ทนเอาเถอะ อีกแค่หกเดือนเอง แลกกับเงินที่เขาบอกจะให้ ถือว่าคุ้ม!
“ค่ะ”
คราวนี้หญิงสาวเปลี่ยนสีหน้า ท่าทีตอบรับเสียงหวานจ๋อยเสียจนรู้ว่าเป็นการเสแสร้งแกล้งทำที่ไม่แนบเนียนเลย แต่ก็ช่างเถอะ กว่าจะครบหกเดือนเขามีวิธีที่จะทำให้เธอยินยอมพร้อมใจได้อยู่แล้ว
เมื่อพูดคุยกับคนหลังบ้านตัวเองรู้เรื่องดีแล้วคราวนี้ปภังกรก็อยากจะคุยกับว่าที่ภรรยาที่ต้องอยู่เคียงคู่กันขยายธุรกิจให้ใหญ่โตยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศตามที่ผู้ใหญ่ได้คุยกันไว้เรื่องการขยายธุรกิจให้เติบโตไปให้ไกลยิ่งขึ้นในรุ่นลูกรุ่นหลานสืบไป
สามวันถัดมาเขาจึงนัดคุยกับหยาดพิรุณระหว่างมื้อค่ำที่ร้านอาหารกึ่งผับบนชั้นรูฟท็อปของโรงแรมหนึ่ง ชายหนุ่มมานั่งรอก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมงระหว่างรอก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่นานว่าที่ภรรยาคนสวยก็มาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อย
ทั้งคู่เจอกันเป็นการส่วนตัวครั้งแรก หญิงสาวสวมเดรสสั้นแขนกุดทรงหลวมเนื้อผ้าลื่นมีเลื่อมวาวในตัว ดูเรียบแต่หรูดูมีสไตล์ไม่มากไม่น้อยสำหรับดินเนอร์แบบนี้ ชายหนุ่มอดที่จะมองด้วยสายตาชื่นชมไม่ได้ ยอมรับเลยว่าว่าที่ภรรยาคนนี้เป็นคนสวยที่มีลักษณะเฉพาะตัว เมื่อมองแล้วก็ไม่อยากจะละสายตา อีกทั้งเธอยังมีราศีความเป็นคนมีอำนาจวาสนา ดูแล้วช่างเหมาะสมคู่ควรกับเขาเสียจริง
“เฮียกั้งมานานแล้วเหรอคะ หยกขอโทษนะคะที่ให้รอ”
หยาดพิรุณใช้คำว่า ‘เฮีย’ ที่หมายถึงพี่ชายในการเรียกแทนตัวเขา ดูสนิทสนมและเป็นกันเองมากกว่าคำอื่น
“ก็ไม่นานนักหรอก หยกก็มาก่อนเวลานี่ไม่เห็นต้องขอโทษ”
เขาตอบเสียงนุ่ม มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ฝ่ายหญิงยิ้มตอบ สบตากันเวลาพูดคุย
“แต่เฮียมาเร็วกว่าอีก หยกว่าหยกมาเร็วแล้วกลัวจะเหมือนวันนั้นที่มาช้ากว่าคนอื่น ไม่คิดว่าจะมีคนมาก่อนอีก”
หญิงสาวเอ่ยยิ้ม ๆ ... จากนั้นทั้งคู่ก็สั่งอาหารมารับประทาน พลางพูดคุยกันเรื่องในวัยเด็กที่มีโอกาสได้เจอกันตามโอกาสต่าง ๆ เรื่องที่ฝ่ายหญิงไปเรียนต่อ และเรื่องของตัวฝ่ายชายในช่วงที่ไปเรียนต่อต่างประเทศเช่นกัน เหมือนพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวเพื่อให้รู้จักกันมากขึ้นและเพื่อจะได้เรียนรู้อีกฝ่ายสำหรับการใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคตอันใกล้นี้
“เรื่องของเราที่ผู้ใหญ่จัดแจงไว้ให้ หยกมีอะไรขัดข้องรึเปล่า ถ้ามีบอกได้เลยนะ เรื่องแบบนี้เฮียไม่อยากฝืนใจใคร”
เขาพูดแบบเปิดใจกับเธอ แทนตัวเองว่า ‘เฮีย’ แบบที่เคยใช้กับเธอตั้งแต่ตอนที่เจอกันในวัยเด็ก สำหรับหยาดพิรุณหญิงสาวได้รับคำตอบให้ตัวเองนับแต่วันที่เธอเห็นเขาอีกครั้งในร้านอาหารตอนนัดดูตัวแล้ว เธอยิ้มเก๋แล้วย้อนถามกลับว่า
“สำหรับหยก สิ่งที่ป๊ากับม้าเลือกให้ หยกเห็นว่าดีเสมอค่ะ หยกไม่มีอะไรขัดข้อง แล้วเฮียล่ะคะ ฝืนใจรึเปล่า”
ปภังกรนิ่งไปชั่วขณะ มองรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าสวยที่รอคอยคำตอบจากเขา
“ไม่ได้ฝืนใจ...”
คำตอบนี้ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าหญิงสาวกว้างขึ้นอีก ก่อนจะได้ยินประโยคต่อมาของชายหนุ่ม
“แต่มีเรื่องหนึ่งที่เฮียอยากบอกไว้แต่เนิ่น ๆ”
“เรื่องอะไรคะ”
ปภังกรระบายลมหายใจออกเล็กน้อย เสสายตามองไปทางอื่นแวบหนึ่งก่อนจะพูด
“เฮียเห็นว่าหยกเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย ก็เลยไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา”
“ค่ะ หยกเข้าใจอะไรง่าย เฮียอยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“ทางครอบครัวของหยก ป๊าก็มีภรรยาหลายคน มีลูกไว้ช่วยกิจการ หยกก็คงชินกับเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วใช่มั้ย”
สีหน้าหยาดพิรุณคล้ำลงเล็กน้อย ประกายตาวาบขึ้น แต่ก็ปรับกลับเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว รอยยิ้มจุดขึ้นบนมุมปากแต่ไม่ถึงดวงตา เธอพอจะเดาได้แล้วว่าเขากำลังจะพูดอะไรในประโยคต่อไป
“ค่ะ หยกเข้าใจดี ธุรกิจของครอบครัวเราใหญ่และเติบโตขึ้นทุกวัน ลำพังคนไม่กี่คนบริหารคงลำบาก ให้คนอื่นมาดูแลบริหารจัดการจะสู้ลูกหลานตัวเองได้ยังไงคะ”
หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มเหมือนเข้าใจความเป็นอยู่ของตระกูลตนเอง การมีภรรยาหลายคนเพื่อให้กำเนิดทายาทในสายเลือดมาดำรงกิจการเป็นเรื่องปกติ และบิดาของเธอก็เป็นลูกกตัญญูปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด!
ครอบครัวของหยาดพิรุณ นอกจากมารดาของเธอที่เป็นเมียใหญ่แล้ว บิดายังมีเมียสองสามและสี่ที่อาศัยอยู่ในบริเวณบ้านเดียวกันแต่ปลูกคนละหลัง และมีลูกบ้านละไม่ต่ำกว่าสองคน ถ้าเป็นลูกสาวจะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากบิดาเท่าไรนักแต่ถ้าเป็นลูกชายก็จะมีความสำคัญขึ้นมาหน่อย ส่วนเธอที่เป็นลูกสาวคนเดียวของภรรยาเอก แม้จะเป็นหญิงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเธอและมารดา
“เฮียพูดแบบนี้ แสดงว่าเฮียมีคนรักของเฮียอยู่แล้วใช่มั้ยคะ”
คำว่า ‘คนรัก’ ทำให้ปภังกรรู้สึกแปลก ๆ เขาตอบได้ไม่เต็มปาก เขารักยัยจอมแก้งน่ะเหรอ เปล่าเสียหน่อย แค่อยากให้อยู่กับเขาต่อไปอีกนาน ๆ
“เฮียแค่พูดเรื่องนี้ไว้ก่อนน่ะ ถ้าหยกเข้าใจ เกิดว่าต่อไปจะมีอะไรแบบนั้นจะได้ไม่มีปัญหา”
“ค่ะเฮีย หยกไม่มีปัญหา แต่หยกขอเรื่องนึงได้มั้ยคะ ถ้าเฮียจะแต่งใครเข้ามาอีกขอให้บอกหยกก่อน ถือเป็นการให้เกียรติกันหน่อย”
การที่เขาเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา หยาดพิรุณก็พอรู้แล้วว่าเขากำลังจะบอกว่าในอนาคต เธอไม่ได้เป็นภรรยาคนเดียวแน่นอน และถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็ต้องอยู่เหนือผู้หญิงทุกคนของเขา และที่สำคัญที่สุดคือเธอต้องสามารถควบคุมทุกคนได้
“แน่นอน”
แก้วไวน์กระทบกันเบา ๆ เป็นการตกลงทำสัญญากันก่อนทั้งคู่จะจรดริมฝีปากดื่มน้ำสีอำพัน
เป็นการเจรจากันล่วงหน้าที่ปภังกรคิดว่าแฟร์กับหยาดพิรุณแล้วที่เขาบอกเธอไว้ก่อน การแต่งงานของทั้งสองคนเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเป็นหลัก ทำให้สองตระกูลใหญ่เป็นทองแผ่นเดียวกัน เรือล่มในหนองทองจะไปไหน สำหรับตระกูลของทั้งคู่นั้นไม่ได้ยึดถือการแต่งงานแบบผัวเดียวเมียเดียวเป็นเรื่องสำคัญ พวกเขาอยู่ในครอบครัวซึ่งมองว่าการที่สามีมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนเป็นเรื่องปกติสามัญของคนตระกูลใหญ่ ทั้งปภังกรและหยาดพิรุณเข้าใจข้อนี้ดี สามีเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน หากดูแลภรรยาเหล่านั้นได้ดีและทั่วถึงย่อมไม่มีปัญหาในบ้าน
ชั่วขณะที่สายตาของปภังกรจับจ้องสิ่งอื่นอยู่นั้นหยาดพิรุณก็กำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน สิ่งที่เขาเอ่ยออกมาก่อนหน้านั้นทำให้เธอปักใจได้ทันทีว่าเขามีผู้หญิงอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นผู้หญิงที่เธอเห็นอยู่กับเขาในช็อปสินค้าแบรนด์เนมในวันนั้น
เมื่อรู้ว่าตนเองจะได้หมั้นหมายกับใครคุณหนูใหญ่ของตระกูลนักธุรกิจใหญ่เชื้อสายจีนอย่างหยาดพิรุณก็ให้คนสืบประวัติคู่หมั้นมาพอสมควร ก่อนจะถึงวันนัดดูตัวกันครั้งแรกเธอก็บังเอิญพบเขากับผู้หญิงคนหนึ่ง หญิงสาวจดจำได้ในทันทีว่าผู้ชายคนที่มีผู้หญิงสวยสะดุดตากำลังทำสีหน้าท่าทางออดอ้อนควงแขนอยู่นั้นเป็นใคร
วันนี้เขามาบอกเธอกลาย ๆ ว่าหากแต่งงานกันไปเขาจะมีเมียคนอื่นนอกเหนือจากเธองั้นหรือ ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ เขาจะมีเมียอีกสักกี่คนเธอก็ไม่เป็นไรเพราะตัวเธอเป็นเมียใหญ่สุดถ้าเธอได้เข้าไปนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้น ไม่ว่าเมียหน้าไหนเธอจัดการได้อยู่แล้ว เหมือนที่เธอจัดการบรรดาเมีย ๆ ของพ่อเธอไง ไม่ว่าพ่อจะรักเมียคนไหน มันทุกคนก็ต้องอยู่ใต้ฝ่าตีนเธอกับแม่เท่านั้น
^
^
^
***อิตั๋วเฮียมันมาปูทางไว้แล้วจ้ะ คงคิดว่าจะง่ายเนอะ...โปรดติดตามตอนต่อไปและคอมเม้นเป็นกำลังใจให้จอมด้วยนะค้า
มนสิมีกิจกรรมจากที่พี่เมพมาฝาก นักอ่านที่โหวดนักเขียนที่ชื่นชอบแล้วถ้ามีช่องว่างเหลือใส่ชื่อมนสิกานต์ไว้สักช่องนะค้าาาา เดี๋ยวจะขยันสร้างผลงานออกมาให้อ่านกันค่า กราบบบบบ :)
ร่วมกิจกรรมกันมีของรางวัลจากทางเมพด้วยค่ะ