จอมแก้วกลับมาถึงเพนต์เฮาส์โดยไม่ได้ของอะไรติดไม้ติดมือมาแม้แต่ชิ้นเดียว ภาพที่เขายืนควงคู่กับผู้หญิงสวยคนนั้นยังติดตา พวกเขาดูเหมาะสมกันดีเหมือนหงส์กับมังกร ความเจ็บร้าวซ่อนอยู่ในส่วนลึกสุดของใจ สามปีกว่าที่อยู่ด้วยกันไม่ใช่จะไม่มีความรู้สึกอะไรให้เลย หัวใจเธอไม่ใช่เหล็กใช่หินเป็นเพียงก้อนเนื้อก้อนเล็ก ๆ รู้ตัวอีกทีก็รักเขาไปแล้ว ในความรักก็มีความเข้าใจในสถานะตัวเองดี และไม่คิดอาจเอื้อม
เพื่อไม่ปล่อยให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านจอมแก้วจึงลุกเดินไปหาอะไรทำที่เธอสามารถจดจ่อสมาธิอยู่กับมันได้ นั่นก็คือการหาเศษผ้าที่เคยซื้อไว้ เส้นใยไฟเบอร์ลูกปัดหลากสีหลายขนาดที่เดินซื้อจากตลาดสำเพ็งออกมา เตรียมอุปกรณ์ทำงานฝีมือฆ่าเวลา กว่าเขาจะกลับมาหญิงสาวก็ปั้นช้างตัวเล็ก ๆ ออกมาได้หนึ่งตัว มันได้ผล ขณะที่เธอปักปลายเข็มเย็บไปทีละจุดสมาธิก็ต้องจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นหากเผลอเมื่อไหร่ปลายเข็มแหลมคมก็พร้อมจะทิ่มตำปลายนิ้วเมื่อนั้น
ตุ๊กตาที่ทำจากเศษผ้ามาเย็บปะติดปะต่อกันดูไม่มีราคา หากวางขายตามท้องถนนคงมีราคาไม่เกินสามสิบบาทหรือต่ำกว่านั้น แต่ถ้าเทียบกับใจมันมีคุณค่าสำหรับคนที่สร้างมันขึ้นมาอย่างมากมาย
ปภังกรกลับมาถึงเพนต์เฮาส์ในเวลาเกือบทุ่ม เห็นจอมแก้วนั่งอยู่ที่บาร์ตรงหน้ามีเครื่องดื่ม หญิงสาวเหลือบตามองมาที่เขาก่อนจะเมินไปมองทิศทางเดิม ดวงตาของเธอยังกระจ่างใสไม่ปรือปรอยแสดงว่าเพิ่งจะดื่ม
ชายหนุ่มเดินยิ้มตรงเข้ามาหา นั่งลงบนเก้าอี้สูงข้าง ๆ เอียงหน้ามองแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะขึ้นว่า
“เห็นฉันอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเธอถึงกับต้องมานั่งดื่มย้อมใจ แบบนี้จะไปจากฉันได้เหรอยัยจอมแก้ง”
จอมแก้วหันหน้ามามอง ในดวงตาดูว่างเปล่า มุมปากกระจับของเธอยกยิ้ม
“ถ้าจะเปิดตัวกันขนาดนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้จอมย้ายออกเลยแล้วกัน ไปตอนนี้ดีกว่าไม่ต้องรอให้ครบกำหนดก็ได้”
ได้ยินประโยคนี้พลันรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาก็หุบลง กลายเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทันที เอ่ยเสียงกระด้าง
“ไปได้ แต่บอกแล้วนะว่าถ้ายังไม่ครบกำหนดก็ไปได้แต่ตัว จะเอางั้นมั้ยล่ะ แต่เก็บเฉพาะเสื้อผ้าที่เธอเอามานะ เสื้อผ้าที่เป็นเงินของฉันน่ะไม่ให้ ข้าวของมีค่าไม่ต้องหยิบไปสักชิ้น ตอนมามาเท่าไหร่ก็ไปเท่านั้น ดูซิว่าจอมขูดอย่างเธอจะกล้าไปมั้ย”
