ตอนที่4 ความสูญเสีย
“พอเถอะค่ะพี่แก้มน้องเล็กไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วล่ะค่ะ พี่แก้มเห็นซูชิไหมคะ วันนี้ไม่เห็นมันมารับน้องเล็กเลยแอบไปเล่นซนที่ไหนเนี่ย เจอตัวจะจับฟัดซะให้เข็ด” วชิราภรณ์เปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน
“เอ… น่าจะอยู่ในสวนนะ มันคงกำลังเล่นเพลินอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงรถที่มาส่งเธอละมั้ง”
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น อคิราหันกลับไปมองด้านหลัง เมื่อไม่เห็นว่ามีใครอยู่แถวนั้นหล่อนจึงโหย่งตัวลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับยกมือห้ามน้องสาวที่ทำท่าจะเดินไปรับโทรศัพท์ซะเอง
“ไม่ต้องยัยน้องเล็กเดี๋ยวฉันไปรับเอง อาจจะเป็นใครโทรมาติดต่องานฉันเรื่องงานก็ได้ ฉันเคยให้เบอร์บ้านไว้ด้วย เผื่อโทรเข้ามือถือของฉันไม่ติด เธอมาเหนื่อยๆ นั่งพักไปเถอะ”
วชิราภรณ์พยักหน้ารับยิ้มๆ พร้อมกับมองตามหลังพี่สาวไปจนกระทั่งฝ่ายนั้นยกหูโทรศัพท์ขึ้นกรอกคำพูดทักทายไปแค่ประโยคเดียวก็นิ่งอึ้งตัวแข็งหน้าซีด จนในที่สุดก็ปล่อยโทรศัพท์หลุดมือตกลงกระแทกกับพื้นเสียงดัง หญิงสาวรีบวิ่งไปหาอคิรายกหูโทรศัพท์ขึ้นฟัง แต่ปลายสายก็ตัดไปแล้ว
“พี่แก้มคะเกิดอะไรขึ้น ใครโทรมาคะพี่แก้ม พี่แก้ม มีเรื่องอะไรคะ” วชิราภรณ์เริ่มใจคอไม่ดีกับกิริยาประหลาดของพี่สาว จนกระทั่งอคิราหันหน้ามามองเธอด้วยดวงตาเอ่อคลอ
“ฟังฉันให้ดีดีนะยัยน้องเล็ก”
อคิราพูดกับน้องสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หล่อนหลับตากลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ พยายามรวบรวมสติทำท่าจะดับวูบลงไปซะให้ได้ กับข่าวร้ายที่เพิ่งได้ยินได้ฟังมา
“มีอะไรคะพี่แก้ม”
วชิราภรณ์จับต้นแขนทั้งสองข้างของพี่สาวบีบแรงๆ ความหวาดกลัวบางอย่างแล่นขึ้นมากดทับอยู่ที่หัวตาของเธอจนร้อนผ่าว
“คุณพ่อ กับคุณแม่เสียแล้วจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อช่วงบ่าย...”
อคิราบอกต่อข้อความที่หล่อนได้ยินมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บิดามารดาของหล่อนเดินทางไปติดต่อธุรกิจยังประเทศแถบยุโรปในช่วยเที่ยงของวันนี้ เหมือนที่พวกท่านมักจะเดินทางไปเป็นประจะ และโชคร้ายเหลือเกินที่อุบัติเหตุนั่นคร่าชีวิตพวกท่านทั้งสองไปอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยที่ไม่ได้ทันล่ำลากัน
“อะ…”
วชิราภรณ์อ้าปากค้าง สุ้มเสียงทั้งหมดของเธอเหมือนถูกสูบหายไปในอากาศ หยาดน้ำตาหลั่งรินลงมารดแก้มเนียนเป็นสายจนดวงตาพร่ามัวไปด้วยม่านน้ำ หัวสมองหนักอึ้งเสมือนถูกกดทับ มึนงงหูอื้อตาลาย แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลง
“ยัยน้องเล็ก!! ทำใจดีๆ ไว้นะ ช่วยด้วย! ใครก็ได้เข้ามาช่วยฉันที”
อคิราประคองน้องสาวเอาไว้ได้ทันก่อนที่ร่างของเธอจะทรุดซวบลงกับพื้น หญิงสาวมองไปรอบๆ ห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่ตกแต่งเอาไว้หรูหรางดงาม ทว่ายามนี้มันช่างดูหดหู่พิกล มันเงียบสงัดเหลือเกิน สำหรับความรู้สึกของหล่อนในเวลานี้… ยังไม่มีใครวิ่งเข้ามาช่วยเหลือ เสียงของหล่อนคงดังไม่พอที่จะทำให้ใครสักคนข้างนอกได้ยิน หญิงสาววางศีรษะของน้องสาวเอาไว้บนตัก ความมืดแผ่เข้าปกคลุมรอบๆ กายแทนที่ความสดใส
หรือว่าโลกที่เคยสวยงามของหล่อนจะล่มสลายลงแล้วจริงๆ