ตลอดทั้งวันที่อยู่คนเดียวหญิงสาวนั่งเล่นนอนเล่นโทรศัพท์ เปิดดูรายการทีวี ออกกำลังกายในยิมส่วนตัวในห้องจนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงค่ำหลังจากทำอาหารง่าย ๆ สำหรับตัวเองแล้วเธอก็มานั่งเล่นโทรศัพท์มือถือที่โซฟาตัวเดิม ขณะนั้นมีสายเรียกเข้าซึ่งไม่ปรากฏชื่อผู้โทร. เข้ามา ตอนแรกหญิงสาวลังเลว่าจะรับหรือไม่เพราะเหมือนมีบางอย่างร้องเตือนว่าอาจจะเป็นสายจากคนที่กำลังคุกคามเธอแต่คิดอีกทีว่าอาจจะเป็นคนที่ร้านโทร. มาจึงตัดสินใจรับสาย
“ฮัลโหล”
ทันทีที่จอมแก้วกรอกเสียงกลับไป คนในสายก็เอ่ยตอบกลับมา
{ฉันคือหยาดพิรุณ คิดว่าเธอคงรู้จักฉันบ้างแล้ว}
น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูเยือกเย็น จอมแก้วพยายามตั้งสติไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นได้เบอร์ติดต่อเธอมาได้อย่างไร แต่ถ้าถึงขนาดให้คนมาข่มขู่เธอได้ก็คงไม่ยากสำหรับการจะหาเบอร์ของเธอ
“ทำไมเงียบไปล่ะ กลัวเหรอ หึหึ”
ปลายสายเอ่ยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“อย่ากลัวไปเลย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อย ฉันแค่จะมาบอกข่าวดีกับเธอว่า พรุ่งนี้ฉันกับเฮียกั้งกำลังจะหมั้นกัน ไม่รู้ว่าเฮียกั้งเขาบอกเธอหรือยัง ถ้าอยากมาดูให้เห็นกับตาว่าอนาคตจะอยู่กันยังไงก็มาได้นะที่โรงแรม xx ฤกษ์สวมแหวนเวลาเก้าโมงเก้านาที”
แจ้งข่าวแล้วหยาดพิรุณก็วางสายไปทิ้งความรู้สึกหนักอึ้งไว้ให้กับจอมแก้ว นี่คือการประกาศสงครามจากว่าที่เมียเบอร์หนึ่งของเขาสินะ ทั้งที่เธอไม่เคยคิดจะแสดงตัวหรือทำอะไรเลยด้วยซ้ำ อีกฝ่ายก็เล่นงานเธอแบบไม่ยั้ง ที่เขาไม่กลับมาที่เพนต์เฮาส์คืนนี้เพราะเขาต้องเตรียมตัวหมั้นในวันพรุ่งนี้ แบบนี้นี่เอง
“ได้ จะแต่งตัวให้สวยตะโกนไปเลย”
เมื่อได้รับเชิญมา ตามมารยาทก็ต้องไปสิ ไปให้เห็นกับตาว่าบรรยากาศในงานจะมีความสุขอบอวลกันมากแค่ไหน
จอมแก้วรับคำเชิญปากเปล่าจากหยาดพิรุณ หญิงสาวเดินไปที่ Walk-in Closet เลือกชุดสำหรับจะสวมไปงานหมั้นของปภังกรพรุ่งนี้เช้าให้สมเกียรติ
“ชุดนี้น่าจะเหมาะ”
มือเรียวหยิบชุดเดรสเกาะไหล่สีครีมดูเรียบหรูของแบรนด์ดังออกมา ริมฝีปากอิ่มสวยระบายรอยยิ้มขื่นขม อยากจะรู้ว่าปภังกรจะทำหน้าอย่างไรเมื่อเห็นเธอไปร่วมพิธีหมั้นของเขา
งานหมั้นของปภังกรกับหยาดพิรุณจัดขึ้นในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมระดับห้าดาวริมแม่น้ำเจ้าพระยา แขกเหรื่อในงานมีเฉพาะคนที่รู้จักสนิทสนมของทั้งสองครอบครัว ทางด้านของปภังกรแขกของเขามีมาแค่สองคนคืออาจองและศาสตรา ชายหนุ่มในชุดสูทสีงาช้างหล่อเหลา ส่วนเจ้าสาวสวมชุดหมั้นแบบเรียบหรูแต่ดูแพงด้วยชุดเกาะไหล่สีชมพูหวาน ผมเกล้าสูงปล่อยปอยผมด้านหน้าลงมาระกรอบหน้าเหมือนไม่ได้ตั้งใจทำให้ดูเป็นธรรมชาติสวมเครื่องประดับศีรษะไม่มากไม่น้อยอย่างลงตัวบรรยากาศเรียบง่ายแต่มีระดับ หม่าจิ้นอากงของเจ้าสาวที่บินมาไทยเพื่องานหมั้นของหลานสาวโดยเฉพาะนั่งอยู่บนวีลแชร์มองหลานคนโปรดและคู่หมั้นด้วยสายตาปริ่มเปรม
จอมแก้วมาถึงห้องจัดงานซึ่งมีหญิงสาวสองคนคอยต้อนรับแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมพิธีหมั้น ดูแล้วน่าจะเป็นญาติของฝ่ายหญิงเพราะเค้าหน้าคล้ายว่าที่คู่หมั้นของปภังกร จอมแก้วแต่งหน้าโทนนู้ดชมพูเกล้าผมแบบ Perfectly Messy ดูยุ่งนิด ๆ ที่เรียกว่าสวยแบบไม่ตั้งใจ สวมต่างหูโรสโกลด์ของคาร์เทียร์ และถือกระเป๋าคลัตช์สีงาช้าง ในตอนที่กำลังลังเลว่าจะเข้าไปด้านในงานดีหรือไม่ เพราะดูเหมือนจะเป็นงานที่เชิญเฉพาะญาติและคนสนิทเท่านั้น ส่วนเธอเป็นแขกที่ได้รับเชิญ ‘เป็นกรณีพิเศษ’ หญิงสาวก็เหลือบไปเห็นอาจองเดินเข้ามาพอดี ชายหนุ่มตกใจไม่น้อยที่เห็นผู้หญิงอีกคนของเพื่อนรักยืนอยู่ตรงนี้ แต่จอมแก้วไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเธอก้าวเข้าไปหา สบตาที่ยังมองเธอด้วยความตกใจแล้วพูดขึ้นว่า
“จอมขอเข้าไปในงานพร้อมคุณอาจด้วยนะคะ” หญิงสาวยิ้มสดใส สีหน้าไม่เหมือน ‘เมียคนหนึ่ง’ ที่กำลังจะมาอาละวาดในงานแต่งสามี แต่อาจองก็ยังมีทำท่าเหมือนคนท้องผูก ขณะที่ในใจกำลังทักทายบรรพบุรุษของไอ้เพื่อนรักที่มันกล้าชวนผู้หญิงที่เลี้ยงไว้มางานหมั้นตัวเองได้ลงคอ ไม่คิดว่ามันจะเลือดเย็นขนาดนี้ ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีชมพูนู้ดก็เอ่ยราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“จอมได้รับเชิญมาเหมือนกันค่ะ”
“เอ่อ...”
