6.2 บทบาทของวายร้าย

2168 Words
ความคิดของเด็กสาวสะดุดลงเมื่อมีสาวใช้ที่เฝ้าอยู่ทางด้านหน้าเดินเข้ามาหา “คุณหนูเจ้าคะ นายท่านให้มาเรียนคุณหนูว่าท่านกำลังพาแขกมาพบท่านที่นี่” “แขก? ” “เจ้าค่ะ” ลี่หยวนเลิกคิ้ว ลี่ชิวหม่ารู้ดีว่านางล้มป่วยแต่ก็ยังพาแขกมาหา เห็นทีว่าอีกฝ่ายคงมีความสำคัญอยู่มากทีเดียว “เป็นใครกัน” ผู้เป็นบ่าวค้อมศีรษะลงต่ำ “เรียนคุณหนู บ่าวเองก็มิทราบเจ้าค่ะ” การตอบคำถามของนางมิได้ทำให้ลี่หยวนหงุดหงิด แต่คนที่เดือดร้อนแทนคือชิงช่าย นางอ้าปากเตรียมจะตำหนิแทนนาย หากเด็กสาวก็ยกมือห้ามไว้เสียก่อน “ชิงช่าย เจ้าไปเตรียมน้ำชาเพื่อรับแขกเถิด” ในเมื่อลี่หยวนไม่ติดใจเอาความ สุดท้ายชิงช่ายจึงต้องยอมปล่อยสาวใช้ผู้นั้นไป ลี่หยวนมองเงาสะท้อนของตนบนคันฉ่อง บ่าวในเรือนของนาง นอกจากชิงช่ายแล้ว ก็มีทั้งคนของท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่และท่านแม่รอง ในสายตาของผู้ใหญ่ในบ้าน นางคือคุณหนูผู้หัวอ่อนไม่สู้คน ดังนั้นการจะหาเรื่องบ่าวในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมีแต่จะส่งผลร้ายมากกว่าดี ลี่หยวนเตรียมตัวเสร็จก็เดินมารอแขกในห้องโถงทางอีกฟากหนึ่งของเรือน บิดาของนางเดินนำเข้ามาเป็นคนแรก ตามมาด้วยบุรุษสองคนที่แต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ ทั้งสองเป็นชายหนุ่มใบหน้าสะอาดสะอ้านแต่งกายด้วยชุดขันที เพียงแต่คนหนึ่งอายุมากกว่าและเนื้อผ้าดีกว่า ส่วนอีกคนอายุน้อยและมีท่าทีขลาดกลัวมากกว่าคนแรกอยู่หลายส่วน ลี่หยวนใช้เวลานึกเล็กน้อยก็จำได้ หากจำไม่ผิด เขาคือคนสนิทขององค์ชายสี่ มีนามว่าเสี่ยวกัว ในนิยายเขาค่อนข้างมีบทบาทอยู่พอสมควรในฐานะข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ น่าเสียดายที่จุดจบของเขาก็เอนจอนาถไม่แพ้ผู้ช่วยวายร้าย เขาโดนองค์ชายจากอีกเมืองหนึ่งสังหารและโยนศพให้อีแร้งกิน... เด็กสาวส่ายหน้าน้อยๆ เพื่อดึงตนเองกลับมายังปัจจุบัน ดวงตาคู่หวานสบตาบิดาเล็กน้อยพลางกล่าว “มิทราบว่าท่านเสี่ยวกัวมาที่นี่ด้วยตนเองด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” เสี่ยวกัวทำความเคารพเด็กสาวอย่างสุภาพ หันไปพยักหน้าให้แก่ขันทีอีกคนที่ถือถาดบรรจุกล่องไม้หอม อีกฝ่ายรีบกูลีกูจอเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านข้างเพื่อให้ลี่หยวนสามารถเห็นของดังกล่าวได้ถนัด “คุณหนู เป็นเพราะองค์ชายสี่ทรงทราบว่าคุณหนูล้มป่วยจึงเมตตา สั่งให้ข้าน้อยนำโสมพันปีมามอบแก่ท่านเพื่อบำรุงสุขภาพ” ขันทีผู้น้อยเปิดฝากล่องออก ด้านในคือโสมต้นใหญ่ที่มีสีสวยสดราวกับทองคำ นับว่าเป็นของดีโดยแท้ ท่านเสนาบดีเองก็มีสีหน้าพอใจไม่น้อย ลี่หยวนยกยิ้มบาง ยกมือส่งสัญญาณให้คนสนิท “ในเมื่อเป็นพระเมตตาขององค์ชายสี่ที่มีต่อลี่หยวน ลี่หยวนก็ขอรับไว้” ชิงช่ายเดินมารับถาดไม้ดังกล่าวจากขันทีผู้น้อย แววตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ นี่เป็นครั้งแรกที่องค์ชายสี่ประทานของขวัญให้แก่ผู้เป็นนายสาว นางคาดเดาว่าภายในใจของลี่หยวนน่าจะกำลังประทับใจอยู่มากเป็นแน่ “ท่านเสี่ยวกัวอุตส่าห์นำของสำคัญมาให้ อากาศช่วงฤดูร้อนอบอ้าวนัก ท่านพักดื่มชาก่อนแล้วค่อยไปเถิด” ลี่หยวนผายมือไปยังโต๊ะที่มีน้ำชารินเตรียมรออยู่ก่อนแล้ว เสี่ยวกัวมิอาจรั้งอยู่นานจึงปฏิเสธอย่างสุภาพ “ขอบคุณคุณหนู ทว่าข้าน้อยยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปทำต่อ คงต้องขอลา” เขากล่าวกับนางเสร็จก็หันไปหาลี่ชิวหม่า “ผู้น้อยขอลาท่านเสนาบดีลี่” ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับ จากนั้นก็หันไปสั่งให้คนช่วยนำทางแขกออกไปด้านนอก เสี่ยวกัวที่ยืนอยู่ใกล้นางหมุนกายหันหลัง จากไปพร้อมกับขันทีผู้น้อยที่หันมามองนางเป็นครั้งสุดท้าย เขาผงกศีรษะน้อยๆ ก่อนจะจากไปด้วยใบหน้าแดงซ่าน นางไม่แปลกใจนัก เด็กคนนั้นน่าจะเพิ่งเป็นขันทีได้ไม่นานจึงยังมีความรู้สึกของเพศชายหลงเหลืออยู่ในตัว ลี่หยวนเป็นสตรีที่งดงามเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองหลวง หากบุรุษมองแล้วไม่เหลียวหลังจึงจะเรียกได้ว่าผิดปกติ ครั้นสูดหายใจเข้าเสร็จก็ขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็เบนหน้าหนีพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากไอ “หยวนเอ๋อร์ อาการของเจ้ายังไม่ดีขึ้นอีกหรือ” ลี่ชิวหม่าถามไถ่ด้วยน้ำเสียงห่วงใย เมื่อครู่ที่นางเผลอปิดปากไอมิใช่เพราะรู้สึกเจ็บป่วย แต่เป็นเพราะนางเผลอได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากตัวของเสี่ยวกัวต่างหาก นางจำได้อย่างแม่นยำว่ามันเป็นกลิ่นคาวเลือด! ในระหว่างที่นางล้มป่วยอยู่ที่นี่ วายร้ายในนิยายอย่างองค์ชายสี่ก็ไม่ได้นิ่งเฉย อีกไม่นานคงมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่ ดวงตางามเหลือบมองโสมล้ำค่าที่ชิงช่ายเป็นผู้ถือ ในยุคสมัยนี้มีเพียงคนที่มีฐานะจึงมีโสมอยู่ในครอบครอง และโสมพันปีก็มีเพียงราชนิกุลระดับบนเท่านั้น องค์ชายสี่ไม่มีทางมีของล้ำค่าเช่นนี้ในครอบครองมากมาย ทว่ากลับทรงประทานมันให้แก่นาง ลี่หยวนไม่รู้ว่าซุนโม่เฉินต้องการซื้อใจนางกลับคืน หรือเป็นเพียงความปรารถนาดีที่ต้องการมอบให้ด้วยความจริงใจกันแน่ “ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ” ลี่หยวนตอบ “ท่านพ่อ ลี่หยวนเพิ่งทราบจากบ่าวไพร่ว่าเป็นพี่ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังอาหารเสียในวันนั้น แต่ลี่หยวนคิดว่าไม่มีทางที่จะเป็นพี่ใหญ่ เขาจะต้องถูกผู้อื่นใส่ร้ายอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” ลี่ชิวหม่าถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่เด็กสาวเบาๆ “เจ้าเป็นเด็กดี อาเผิงควรจะเรียนรู้จากเจ้าให้มาก ข้าไม่อยู่รบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้าแล้ว” เด็กสาวพยักหน้า บิดาของนางคงต้องเข้าวังหลวงต่อ “ลี่หยวนลาท่านพ่อ” ร่างของชายวัยกลางคนเดินจากไป