ตอนที่ 3

1455 Words
ตอนที่ 3 ร่างหนาเดินวนเวียนไปมาในห้องทำงานอย่างไม่รู้ว่าจะจัดการกับหนุ่มน้อยที่ยืนตัวงองุ้ม ไหล่ลู่อย่างคนที่กำลังสำนึกในความผิดที่ได้กระทำเอาไว้ดี ด้วยรู้ดีว่าถึงลงโทษไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ยิ่งถ้ากนกพิชญ์รู้เข้า ก็จะอาละวาดใส่เขาพร้อมกับเข้าข้างสงกรานต์ บอกว่าชายหนุ่มไม่ใช่คนผิด เธอต่างหากที่ทำเรื่อง ชายหนุ่มยกมือขึ้นเท้าสะเอว ในวัยเกือบจะสามสิบสี่ปี ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะรู้สึกแบบนั้น รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังโดนลองดีและหยามหน้า เพราะหนุ่มน้อยหน้าหวานที่ยืนส่งยิ้มแหยๆ อยู่ตรงหน้า ในหัวใจมันร้อนรุ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้าหวานและเศร้าปนโศก ได้สบกับดวงตากลมโตซ่อนแววหวานแต่มีความกลัว ประหวั่นพรั่นพรึงและหวั่นเกรงไว้ไม่มิด เรียกว่าเห็นในตอนที่เห็น มันสะดุดและสะกิดใจเขาไปเต็มๆ เหมือนโดนหมัดเข้าตรงเป้ากลางใจ...หัวใจหล่นหายไปในนาทีนั้นและยังหาไม่เจอ ถ้าคนตรงหน้าเป็นผู้หญิง เขาจะไม่ว่าเลยที่ตัวเองสะดุดตาและเผลอชอบในดวงตาคู่นั้น หนุ่มน้อยที่มีลักษณะตื่นกลัวเหมือนกับกวางน้อยยามต้องภัย เอาแต่หลบหน้าหลบตาหลบอยู่ข้างหลังบิดาตลอดเวลา แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นก็ทำเอาเขาถึงกับใจแกว่ง ยืนตะลึงงันมองหนุ่มน้อยร่างบอบบางเหมือนกับลำตัวจะหักถ้าหากว่าแตะหนักมือไปสักหน่อย “เจ้านายพูดไม่เพราะ” สงกรานต์ต่อว่าเพื่อหาทางเบี่ยงเบนประเด็นให้ออกห่างจากเรื่องที่เป็นอยู่ ต่อหน้าทุกคนในไร่ ชายหนุ่มจะพูดจาหยาบคายเสมอ ยกเว้นคือต่อหน้าผู้เป็นน้องสาว ที่โตมรจะไม่หลุดคำพูดหยาบคายออกมา “แกจะไปฟ้องยัยน้ำฟ้าให้มาต่อว่าฉันหรือไง ก็เอาซิ ถ้าคืนนี้แกอยากจะนอนหนาวหน้าเตียงฉัน” “ฮะ...อะไรนะครับ จะ...เจ้านายว่าอะไรนะครับ” สงกรานต์ถามด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างลำบากยากเย็น ขนาดว่าอยู่กับชายหนุ่มท่ามกลางผู้คนมากมายในไร่ เธอยังต้องพยายามแทบตายในการปกปิดตัวตนให้พ้นจากสายตาที่คอยจับผิดและคนที่คอยสอดส่องดูแล เพราะสงสัยในพฤติกรรมที่เหมือนกับหญิงสาวของเธอ ถ้าต้องไปอยู่กับ... โอ้ย!...ตายแล้ว ตายไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่ ๆ ตอนนี้สงกรานต์อยากจะมีพรวิเศษให้หายตัวได้เสียจริง ๆ แค่ต้องมาเดินตามโตมรตั้งแต่เช้ายันเกือบจะเข้านอน เธอก็แทบจะเป็นบ้าเพราะกลัวความลับที่เก็บเอาไว้จะแตกตายวันละหลายรอบอยู่แล้ว เกือบถูกชายหนุ่มใช้ให้เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าและหิ้วปีกยัดใส่ท้ายรถเอาไปโยนไว้นอกไร่ก็หลายครั้งหลายครา ความจริงการไปจากที่นี่ไม่ทำให้เธอรู้สึกอะไร แต่การไปจากชายหนุ่มต่างหากละที่เธอทำใจไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าทำไมดวงตาถึงคลาดคลาจากกายใหญ่ไม่ได้ หูคอยแต่ฟังเสียงนุ่มทุ้มยามที่เอื้อนเอ่ยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ หัวใจเต้นแรงและเร็วทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนที่ชอบทำหน้าตาบึ้งตึงหรือไม่ก็เรียบเฉยเหมือนมีหน้ากากเคลือบไว้ ยิ้มที่เหมือนกับจะเปิดโลกที่มัวซัวและเต็มไปด้วยความมืดมิดให้สว่างสดใสได้ทันตา คืนนั้นทั้งคืนเธอจะนอนยิ้มจนหลับไปและในฝันก็จะมีแต่ฝันดีเสมอ แค่ได้อยู่ใกล้ชิด ได้เห็นแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าพาไปทำโน่นทำนี่ก็มีความสุขจนอยากที่จะยิ้มอยู่อย่างนั้นทั้งวัน วันไหนที่โตมรซึ่งชอบทำหน้าตาย เรียบเฉย ไม่ดุไม่ด่า ไม่พูดด้วย มันเหมือนกับมีเข็มตำใจให้เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก สงกรานต์รีบสลัดศีรษะความคิดเรื่องของโตมรออกไป แต่ไม่ว่ายังไงก็หยุดคิดถึงเรื่องของคนตรงหน้าไม่ได้เสียที มันคอยวนเวียนคิดถึงแต่คนตรงหน้าจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร เธอพ่นลมออกจากปาก แม้จะกลัวบางสิ่งบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ ซึ่งเธอยังไม่แน่ใจในความรู้สึกนั้นว่ามันเป็นอะไรกันแน่ เพียงแค่เคารพนับถือหรือว่าเกินเลยไปกว่านั้น สงกรานต์รีบดึงความคิดกลับมายังเรื่องปัจจุบันกับปัญหาหนักอก การที่เธอต้องนอนห้องเดียวกับโตมร เสี่ยงกับการถูกจับได้อย่างที่สุด ขืนให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่... แค่คิดมันก็...อื้อ หนาวยะเยือกในอก ตายสนิทไม่ฟื้นแน่นอน ใบหน้านวลซีดเผือดจนแทบจะหาสีเลือดไม่พบ ดวงตากลมโตหลุกหลิกมองโน่นมองนี่ไปเรื่อย ขณะสมองก็ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะไม่ต้องอยู่ร่วมห้องกับหนุ่มหล่อเร้าใจ เซ็กซี่อย่างร้าย โตมรขมวดคิ้ว ดวงตาเพ่งมองหนุ่มน้อยตรงหน้าที่มีท่าทางแปลกๆ จะหัวเราะก็ไม่ใช่ จะร้องไห้ก็ไม่เชิง แล้วยังสั่นศีรษะบ่อยๆ เหมือนกับคนโดนผีเข้า “เป็นอะไรสงกรานต์ พักนี้ฉันพูดอะไรแกต้องให้ฉันพูดซ้ำทุกที หูตึงหรือไง” โตมรถามด้วยรู้สึกรำคาญกับท่าทางเหมือนกับหมาน้อยของเด็กหนุ่มตรงหน้า นี่พ่อเขาเลี้ยงยังไงลูกชายถึงได้มีท่าทางอ่อนแอแบบนี้ หน้าตาขาวใส ทั้งที่มีเพียงแค่หมวกแก๊ปใบเล็กปิดหัวใบเดียวและเดินตากแดดตามเขาทั้งวัน หากผิวก็ยังขาวราวกับหยวก ท่าทางการเดินก็สะบัดตูดย้ายก้นไปย้ายก้นมาเหมือนผู้หญิงอีก เห็นแล้วมันขัดลูกตา จนอยากที่จะพาไปขุดดินกลางไร่ให้ตัวดำและมีกล้ามขึ้นมาบ้าง แต่ก็นั่นแหละ คงจะเป็นเพียงแค่คิดเท่านั้นเอง ใช่ว่าจะไม่เคยทำ เลยไม่กล้าพาไปซ้ำสองอีก ก็พ่อเจ้าประคุณจับจอบจับเสียมขุดดินไปเพียงแค่สิบครั้งเท่านั้นเอง มือเล็กนุ่มนิ่มก็แดงเป็นปื้นและพองน้ำข้าว ใบหน้านวลงอง้ำฉ่ำน้ำตา มองเขาด้วยความน้อยใจ ตัดพ้อต่อว่า ตวัดศีรษะค้อนเขาขวับๆ พร้อมกับพูดจาด้วยความน้อยใจ ตกเย็นก็เป็นไข้จนเกือบจะต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล “เปล่านี่ฮะ ผมแค่สงสัยว่า ทำไมต้องไปนอนหนาวหน้าเตียงเจ้านายด้วย เท่านั้นเอง” หญิงสาวในมาดหนุ่มน้อยถามเสียงอ่อย พลางส่งยิ้มแหยๆ ให้โตมร ในใจก็ภาวนาว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงแค่หูฝาดไป “ใช่ ต่อไปนี้แกมีหน้าที่เดินตามฉัน จะต้องอยู่ในสายตาฉันตลอดเวลา จะได้ไม่มีเวลาแวบไปพลอดรักกับน้องสาวฉันอีก” ในเมื่อขัดขวางไม่ให้น้องสาวอยู่กับสงกรานต์ไม่ได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือเอาตัวไอ้หนุ่มหน้ามนคนนี้มาอยู่กับเขาแทน โตมรรู้ดีว่าการกระทำเช่นนี้ของตัวเองเป็นเพียงการตัดปัญหาในช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ทำให้เขาพอมีเวลาคิดตริตรองหาหนทางแก้ไขในระยะยาวต่อไปได้ “แม้กระทั่งตอนที่เจ้านายเข้าห้องน้ำ ผมก็ต้องเดินตามเข้าไปด้วยหรือไงฮะ เหม็นตายชัก” หญิงสาวประชด ใบหน้างอง้ำ ก่อนจะบึ้งตึงตามมา เจ้านายคงจะเป็นบ้าไปแล้วที่สั่งออกมาแบบนี้ เธอขบเม้มริมฝีปากอิ่มเข้าหากัน สะกดกลั้นคำพูดที่จะออกจากปากเอาไว้ เพราะถ้าขืนเผลอพูดไป เฮอะ...ได้โดนจับหักคอเป็นแน่แท้ ก็เจ้านายทั้งเถื่อน ดุและร้าย แถมยังเอาแต่ใจจนคนในไร่กลัวกันหัวหด ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ คงได้อยู่แก่จนเหนียงยานต้องคอยเกาะคานทองไว้ให้แน่นๆ จะได้ไม่หล่นลงมา หรือไม่ก็เป็นเหมือนกับผู้หญิงวัยทอง เลือดจะไปลมจะมาอารมณ์เลยไม่อยู่คงที่ เฮ้อ...น่าสงสาร สงกรานต์พ่นลมออกจากปาก ทำไมกรรมถึงตกมาอยู่ที่เธอด้วยก็ไม่รู้ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย หญิงสาวเบะหน้าอย่างด้วยเบื่อหน่าย กลอกตามองเพดานห้องก่อนจะเสมองลงมาที่พื้นสลับกันไปอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD