“แล้วเจ้ามาบอกกล่าวเรื่องนี้กับข้าทำไมกัน?”
เอ้า..ก็เธอไม่อยากให้เขาเกลียดเธอโดยไม่มีเหตุผลอีกไง
“เพราะว่าท่านคือคาดินันนี่คะ บางทีท่านอาจจะช่วยข้าเรื่องการสูญเสียความทรงจำได้”
“ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอก แต่ข้ารับปากว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับใคร แผลของเจ้า ข้ารักษาเรียบร้อยแล้วรีบสวมชุดสิข้าจะไปส่ง..”
ต้องจากกันแล้วงั้นเหรอ?
จะว่าไปแผลของเธอมันไม่มีความรู้สึกเจ็บอีกแล้ว ดูเหมือนว่าพลังเวทย์ของเขามันจะใช้ได้ดีมากทีเดียว ทารีน่าก้มหน้าลงไปมองที่แผลของตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย
จริงอยู่ที่มันไม่มีความเจ็บปวดอยู่แล้วแต่ทว่าเลือดสีดำกำลังไหลออกจากบาดแผล..
“ข้าได้ขับเลือดเสียออกมา อีกไม่นานแผลจะหายสนิท..”
ปกติแล้วเป็นนักบุญหรือว่านักเวทย์จะต้องรักษาแผลหายแบบหายวับไปจากร่างกายได้เลยนี่ แต่แล้วทำไม..แผลของเธอมันถึงไม่หายวับเหมือนที่เธอเข้าใจล่ะ
“เพราะว่าก่อนหน้านี้เจ้าทำนิสัยแย่ๆ พอสมควร การที่ทิ้งบาดแผลนี้เอาไว้เพื่อไม่ให้หายในทันทีถือเป็นการเตือนสติเจ้า..ทารีน่า!!!”
เธอล้มลงในอ้อมแขนของเขาอีกครั้งและครั้งนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นลมไปเลย เพียงแค่เพราะมองแผลของตัวเองถึงกับเป็นลมล้มพับไปแบบนี้เลยอย่างงั้นหรือ..
อ่อนแอเกินไปแล้ว นี่ใช่สตรีที่สั่งฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาคนนั้นหรือ?
นี่เขากำลัง..สับสนอยู่ ท่าทางเรื่องที่นางกล่าวมาจะไม่ใช่เรื่องโกหกที่ว่านางสูญเสียความทรงจำ..
กาเล็ตวางทารีน่าลงบนเตียงก่อนที่จะสวมเสื้อคลุมของเขาลงบนร่างกายของเธอและดึงผ้าขึ้นมาห่มให้
เขาล้มตัวนอนลงข้างๆ เธอเพื่อมองใบหน้างามที่กำลังหลับอยู่ก่อนจะยกมือขึ้นมาเพื่อร่ายเวทย์ให้เธอสงบใจและหลับใหลลึกลงไปอีก
ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะมีเรื่องให้นางคิดเยอะ ร่างกายถึงได้แสดงอาการว่าสับสนขนาดนั้น
กาเล็ตค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ วันนี้เขาเองก็เหนื่อยมากเหมือนกัน เขาไม่มีแรงเหลือมากพอที่จะอุ้มนางแล้วเดินทางไปส่งที่คฤหาสน์โรแกน
เช่นนั้นพรุ่งนี้เขาค่อยส่งนางขึ้นรถม้าเพื่อให้นางกลับไปเองก็แล้วกัน
........
ทารีน่าค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา เธอเหลือบมองที่หน้าต่างยังไม่เห็นแสงของดวงตะวันเลย แสดงว่ายังไม่เช้าสินะ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงพยุงตัวเองเพื่อลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
“นึกว่าจะไม่ตื่นซะแล้ว ข้าจะได้ส่งเจ้าไปฝังที่สุสานด้านหลังวิหารศักดิ์สิทธิ์ รีบลุกขึ้นแล้วสวมชุดนี่ซะ เจ้าหลับไปสองวันแล้วท่าทางคนที่โรแกนจะเป็นห่วงเจ้าน่าดู”
พระเจ้าช่วย แค่กลัวเลือดทำให้เธอหลับไปสองวันเลยเรอะ แถมวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันเริ่มงานวันชาติวันแรกอีกด้วย
“ท่านควรจะปลุกข้าสิคะ”
“การปลุกคนที่กำลังหลับถือเป็นการเสียมารยาท ข้าไม่ทำแบบนั้นหรอก”
เธอรีบลุกขึ้นแล้วหยิบชุดเดรสของตัวเองขึ้นมาสวมก่อนจะคลุมทับด้วยเสื้อคลุมของเขา
“เสื้อคลุมนั่น..เป็นของข้า”
“แต่ข้าใส่นอนมาสองวันแล้ว เดี๋ยวข้าจะจัดการเอาไปซักแล้วนำมาคืนให้ท่านนะคะ”
เธอไม่อยากจะพลาดโอกาสในการพบเจอเขาครั้งหน้า เพราะอย่างนั้นจะต้องหาเรื่องมาเจอกันอีกสักหน่อย
กาเล็ตไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงเดินมาส่งเธอที่ด้านหลังของวิหารเพื่อขึ้นรถม้า
“งานวันชาติที่จะถึงนี้ท่านจะเข้าร่วมไหมคะ แล้วจะควงใครไป?”
“ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องส่วนตัวกับเจ้า รีบกลับไปเถอะเจ้าอยู่ที่นี่มานานมากพอแล้ว”
ทารีน่าหน้ามุ่ย เธอเดินขึ้นรถม้าก่อนจะรีบเปิดหน้าต่างรถม้าออกเพื่อมาโบกมือลาเขา
“แล้วพบกันครั้งหน้านะคะ ข้าจะเอาชุดนี่มาคืนท่าน”
สายลมในยามค่ำคืนพัดผ่านร่างกายของเขาไป รอยยิ้มที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนบนใบหน้าของทารีน่า ทำให้ความหนาวเย็นรอบๆ กายของกาเล็ตพลันจางหายไป ใบหน้าของนางยังคงงดงามเหมือนเดิม เพียงแต่แววตาและนิสัยของนางไม่เหมือนคนเดิมสักนิดเลย นางเหมือนกับสตรีที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
และเขาไม่เคยรู้เลยว่าในยามที่นางยิ้ม จะน่ามองถึงเพียงนั้น..
..........
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์คนที่กำลังนั่งรออยู่ก็คือท่านพี่วินเทอร์ เขารีบวิ่งมาหาเธอในทันทีที่เธอลงมาจากรถม้า
สายตาของวินเทอร์มันเต็มไปด้วยความเป็นห่วงแต่ทว่าพอเขาเหลือบมองเห็นเสื้อคลุมที่ทารีน่าสวมมา แววตาของวินเทอร์ก็พลันเย็นเฉียบขึ้น
“เสื้อคลุมนี่..ของคาดินันกาเล็ต เจ้าไปอยู่กับเขามาอย่างนั้นหรือรินา?”
นี่เขาแค่มองเสื้อคลุมก็รู้เลยอย่างงั้นเหรอว่าเป็นของใคร ดูท่าทางว่าเสื้อคลุมนี่จะไม่ธรรมดาซะแล้ว
“ข้าเจ็บแผลแล้วเกิดเป็นลมค่ะ ท่านคาดินันกาเล็ตช่วยข้าเอาไว้”
วินเทอร์เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เพื่อมองหน้าของทารีน่า เขาตรงเข้าไปหาเธอก่อนจะช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน
“รินา.เมื่อคืนนี้เจ้าก็ไปนอนกับเขามาอีกแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เขาโพล่งถามขึ้นมาอย่างอดทนรอไม่ไหว นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาซ่อนสีหน้าความกังวลเอาไว้ไม่มิด
เธอตกใจกับคำถามของเขาพอๆ กับที่ตกใจท่าทีโกรธเคืองของเขาเลย..
เขาวางเธอลงบนเตียงก่อนจะนั่งลงคุกเข่าลงที่พื้นเหมือนครั้งที่แล้ว
“รินา..”
“ข้าเหนื่อยค่ะ วันนี้ข้าอยากจะอยู่คนเดียว เอาไว้พรุ่งนี้คอยคุยกันนะคะ”
เขามองเธอด้วยแววตาแห่งความเจ็บปวดแต่ถึงอย่างนั้นวินเทอร์ก็ยินยอมเดินออกไปพร้อมกับสั่งให้เพอร์ร่าเดินเข้ามารับใช้ทารีน่า
“ท่านพี่กลับไปแล้วงั้นเหรอ?”
“ค่ะนายหญิง ท่านเคาน์เดินออกไปขึ้นรถม้าเพื่อกลับไปที่คฤหาสน์ทรอยแล้ว”
ทารีน่าถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก
“เจ้ารับใช้ข้ามานานแค่ไหนแล้วเพอร์ร่า”
“เรียนนายหญิงข้ารับใช้นายหญิงมาตั้งแต่นายหญิงสิบขวบค่ะ เรื่องของนายหญิงข้าไม่เคยปริปากบอกผู้ใดทั้งนั้น”
อ่า..โชคเข้าข้างเธอแล้ว เพราะดูเหมือนว่าทารีน่าจะเลือกถามถูกคน
“เพอร์ร่า ข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วย เจ้าจะต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับและตอบทุกเรื่องที่ข้าอยากรู้ด้วย..”
เพอร์ร่าก้มหน้าลงเล็กน้อย
“หากเป็นเรื่องของนายหญิงแล้ว ข้ายินดีรายงานทุกเรื่องเลยค่ะ นายหญิงรับสั่งมาได้เลย”
ทารีน่าสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ข้าป่วย..อาการป่วยของข้ามันทำให้ข้าหลงๆ ลืมๆ เกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต เจ้าสามารถเล่าเรื่องในอดีตของข้ากับคาดินันกาเล็ตให้ฟังหน่อยได้ไหม? ว่าระหว่างข้ากับเขามันมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่”
เธอสงสัยว่าเรื่องของทารีน่าและคาดินันกาเล็ตมันจะต้องไม่ธรรมดาและมีเรื่องที่ซับซ้อนมากกว่านั้น..