ความเงียบสงัดกลับคืนสู่เรือนของนางอีกครา ชิงช่ายยังคงถือถาดโสมพันปีไว้ในมือ ยังคงรอคำสั่งจากคุณหนูของตนว่าควรจะจัดการกับมันเช่นไร นึกไม่ถึงว่าผู้ที่จากไปเมื่อยามบ่ายจะปรากฎตัวในห้องของนางอีกครั้ง ลี่หยวนที่กำลังจะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เด้งกายขึ้นมายืนตัวตรงเช่นเดิม มองผู้ที่ขยันมาหานางประหนึ่งว่าเป็นคนว่างงานอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “ลี่หยวนคารวะท่านอ๋องน้อย” นางทำความเคารพเสร็จก็เบี่ยงกายเปิดทางให้อีกฝ่ายทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ตามมารยาทของสตรีที่ดี “มิทราบว่าท่านอ๋องน้อยทรงมีเรื่องอันใดจึงมาหาลี่หยวนแต่เช้าตรู่หรือเพคะ” คงมิใช่ว่าอยากมาเร่งเร้าเอาคำตอบจากนางหรอกนะ ก่อนหน้านี้นางมัวแต่รับแขกจึงมิได้มีเวลาไตร่ตรองข้อเสนอของเขา แต่หากสังเกตจากสีหน้าของเขาในยามนี้ ลี่หยวนก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคงมิได้มาเพราะเรื่องการเป็นศิษย์อาจารย์ ...หากกระนั้น นางก็ยังคงอ่านความคิดของอีกฝ่ายไม่ออกอย่างทะลุปรุโปร่งอยู่ดี ก่อนหน้านี้นางคิดว่าเขามาค้างแรมอยู่ที่นี่เพราะต้องการทำอะไรบางอย่าง แต่นางคงคิดมากไปเองเพราะตงฟางฉีเอาเวลาเกือบทั้งวันมาขลุกอยู่กับนางที่นี่ ถ้านางเป็นปลากัดล่ะก็ ป่านนี้คงท้องไปแล้วกระมัง! “ข้ามาตรวจร่างกายของเจ้า” ตงฟางฉียกยิ้มน้อยๆ เมื่อรับรู้ถึงความหงุดหงิดที่แผ่ออกมาจากร่างเล็ก ครั้นได้กลิ่นของสมุนไพรก็เบนสายตาไปยังสาวใช้ผู้น้อย “นั่นอะไร” ลี่หยวนไม่ตอบ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน สุดท้ายภาระจึงมาตกมาอยู่ที่ชิงช้าย “ทูลท่านอ๋องน้อย นี่คือโสมพันปีเพคะ องค์ชายสี่ทรงประทานให้คุณหนู” “หืม?” ชายหนุ่มเดินไปพิจารณาของขวัญดังกล่าวใกล้ๆ มือใหญ่ขาวสะอาดเอื้อมคว้าโสมต้นใหญ่ขึ้นมาโดยไม่ได้ถามไถ่ผู้เป็นเจ้าของ พลิกดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะ... แปะ! ดวงตาหวานเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ลี่หยวนที่ยืนมองอยู่ถึงกับพูดอะไรไม่ออก นี่หมอปีศาจผู้นี้เพิ่งจะทิ้งโสมล้ำค่าลงบนพื้นใช่หรือไม่! ยิ่งได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเขาก็ยิ่งมั่นใจ ตงฟางฉีเจตนาทำมันชัดๆ! ต่อให้นางจะไม่ได้มีอารมณ์พิศวาสซุนโม่เฉินเหมือนก่อน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าบุรุษผู้นี้จะมาทิ้งขว้างของของนางเหมือนนักเลงเช่นนี้ได้! “ขะ...ข้าน้อยสมควรตาย!” ชิงช่ายลนลานรีบคุกเข่าลงบนพื้น เมื่อเห็นว่าบ่าวขลาดกลัวจนตัวสั่น ลี่หยวนจึงส่งเสียงพูด “ท่านอ๋องน้อยทรงทำอะไรเพคะ” “ของมันไม่ดี” ตงฟางฉีมีสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน “เจ้าไม่ต้องกินหรอก ประเดี๋ยวจะยิ่งทำให้ปวดท้องเสียเปล่าๆ ” ลี่หยวนได้แต่นับหนึ่งถึงร้อยในใจ หากนางแสดงออกว่าโกรธและโวยวายก็มีแต่จะทำให้หมอปีศาจโกรธ บัดนี้นางกับเขายังไม่ทำข้อตกลงกัน