จอมแก้วไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มคิดนาน เธอคล้องแขนเขาพร้อมกับพยักหน้าให้เขารับคำขอจากเธอด้วย
ใกล้ได้เวลาสวมแหวนปภังกรและหยาดพิรุณเข้ามานั่งต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่ต่างยิ้มแย้มยินดีที่สองตระกูลจะเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน หยาดพิรุณในวันนี้ดูสวยเปล่งปลั่งออร่าเจ้าสาวจับ หญิงสาวส่งยิ้มให้ว่าที่คู่หมั้นทุกครั้งที่สายตาสบประสานกัน ปภังกรเองก็ยิ้มตอบเธอเช่นกัน งานหมั้นครั้งนี้จัดขึ้นโดยความสมัครใจของเขาไม่ใช่การบีบบังคับ ทำไมเขาจะต้องทำหน้าไม่พอใจด้วยล่ะ
ขณะที่รอให้เข็มนาฬิกาเดินมาถึงฤกษ์ยามที่กำหนดในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ ช่างภาพมืออาชีพที่ถูกจ้างมาก็รัวกดชัตเตอร์เก็บภาพหนุ่มสาวทั้งสองคนในทุกมุม ก่อนที่สายตาของปภังกรจะมองไปเห็นหญิงสาวที่เขารู้จักเธอดีในทุกซอกมุมยืนอยู่ตรงนั้น สายตาของเธอก็กำลังจ้องมองมาที่เขาเช่นกัน หยาดพิรุณมองตามสายตาเขาไปก็เห็นจอมแก้วที่วันนี้แต่งตัวมางานด้วยชุดที่มีดีไซน์คล้ายกันกับเธอแต่ต่างสี แถมทรงผมก็ยังใกล้เคียงกันเพียงแต่ไม่มีดอกไม้กับมงกุฎเล็ก ๆ ประดับศีรษะเหมือนเธอ ดวงตาของหยาดพิรุณวาบขึ้นอย่างแค้นเคืองและอาฆาตจอมแก้วอยู่ในใจที่แต่งตัวเหมือนตั้งใจมาประชันกับเธอ
‘แกรู้จักฉันน้อยไปแล้วนังผู้หญิงอุ่นเตียง ให้มาเห็นด้วยตาตัวเองจะได้สำเหนียกเงาหัว กลับกล้ามาท้าทายฉัน’
ทั้งสามคนจ้องมองกันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง กระทั่งมีเสียงเอ่ยขึ้นว่า
“ได้ฤกษ์สวมแหวนแล้ว”
ปภังกรจึงดึงสายตากลับมาโฟกัสคู่หมั้นตรงหน้า หลังจากพิธีสวมแหวนเสร็จสิ้นเขาถึงได้หันไปมองที่จุดเดิมอีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นเธอแล้ว
เสร็จจากช่วงพิธีการบนเวที คู่หมั้นหมาด ๆ ก็ลงมาพูดคุยถ่ายภาพร่วมกับแขกในงาน ปภังกรกวาดสายตาไปทั่วงานเพื่อจะหาคนที่เขาไม่คิดว่าจะเห็นเธอในงานนี้แต่ก็ไม่เจอแล้ว หรือว่าเมื่อครู่เขาจะมองผิด ผู้หญิงคนนั้นอาจจะแค่คนที่คล้ายเธอเท่านั้น...แต่คนที่กอดอยู่แทบทุกคืนเขาไม่น่าจะจำผิด
อาจองเดินเข้ามาหากระแซะถามว่า
“นี่แกใจกล้าถึงขนาดชวนจอมแก้วมางานหมั้นวันนี้ด้วยเลยเหรอวะ”
“แกเจอจอมใช่มั้ยวะ”
“เออดิ ก็เขาเข้ามาในงานกับฉันนี่ ควงแขนด้วยเว้ย จะไม่เจอได้ไง”
ที่เห็นนั่นเป็นจอมแก้วจริง ๆ สีหน้าและแววตาของปภังกรกระวนกระวายอย่างไม่ปิดบัง
“แล้วตอนนี้เธอไปไหนแล้ว”
ถามพลางก็กวาดสายตาหา
“ไม่รู้สิ สงสัยทนเห็นภาพบาดตาไม่ไหวกลับไปแล้วมั้ง”
อาจองพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะจนปภังกรหันมองตาขุ่นขวาง หากเพื่อนรักก็ไหวไหล่แถมยักคิ้วให้ เขากวาดสายตามองหาเธอต่อแต่ไม่พบ คิดว่าคงจะออกจากงานไปแล้วแต่ก็ไม่วายสงสัยว่าเธอมางานวันนี้ได้อย่างไร แต่ขณะที่คิดหาคำตอบอยู่นั้นเสียงหวานใสของคู่หมั้นก็เรียกเขาให้ไปถ่ายรูปกับแขกคนอื่น
^
^
^
***สงสารจอม แง อ่านแล้วอย่าลืมส่งกำลังและคอมเม้นให้นักเขียนด้วยนะค้าาาา