“คุณนี่ทะเลต้องเรียกบรรพบุรุษเลยนะ เค็มเขี้ยวไม่ต้องสืบ ที่ผ่านมาฉันก็ทำงานให้คุณนะ” สรรพนามที่เธอใช้แทนตัวเปลี่ยนไปโดยที่ปภังกรไม่ได้สังเกต จอมแก้วรู้ดีว่าผู้ชายหน้าหล่อราวเทพบุตรคนนี้ไม่ใช่มีนิสัยดีงามอย่างหน้าตาแต่ก็ไม่ใช่คนเลว เขาเป็นคนเปิดเผยมีน้ำใจและไม่ตระหนี่ แต่ถ้าเป็นเชิงธุรกิจเขาจะสะกดคำว่าเสียเปรียบไม่เป็น กับศัตรูจะเด็ดขาดไม่มีคำว่าปรานี และเธอจัดอยู่ในประเภทธุรกิจ เป็นการซื้อขายโดยมีตัวเธอเป็นสินค้า ‘แลก’ กับความช่วยเหลือจากเขา
“หึ ส่วนทำงานฉันก็จ่ายเงินเดือนให้เธอไปแล้ว เธอไม่ได้ทำงานให้ฉันฟรีซักหน่อย... จะรีบไปไหนล่ะ เขาก็อยู่ส่วนเขาเธอก็อยู่ส่วนเธอ ไม่ได้มายุ่งอะไรกันนี่”
จอมแก้วขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน โกรธจนแทบจะกระโดดตะกุยหน้าปภังกรให้หายแค้นใจ จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก หลายความรู้สึกจุกอั้นอยู่ในอก กับผู้ชายคนนี้โกรธไปก็เท่านั้น ตรรกะบางอย่างของเขาต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง
“คุณน่ะอย่าชื่อกั้งเลยนะ เปลี่ยนเป็น ‘เกลือ’ เถอะ เค็มโคตรขนาดนี้!”
“เอาไว้ตั้งชื่อลูกเธอถ้าจะเหมาะ”
เขาทำหน้าล้อให้จอมแก้วโกรธยิ่งขึ้น ไม่รู้สิ เห็นหน้าเธอตอนโกรธแล้วมันน่ามันเขี้ยว น่ารัก น่าฟัด น่า...ไปหมด
คนถูกยั่วโกรธจนหน้าแดง ทว่าเมื่อคิดว่าจะตอบโต้เขากลับด้วยคำพูดไหนสีหน้าหญิงสาวก็ปรับเปลี่ยนได้ในเร็วไว ลอยหน้าลอยตาพูด
“ก็ได้นะ ไว้ฉันจะตั้งชื่อลูกว่า ‘เกลือ’ ก็แล้วกัน เข้าท่าดีเหมือนกัน”
ความปั้นปึ่งกระโดดมาฝั่งตรงข้ามทันทีเมื่อได้ยินเธอพูดว่าจะตั้งชื่อลูกว่า ‘เกลือ’
“แต่ฉันไม่ต้องการให้ลูกฉันชื่อเกลือ”
คนที่กำลังสั่นหัวยิ้มอารมณ์ดีหันไปมองหน้า เบิกตาโตเพราะไม่เข้าใจว่าเขาจะมายุ่งอะไรกับลูกของเธอ
“ฮึ เอ้า ก็ลูกฉัน ฉันจะตั้งชื่ออะไรก็ได้นี่”
หญิงสาวถูกเขามองด้วยแววตาขุ่นคลั่กเหมือนเธอพูดอะไรผิด
“ไม่ให้”
ตะโกนใส่หน้าเธอแล้วร่างสูงก็หมดอารมณ์ที่จะดื่มดื้อ ๆ ท่าทางเหมือนเด็กที่งอนพ่อแม่ จากที่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเหนือกว่าจะแกล้งยั่วให้เธอช้ำใจเล่น พูดไปพูดมาทำไมปลายเข็มแหลมคมถึงทิ่มเข้าเนื้อตัวเองได้
‘ลูกเธอก็ลูกฉันไม่ใช่รึไง ลูกเธอคนเดียวเสียที่ไหน’
ปภังกรฮึ่มฮั่มในใจ เถียงในใจเสร็จก็เดินหนีเข้าไปในห้องไป เขาลืมไปอย่างหนึ่งว่าจอมแก้วกำลังจะไปจากเขาตามข้อตกลงหกเดือน ดังนั้นลูกของเธอไม่จำเป็นต้องเป็นลูกของเขา!
จอมแก้วหันมองตามเหมือนเขาลืมหรือเปล่าว่า กำลังจะเลิกกัน
^
^
^
***หวงก้าง เข้าข้างตัวเองแล้วหนึ่ง ถ้าขอไปดี ๆ ไม่ได้ลูกสาวเราคงต้องหนี แง โปรดติดตามตอนต่อไปนะค้า ก่อไฟไว้กองใหญ่ๆ รอต้มมาม่าซองโตไว้เลย