ด้านเจ้าสัวยงเกียรติบิดาของหยาดพิรุณก็เกริ่นเรื่องนี้กับเจ้าสัวแสงชัยแล้วเช่นกัน วันต่อมาปภังกรจึงถูกบิดาตามตัวให้เข้ามาพบที่บ้าน พอลูกชายมาถึงก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา สีหน้าไร้อารมณ์จนบิดาค่อนแคะออกมาว่า
“หน้าไม่เหมือนคนกำลังจะแต่งงานมีความสุขเลยนะ”
เสียงพ่นลมหายใจออกหนักจากคนเป็นลูก
“ป๊า บอกทางนั้นว่าหมั้นไว้ก่อนได้มั้ย ยังไงก็ต้องแต่งอยู่แล้ว แต่มันก็เร็วไปนะ เวลาไม่กี่อาทิตย์เตรียมงานกันทันเหรอ กว่าจะเชิญแขกจากเมืองจีนเมืองไทย ดูรีบร้อนแบบนี้ดีไม่ดีคนจะหาว่าท้องก่อนแต่งอีก ป๊าไปพูดให้หน่อยสิ”
เจ้าสัวแสงชัยถึงกับแค่นเสียงเยาะบุตรชายในลำคอ คนหน้าหนาอย่างมันหัดกลัวคนนินทาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูก็รู้ว่ามันไม่อยากแต่งกับเขา แต่ยังไงมันก็ต้องแต่ง เพื่อธุรกิจ!
“นะป๊านะ ถือว่าช่วยลูกชายที่กำพร้าแม่คนนี้สักครั้ง นี่ถ้าแม่อยู่ยังไงแม่ก็ต้องช่วยผม...ป๊า”
ปภังกรทำเสียงอ้อนงัดกระบวนท่าไม้ตายออกมาใช้ คนเป็นพ่อถึงกับถลึงตาดุใส่ เล่นถึงเมียสุดที่รักกันเลยนะไอ้ลูกบังเกิดเกล้า แบบนี้จะให้คนที่รักแม่มันอย่างเขาทำอย่างไรได้
เจ้าสัวแสงชัยต้องชักแม่น้ำทั้งห้าร้อยสายตั้งแต่ฮวงโหจนถึงเจ้าพระยากว่าครอบครัวของหยาดพิรุณจะเห็นด้วยเรื่องให้หมั้นกันไว้ก่อนแทนที่จะรีบแต่ง เพราะทางฝ่ายหญิงอ้างว่าผู้ใหญ่ของตระกูลที่จีนกดดันมา และกำหนดพิธีหมั้นที่ตกลงไว้คือจะจัดขึ้นอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า สิ่งที่ไม่มีใครรู้นอกจากหยาดพิรุณกับฮุ่ยซิ่วผู้เป็นมารดาคือการเลื่อนงานแต่งให้เร็วขึ้นนั้นเป็นฝีมือของสองแม่ลูก เมื่อคู่หมายงานดีระดับพรีเมียมหยาดพิรุณก็ไม่อยากรั้งรอจนอาจเกิดเหตุนอกเหนือการควบคุม เมื่อแต่งงานกันแล้วเธอก็มีสิทธิ์จะจัดการผู้หญิงคนอื่นของสามีได้อย่างเต็มที่ หยาดพิรุณจึงหว่านล้อม ‘หม่าจิ้น’ ผู้เป็นปู่ให้เห็นดีเห็นงามออกหน้าเร่งรัดการแต่งงานโดยอ้างเรื่องที่ควรเร่งการเชื่อมความสัมพันธ์ทางธุรกิจของสองตระกูล ประกอบกับปีที่ผ่านมาสุขภาพของผู้อาวุโสของตระกูลไม่ค่อยดีนักจึงอยากเห็นหลานสาวคนโปรดเป็นฝั่งเป็นฝากับคนที่เหมาะสม
ตั้งแต่เกิดเรื่องกับรถและที่ร้าน เวลาจอมแก้วก้าวขาออกไปข้างนอกพ้นจากคอนโดมิเนียมหรูเธอจะรู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตามอยู่ทุกฝีก้าว มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เธอจะเจอชายสองคนเดิมแทบทุกครั้ง คนหนึ่งหน้าเสี้ยมเหมือนตัวร้ายชั้นปลายแถวในหนังกับอีกคนหน้าตาสะอาดสะอ้านทว่าดวงตาหลุกหลิกเหมือนพวกโรคจิต พวกมันสบตากับเธอโดยไม่หลบและยิ้มแสยะให้ จอมแก้วรู้ตัวว่ากำลังโดนคุกคาม และมันก็ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อครั้งนี้หนึ่งในสองทำทีเป็นเดินเข้ามาชนเธออย่างไม่ตั้งใจ อาศัยจังหวะที่เข้าใกล้พูดขึ้นมาว่า
“ถ้าไม่อยากหน้าแหกเพราะน้ำกรด รีบไสหัวออกไปจากเฮียกั้งซะ”
ขู่จบมันก็รีบชิ่งออกไป จอมแก้วพยายามตั้งสติไม่โวยวายออกมาทั้งที่ใจกำลังตื่นกลัวไม่น้อย เพราะถึงโวยวายไปก็ไม่มีหลักฐานเอาผิดพวกมันได้ พวกมันทำตามคำสั่งที่ได้รับมา และคนเดียวที่พยายามหาเรื่องเธอเพราะ ‘เฮียกั้ง’ คือใครเดาได้ไม่ยาก เธอจะขอร้องให้เขาช่วยเหลือเหมือนครั้งก่อนนะหรือ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกันเพราะคนที่คุกคามเธอคือคนที่เขากำลังจะแต่งงานร่วมชีวิตด้วย และถ้าเธอบอกว่าผู้หญิงคนนั้นสั่งให้คนมาข่มขู่เธอเขาจะเชื่อเธอหรือ และเขาจะช่วยเธออย่างไร จิตใจของผู้หญิงยากแท้หยั่งถึงลึกยิ่งกว่าก้นมหาสมุทรเกินกว่าที่ผู้ชายจะคาดคะเนได้
จอมแก้วกลับมาที่เพนต์เฮาส์และตั้งใจจะคุยเรื่องนี้กับเขาจริงจัง ใจไม่อยากอยู่ต่อแล้ว ถึงเธอจะอยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่จะได้อยู่กับเขาให้นานที่สุดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นการซ้ำเติมความรู้สึกของตัวเองด้วย เธอไม่อยากให้ใจเจ็บลึกไปมากกว่านี้ ปภังกรเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์พร้อมทั้งรูปร่าง หน้าตา และฐานะ เขาเก่งกาจเฉลียวฉลาดแต่ไม่มีหัวใจ คนอย่างเขารักใครไม่เป็น เขาเคยพูดกับเธอว่า
‘ความรักระหว่างหญิงชายอะไรนั่นมันไร้สาระ มันก็เรื่องของการดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผู้ชายน่ะเรื่องปลดปล่อยเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ต้องมีความรักอะไรทั้งนั้นแหละ’
ที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะตามใจเธอสารพัดแต่นั่นไม่ใช่เป็นเพราะรัก และเขาก็ไม่เคยสนใจอยากได้สิ่งที่เรียกว่ารักจากเธอ สิ่งที่เขาอยากได้จากเธอคือเรื่องบนเตียง เธอก็ไม่ได้ต่างอะไรกับข้าวของเครื่องใช้ที่มีเวลาปลดระวาง และตอนนี้มันก็สมควรแก่เวลาแล้ว ทรัพย์สินที่เธอสะสมไว้มันมากพอที่จะทำให้เธอนำไปต่อยอดเลี้ยงดูตัวเองได้ หญิงสาวส่งข้อความไปหาปภังกรซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน แต่เธอใจร้อนเกินกว่าจะรอเขากลับมา
“คุณกั้งอยู่ไหน ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณตอนนี้ค่ะ”
