีร์ก็ทำตามอย่างนอบน้อม
“ขอให้คุณลุงอิทธิพลหายไวๆ นะครับคุณมาย สองสามวันเคลียร์งานได้ผมจะแวะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณเนย์ งั้นเรากลับก่อนนะคะ น้องกายง่วงแล้ว”
ไอรินทร์อุ้มลูกชายอยู่ส่งยิ้มจางๆ ทว่าแววตายังคงเศร้าหมองให้เข้าเขา แล้วรีบส่งลูกให้ป้าส่วนตัวเองไปนั่งในตำแหน่งคนขับ
“ครับ”
สิงหรัฐรั้งร่างอรชรมาชิดลำตัวไว้ตามเดิม โดยไม่แคร์สายตาแขกที่มองจากกระจกรถ และไม่แคร์ว่าอีกคนจะพยายามดิ้นรนออกห่างแค่ไหน เพราะแรงมีเยอะกว่าอยู่แล้ว
“อุ๊ย!!!”
แถมตอนกลับไปนั่ง เขายังยกร่างเบาหวิวขึ้นไปบนตักโชว์เพื่อนหน้าตาเฉย จักรวาลเห็นสาวสูงศักดิ์พยายามจะพาตัวลงไปนั่งเก้าอี้แต่ไม่สำเร็จ ก็มีความคิดอยากจะเตือนให้เพื่อนเบาๆ มือลงบ้าง แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่คนหัวดื้อจะเชื่อ เลยยกสาวข้างกายขึ้นมานั่งทับบ้าง แถมมือยังลามไปจับนั่นจับนี่โดยที่สาวไม่ขัดขืนเลยสักนิด
วินาทีนี้เองที่กัญญาวีร์ได้คิดว่าสามสาวแสนสวยที่ถูกเพื่อนๆ เขาหิ้วมา คงไม่ใช่แค่คู่ควงธรรมดาแน่ น่าจะเป็นพวกสาวนักศึกษาที่หาค่าเทอมด้วยการใช้เรือนกายเข้าแลก ความอับอาย ความโกรธเกลียด และเสียใจที่ถูกเขาดูหมิ่นศักดิ์ศรีแล่นเข้าเล่นงานอย่างจัง
“ปล่อยฉันนะ!”
จนทำให้มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะหนีไปจากตักเขา แต่เมื่อเขาไม่ยอมง่ายๆ
“โอ๊ย!!!”
เลยใช้นิ้วบิดเนื้อเขาอย่างแรงจนต้องร้องออกมา เพื่อนๆ ต่างหัวเราะชอบใจแล้วมองตามร่างอรชรที่ลุกวิ่งไปหาบันได แต่เขาก็วิ่งตามแล้วรีบช้อนร่างเบาหวิวขึ้น
“อุ๊ย!!! ปล่อยฉันนะ! บอกให้ปล่อยไง!”
“ไม่มีทาง!!! ตามสบายนะเพื่อนๆ มีอะไรก็บอกป้าผินกับเก่งได้ ขอเวลานอกก่อน สงสัยคุณหญิงจะทนคิดถึงฉันไม่ไหวเลยสะกิดใหญ่”
แล้วเขาก็ก้าวขึ้นบันไดไป โดยมีอีกกายดิ้นรนขัดขืนไม่หยุดหย่อน
“หยาบคาย!!! ปล่อยฉันนะ!!!”
“ถ้าผมพาตกบันไดขาหักไปอย่ามาบ่นเชียวนะ”
เขาขู่และทำท่าเสียหลักจะล้ม จนกัญญาวีร์ต้องรีบหยุดดิ้นด้วยความหวาดหวั่น และนั่นทำให้เขาชอบใจเป็นที่สุดขณะเดินเข้าห้องอีกวาระ
กันต์กวีเดินกลับมาทันได้หันน้องถูกอุ้มขึ้นบันไดไป ช่างรู้สึกตรงกันข้ามกับเจ้าหนี้คนละเรื่อง เพราะใจช่างเป็นทุกข์อย่างหนัก เมื่อ ‘รัตนนาวี’ ถูกหมิ่นเกียรติหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างจงใจ เขาให้เกลียดตัวเองจนไม่อยากจะเอ่ยคำใดๆ กับสาวข้างกายเลย
“อัญกลับก่อนนะคะคุณชาย ไว้พรุ่งนี้จะมาชวนคุณชายกับคุณหญิงไปเที่ยวที่ไร่นะคะ”
อัญรวีเองก็เห็นภาพนั้นเต็มสองตา เลยอยากจะหนีกลับเพื่อไม่ให้แสลงใจไปมากกว่านี้
“ครับ ถ้าคุณเนย์ไม่ว่าอะไร”
“โอ๊ย!!! คุณเนย์ใจดีจะตาย อัญบอกคำเดียวแกก็พูดอะไรไม่ออกแล้วล่ะค่ะ อุ๊ย! มายโทรมา สักครู่นะคะคุณชาย”
อัญรวีหยุดยืนรับสายจากพี่สาว กันต์กวียังไม่อยากเข้าไปร่วมวงกับคนไม่คุ้นเคยเลยยืนอยู่ห่างๆ เพื่อเป็นการไม่ให้เสียมารยาทอาจจะถูกน้องสาวเจ้าของไร่ไอตะวันว่าได้
‘ฮัลโหลอัญ เธอยังอยู่ที่สวนภูสอยดาวอยู่เหรอเปล่า’
“อยู่! แต่กำลังจะกลับแล้ว มีอะไรเหรอเปล่ามาย”
ทางนั้นตอบรับเร่งด่วนหลังเห็นเบอร์พี่สาวโทรมา และเดาได้ว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน เพราะเธอจับน้ำเสียงร้อนใจของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ซึ่งมันบอกถึงความผิดปกติอย่างที่ไม่เคยเป็น
‘รถฉันยางแตก ไม่ไหนต่อไม่ได้’
“อ้าวเหรอ! แล้วอยู่แถวไหนล่ะ” คนเป็นพี่หันไปสำรวจไปรอบๆ กายอีกครั้งเมื่อมั่นใจจึงบอกออกไป ‘ออกจากไร่คุณเนย์มาสักกิโลแล้วล่ะ’
“เหรอ งั้นรออยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวฉันจะบอกหาคนไปช่วย”
‘ขอบใจมากนะอัญ เร็วๆ หน่อยนะเพราะตอนนี้มืดมากไม่มีรถผ่านสักคัน’
ด้วยสวนของสิงหรัฐกินเนื้อที่ไปจนดึงชายเขา ทางเข้าสวนจึงไม่ต่างจากทางตันนัก เพราะไม่ใคร่จะมีใครออกไปไหนมาไหนนอกจากคนในไร่เท่านั้น
“ได้ๆ เดี๋ยวจะจัดการให้” อัญรวีรีบวางสายแล้วหันไปหากันต์กวีที่ยังคงยืนอยู่ไม่ห่าง
“มีอะไรเหรอครับคุณอัญ”
แม้จะได้ยินสองพี่น้องคุยกันทางโทรศัพท์แล้ว แต่เขาก็ยังถามเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคิดว่าตัวเองเสียมารยาทแอบฟัง