ปภังกรคุยโทรศัพท์เรียบร้อยก็กลับมาที่โต๊ะ คราวนี้เป็นจอมแก้วที่ขอตัวลุกออกไปเข้าห้องน้ำ เธอขอไปหายใจหายคอให้โล่งหน่อยหลังจากได้ยินคำพูดจากปากเจ้าสัวผู้รวยทรัพย์ซึ่งไม่รู้สึกอะไรกับการมีภรรยาหลายคนและคิดว่าเป็นการดีเสียอีกที่จะได้มีลูกหลานมาสืบทอดธุรกิจ เพราะมีพ่อเป็นแบบอย่างนี่เอง ปภังกรถึงมีความคิดในแบบเดียวกัน
หลังจากที่จอมแก้วลุกออกไปลูกชายจึงบอกกับบิดาด้วยสีหน้าไม่เฉยชาว่า
“หยกบอกว่าจะนำของบำรุงจากจีนมาให้ป๊าพรุ่งนี้”
“อืม แล้วแกก็ต้องมาที่บ้านด้วย ให้ว่าที่เจ้าสาวเจอหน้า ไม่ใช่มัวแต่ไปขลุกอยู่กับ...”
เจ้าสัวละคำพูดแต่ใช้สายตามองที่เก้าอี้ว่างข้างลูกชาย เห็นลูกระบายลมหายใจหนัก ๆ ออกมาก็เอ่ยต่อว่า
“เรื่องนี้ต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนจะแต่งกับอาหยกนะ”
“ผมไปตกลงกับหยกเรียบร้อยแล้วครับไม่ต้องห่วง แล้วเขาสองคนก็เจอกันแล้วด้วย”
“ทีเรื่องอย่างนี้ล่ะเร็วนักนะ แกแน่ใจนะว่าจะไม่มีปัญหา ไอ้กั้ง”
ปภังกรนิ่งคิดอยู่ไม่นานก่อนจะตอบ
“ไม่มีหรอกป๊า ผมเอาอยู่ มือชั้นนี้แล้ว”
“เหอะ มือชั้นนี้ แล้วกูจะคอยดู ว่าใครจะเอาอยู่กันแน่”
บิดาทำหน้าเยาะ ลูกชายเบือนหน้าหนีไม่อยากมอง จอมแก้วเดินกลับมาที่โต๊ะ อาหารมาเสิร์ฟครบ ทั้งสามคนก็กินกันไปคุยกันไป ส่วนมากจะเป็นชายหนุ่มกับบิดาที่คุยกันเรื่องงานและเรื่องทั่วไป อย่างน้อย ๆ บิดาของเขาก็ไม่หยิบยกเรื่องผู้หญิงคนอื่นขึ้นมาพูดระหว่างมื้ออาหาร หลังจากอิ่มกันแล้วปภังกรก็ขอตัวพาจอมแก้วลุกออกจากร้านไปก่อน
หญิงสาวเดินตามหลังชายหนุ่มห่างไม่กี่ก้าวก่อนจะถึงประตูทางออกมีผู้หญิงสามคนเดินสวนเข้ามาด้วยความเป็นปกติทำให้ไม่มีใครหันไปสนใจ ทว่าก็มีมือใครก็ไม่รู้ยื่นมาบิดเนื้อบริเวณต้นแขนจอมแก้วอย่างแรงด้วยความรวดเร็ว
“โอ้ย !”
หญิงสาวหลุดเสียงร้องเบา ๆ เมื่อรู้สึกเจ็บแปล้บยกมือลูบต้นแขนที่เป็นรอยแดง นิ่วหน้า หันกลับไปมองก็เห็นเพียงด้านหลังซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครกำลังพูดคุยหัวเราะกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เป็นอะไร”
ชายหนุ่มหันกลับมามองเมื่อได้ยินเสียงร้องของเธอ
“เปล่า ไม่มีอะไร” ตอบเสียงอ้อมแอ้มในลำคอแล้วร่างบางก็เดินก้มหน้าตามหลังเขาไป เมื่อหญิงสาวไม่ได้บอกปภังกรก็คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ขณะนั่งรถออกมาปภังกรก็หันไปมองตุ๊กตาหน้ารถของตัวเองเป็นระยะ เขาไม่เห็นรอยแดงที่อีกไม่นานจะกลายเป็นรอยเขียวอมม่วงที่เกิดขึ้นเพราะไม่ได้อยู่ในทิศทางสายตาที่จะเห็น หญิงสาวนั่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร เขาจึงถาม
“ตอนฉันออกไปคุยโทรศัพท์ ป๊าได้พูดอะไรกับเธอรึเปล่า”
จอมแก้วชายตาไปมองคนถามแวบหนึ่ง จะบอกเขาถึงเรื่องที่บิดาของเขาคุยกับเธอให้ฟังงั้นหรือ เธอไม่อยากใส่ใจมันเลยเพราะเรื่องแบบนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นจึงบอกเพียงว่า
“เปล่าค่ะ ไม่ได้พูดอะไร”
พลขับได้ยินแบบนั้นก็เงียบ ไม่ซักไซ้อะไรต่อ
นั่งดื่มอยู่ที่ร้านไม่เกินสี่ทุ่มปภังกรก็กลับมาค้างที่เพนต์เฮาส์พร้อมจอมแก้วเหมือนปกติ ชายหนุ่มเพิ่งมาสังเกตเห็นรอยเขียวช้ำวงใหญ่บริเวณต้นแขนของเธอในตอนจะเข้านอน จึงได้เอ่ยถามในตอนนั้นว่า
“ไปโดนอะไรมาทำไมแขนช้ำแบบนั้น”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจ้องหน้า หญิงสาวตอบหน้าตาเฉยชาว่า
“เดินชนอะไรไม่รู้ค่ะ”
เธอตอบเหมือนไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มั่นว่าตัวเองโดนใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักกันมาก่อนบิดที่ต้นแขน
“ไปชนตั้งแต่เมื่อไหร่”
“จำไม่ได้ค่ะ” ตอบตัดบทแล้วก็ล้มตัวนอนตะแคงดึงผ้าขึ้นมาคลุมจนถึงต้นคอ ปิดตาลงคล้ายไม่อยากตอบคำถามอะไรจากเขาอีก คนมองดูพ่นลมหายใจออก คิดว่าเธอคงซุ่มซ่ามไปเองจึงบอกเพียงแค่ว่า
“พรุ่งนี้ไปหายามาทาด้วยแล้วกัน”
แล้วตัวเองก็หลับไป พอได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเขาจอมแก้วจึงได้ลืมตาขึ้นในความมืด
^
^
^
***ใครหยิกน้อง หยิกคืนสิบเท่านะคะ โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยน้า