ขณะเดียวกัน ปภังกรอยู่ที่บ้านของหยาดพิรุณพร้อมกับผู้เป็นบิดา กำลังคุยกับอากงของเธอที่เดินทางมาจากเมืองจีน ช่วงที่นั่งกันสบาย ๆ เขาเห็นข้อความจากเธอที่ส่งเข้ามาแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าจนเป็นพิรุธให้คนอื่นสังเกต แต่ก็กดพิมพ์ข้อความส่งกลับไปบอกอีกฝ่ายเหมือนเป็นการคุยงานธรรมดา
{ทำธุระอยู่ ค่ำ ๆ กลับไปค่อยคุยกัน}
พิมพ์เสร็จก็คว่ำหน้าจอโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะ เงยหน้าพูดคุยกับผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ต่อ
ทางด้านจอมแก้วได้รับข้อความที่เขาส่งกลับมาก็เบ้ปากใส่โทรศัพท์ ธุระที่ว่าคงจะอยู่กับผู้หญิงคนนั้นสินะ หญิงสาวจึงส่งข้อความกลับไปอีกทีพร้อมกับแนบรูปถ่ายไปด้วย
“ฉันอยากคุยกับคุณตอนนี้ ด่วน”
*แนบรูป*
โทรศัพท์ที่วางไว้สั่นครืดสองครั้งทำให้ชายหนุ่มต้องจับมาดูอีกรอบ เห็นข้อความพร้อมรูปที่เธอแนบมา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกยาวสายตามองไปยังคนที่พอจะช่วยเหลือได้ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปพูดอะไรบางอย่างกับบิดาแล้วลุกขึ้นยืน โค้งตัวให้กับผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่บอกเสียงสุภาพว่า
“ผมมีธุระด่วนเรื่องงาน ต้องขอตัวก่อนนะครับ”
พูดจบก็หันไปมองหน้าบิดาซึ่งจะเป็นคนที่คอยรับหน้าทุกคนแทนเขา ยิ้มหวานให้หนึ่งทีก่อนจะรีบเดินออกมา กลับเข้ามาในรถมือหนาก็ตบพวงมาลัยแรง ๆ ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม คิดคาดโทษไปถึงคนที่ส่งรูปมายั่วเขา ให้ตายเถอะยัยจอมแก้งใช้วิธีเรียกตัวเขากลับไปเหมือนเมื่อสองปีก่อน
จอมแก้วนั่งนิ่วหน้าอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ ในจอกำลังฉายภาพศิลปินนักร้องหน้าหล่อคนโปรดของเธอ แต่ยามนี้เหมือนสายตาของหญิงสาวจะไม่ได้โฟกัสที่ศิลปินแต่มันเหม่อลอยไปไหนสักแห่ง
ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับใครคนหนึ่งเดินหน้ามุ่ยตรงเข้ามา หญิงสาวหันไปมองก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเป็นเขาที่บอกว่าติดธุระ เธอก็ไม่แน่ใจหรอกว่ารูปที่ส่งไปจะมีผลมากน้อยแค่ไหน
กับแค่รูปกางเกงในตัวสีชมพูซีทรูที่เขาชอบให้เธอใส่กางโชว์อยู่บนที่นอน เขาก็รีบมาเลย จอมแก้วยิ้มขบขัน
^
^
^
***แหม เฮียเห็นรูปแบบนี้ดิ่งมาไวเชียวนะ ถ้าจอมไม่อยู่แกจะคลั่งวันละกี่ครั้ง
โปรดติดตามตอนต่อไป อย่าลืมส่งคอมเมนต์ส่งหัวใจมาด้วยนะค้าาา