หากยังไม่ทันเป็นศิษย์อาจารย์ เขาก็กล้าแสดงท่าทีเอาแต่ใจถึงเพียงนี้ ดีแล้วที่นางตัดสินใจไม่หมั้นหมายกับท่านอ๋องน้อย มิเช่นนั้นนางคงได้โมโหทุกวันจนเส้นเลือดในสมองแตกเป็นแน่ อดีตสตั๊นแมนสาวคิดพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นค่อยเบนสายตาไปยังชิงช่ายที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่กับพื้น “ชิงช่าย เก็บโสมแล้วนำไปที่โรงครัว สั่งให้คนครัวต้มให้ท่านพ่อและท่านแม่ใหญ่” คำพูดของเด็กสาวประหนึ่งเสียงสวรรค์ สาวใช้ที่คิดว่าตนคงโดนอาญาเข้าให้แล้วรีบรับคำสั่ง “เจ้าค่ะ คุณหนู” ตงฟางฉียกยิ้มพลางยกมือไพล่หลัง ดูจากสีหน้าแล้วคงพอใจมากทีเดียว ลี่หยวนมองแล้วได้แต่เค้นยิ้ม มีความสุขกับผีน่ะสิ! “ลี่หยวนเพิ่งทราบว่าท่านอ๋องน้อยทรงมิชอบโสม ขออภัยในความรู้น้อยของลี่หยวนด้วยเพคะ” ตงฟางฉีแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขารู้ว่านางกำลังประชดประชัน แต่มันก็หาได้ระคายเคืองผิวหน้าอันหนาเตอะนี้ไม่ “บัดนี้ข้าเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องสุขภาพของเจ้า” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหมุนกายกลับมาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม “สิ่งเน่าเหม็นที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ย่อมต้องกำจัดทิ้ง” ลี่หยวนชะงัก เห็นชัดว่าท่านอ๋องน้อยมิได้หมายถึงโสม แต่หมายถึงให้ผู้ที่ประทานโสมมาให้ต่างหาก เป็นไปได้ว่าตงฟางฉีไม่ใช่พวกขององค์ชายสี่ เขาอาจมาที่นี่เพื่อสืบความสัมพันธ์ รวมถึงความลับระหว่างท่านเสนาบดีกับองค์ชายสี่ หมอปีศาจ ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด แต่ก็ไม่แน่ว่าในใจลึกๆ เขาอาจจะสนับสนุนองค์รัชทายาทก็ได้ ในเมื่อชิงช่ายออกไปด้านนอก บัดนี้จึงเหลือเพียงลี่หยวนกับหมอปีศาจหนุ่มตามลำพัง บรรยากาศแบบนี้... นางรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แม้จะคุ้นชินกับการถูกมองในฐานะสตั๊นแมนในชาติที่แล้วและเป็นคุณหนูตระกูลลี่ในชาตินี้ แต่แววตาของท่านอ๋องน้อยที่มองนางให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป แต่เพราะเป็นเช่นนี้ ลี่หยวนจึงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับเขาโดยการเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ระหว่างทั้งสองมีเพียงโต๊ะน้ำชากั้นอยู่ ในเมื่อนางยังต้องการอาศัยเขา การจะแสดงท่าทางอึดอัดหรือขลาดกลัวให้อีกฝ่ายหมดความสนใจในตนเองเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เป็นอันขาด! “ลี่หยวนได้ยินมาว่า ที่วังอ๋องน้อยมีเส้นทางที่คดเขี้ยวดุจเขาวงกต ผู้ที่เข้าไปแล้วมักจะไม่ได้กลับออกมา” นางค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้น เอียงหน้าดุจสตรีผู้ใสซื่อไม่รู้ความ ใช้รูปลักษณ์ของเด็กสาววัยสิบสี่ปีให้เป็นประโยชน์ “เป็นเรื่องจริงหรือไม่เจ้าคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD