“สตรีสูงศักดิ์อื่นๆ จะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ข้าคิดว่าเจ้าเหมาะที่จะหัวเราะมากกว่า”
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงให้กับคำชมจากปากของเขา แต่สิ่งที่สมองของนางอยากทำกลับเป็นการกลอกตาเสีย
ใครมันจะไปหัวเราะได้บ่อยๆ เขาเห็นข้าเป็นคนบ้าหรืออย่างไร
“บัดนี้องค์ชายสี่ถือเป็นกำลังสำคัญของฮ่องเต้และแว่นแคว้น หม่อมฉันจึงไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์เหมือนแต่ก่อน” ลี่หยวนกล่าว “ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงมิได้เห็นหม่อมฉันหัวเราะกระมังเพคะ”
“ประเดี๋ยวอีกไม่เกินครึ่งปี คาดว่าเราคงได้เจอกันบ่อยขึ้นแล้ว”
ลี่หยวนนิ่งไป
ครึ่งปี? หากองค์ชายสี่หมายถึงวิธีคัดเลือกสาวงาม มันมิใช่ว่าจะเกิดขึ้นตอนนางอายุครบสิบห้าปีหรอกหรือ
คำถามนี้แล่นอยู่ในหัวของเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่งก็ได้คำตอบ
พิธีคัดเลือกสาวงาม
“แต่หม่อมฉันเพิ่งอายุครบสิบสี่เมื่อไม่กี่วันก่อน...”
ซุนโม่เฉินหรี่ตามองผู้ที่มีสีหน้าสับสน “ดูท่าเจ้าจะเข้าใจผิดแล้ว”
ลี่หยวนไม่อาจปกปิดสีหน้าไว้ได้ นางตกใจจริงๆ ดังที่แสดงออก
“พิธีคัดเลือกสาวงามจะจัดขึ้นทุกปีหลังจากวันปีใหม่[1] เพียงครั้งเดียว เจ้าซึ่งเกิดในปีระกาจะอายุสิบห้าในปีชวดของช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึง นั่นถือว่าผ่านเกณฑ์”
คำอธิบายส่งผลให้ผู้ที่ใบหน้าเริ่มมีเลือดฝาดกลับมาซีดเผือดอีกครั้ง
หมายความว่านางเหลือเวลาเพียงฤดูใบไม้ร่วงและเหมันต์เท่านั้นเอง!
“แล้วถ้า... หม่อมฉันมีคู่หมั้นเล่าเพคะ”
นางกลั้นใจถาม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้ ถ้าเหลือเวลาอีกเพียงครึ่งปีจริงก็เท่ากับว่าอีกครึ่งปีนางเอกในนิยายจะปรากฎตัว และเส้นทางที่นางจะมุ่งสู่ความพังพินาศก็จะอุบัติขึ้น!
เป็นเพราะนางมัวแต่กังวลเรื่องจุดจบของลี่หยวนในนิยาย นางจึงมิทันสังเกตเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของซุนโม่เฉิน
หมั้นหมาย? มีผู้ใดเหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของนางแล้วอย่างนั้นหรือ ไยเขาจึงไม่เคยได้ยินจากลี่ชิวหม่าเลยสักครั้ง
แม้จะสงสัย แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะไม่ถามถึง “ตราบใดที่ยังไม่แต่งงาน เจ้าก็ต้องผ่านการคัดเลือกเข้าวัง แน่นอนว่าการมีคู่หมั้นจะทำให้มิถูกลงชื่อคัดเลือกเป็นนางสนม แต่นั่นก็หมายความว่าจะถูกพิจารณารับตำแหน่งนางน้ำชา นางสนองพระโอษฐ์หรือนางกำนัลอื่นๆ แทน”
ลี่หยวนได้ฟังดังนั้นก็เกิดความสงสัยขึ้นมาทันที
ในนิยาย แม้จะเข้าวังแล้ว ลี่หยวนก็ยังไม่มีคู่หมั้น
มีความงามเป็นเลิศแต่ก็มิได้รับตำแหน่งเป็นนางสนม เช่นนั้นก็หมายความว่ามีผู้ใดช่วยเหลือเอาไว้อย่างนั้นหรือ?
นางตัดสินใจทิ้งข้อสงสัยนั้นไว้ก่อน เป้าหมายของนางมิใช่แค่หลีกเลี่ยงจากการเป็นนางสนม แต่คือการหลีกเลี่ยงจากการถูกคัดเลือกเข้าวัง ก่อนหน้านี้หากนางรับปากท่านอ๋องน้อย ยอมเป็นคู่หมั้นของเขา นางก็ต้องเข้าวังอยู่ดี
ตงฟางฉีน่าจะรู้กฎนี้อยู่แล้วแต่ก็ยังปิดบังนาง
ไม่สิ เขาพูดว่าหากนางยอมหมั้นหมายกับเขา เขาจะอ้างกับผู้อื่นว่านางเป็นโรคประหลาดเพื่อให้สูญเสียคุณสมบัติที่จะเข้าคัดเลือกสาวงามได้
นั่นเท่ากับว่าเขาไม่ได้หลอก... และหากนางตกปากรับคำเป็นศิษย์ของเขาตามเงื่อนไข เขาก็จะยังคงรักษาสัญญานั้นไว้อยู่ดี
ในเมื่อมีระยะเวลาจำกัดเพียงครึ่งปี เห็นทีนางคงไม่สามารถหาทางเลือกที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว
แต่ว่า... ต่อให้รู้อยู่เต็มอกว่าต้องพึ่งพาหมอปีศาจผู้นั้น นางก็ยังไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกว่านางตกเป็นรองจนต้องยอมเขาทุกเรื่องอยู่ดี
นี่อาจเป็นความดื้อด้านของนางเอง แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อบุรุษผู้นั้นช่างเผด็จการและเจ้าเล่ห์อย่างไร้เหตุผล
ลี่หยวนไม่อยากให้ตัวเองพ้นจากความตายแล้วกลายมาเป็นลูกไก่ในกำมือของพญามาร เพราะฉะนั้นนางจะต้องหาวิธีเพื่อเจรจาต่อรองกับคนผู้นั้นอีกครั้ง!
พอตัดสินใจได้ดังนั้นก็ผุดลุกขึ้น “หม่อมฉันออกจากจวนมานานแล้ว ป่านนี้ท่านพ่อกับท่านแม่คงเป็นห่วง เห็นทีต้องขอตัวกลับก่อนเพคะ”
ทว่าจากเดิมที่คิดว่าจะสามารถกลับไปสะสางเรื่องราวที่ติดพันกับหมอปีศาจได้ทันที นางกลับต้องเผชิญหน้ากับการปฏิเสธที่ไม่คาดฝัน
“นั่งลงก่อน” เสียงราบเรียบเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ลี่หยวนคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายไม่ออก แต่ก็เลือกที่จะไม่ขัดใจเพื่อความปลอดภัยของตนเอง
“พะ...เพคะ”
“ลี่หยวน” สีหน้าของซุนโม่เฉินจริงจังมากขึ้นอีกสี่ส่วน “เจ้ารู้ใช่ไหมว่าด้วยฐานะของเจ้า ผู้ที่จะกำหนดการหมั้นหมายมิใช่เจ้าหรือท่านเสนาบดีลี่...”
เด็กสาวเพิ่งมีโอกาสได้คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรก
ผู้ที่มีอำนาจในการชี้ชะตาคู่ครองของนางมิใช่ท่านพ่อ แต่เป็นฮ่องเต้!
บิดาของนางเป็นถึงเสนาบดี ขุนนางขั้นสูงที่ทำงานใกล้ชิดโอรสสวรรค์ อำนาจแม้ไม่ยิ่งใหญ่เท่าองค์เหนือหัวแต่ก็สามารถชี้เป็นชี้ตายขั้วอำนาจในราชสำนักได้เช่นเดียวกัน
...บุตรหลานของผู้ที่มีความสำคัญถึงเพียงนี้ มีหรือที่ฮ่องเต้จะทรงมิเฝ้าระวัง
แม้จะรู้กันดีว่าตระกูลลี่เป็นฝ่ายเดียวกับองค์ชายสี่ แต่ท่านพ่อของนางก็ออกนอกหน้ามากมิได้ และต่อให้ในพระทัยของฮ่องเต้จะทรงทราบดีก็ไม่ได้หมายความว่าจะทรงมิใช้ตระกูลลี่เป็นหมากในพระหัตถ์
ผู้ที่กุมอำนาจที่แท้จริงหาใช่องค์รัชทายาทหรือองค์ชายสี่ แต่เป็นฮ่องเต้ต่างหาก
มิน่าล่ะ แม้พี่ชายคนโตของนางจะถึงวัยที่เหมาะสมแก่การแต่งงาน เขากลับไม่มีคู่หมั้นหรืองานมงคลเสียที
ลี่หยวนนิ่งไปอีกครั้ง หรือสาเหตุที่ลี่หยวนมิได้แต่งงานในนิยายเป็นเพราะฮ่องเต้ทรงไม่มีราชโองการออกมา?
แม้จะพยายามไตร่ตรองดูด้วยข้อมูลในนิยายที่เคยอ่าน หากพอมาเป็นตัวละครในเนื้อเรื่องจริงๆ กลับมีรายละเอียดหลายอย่างที่ตนไม่เคยคาดคิดมาก่อน
หมายความว่า... ท่านอ๋องน้อยเองก็อาจไม่ได้ประสงค์จะหมั้นหมายกับนางตั้งแต่แรก
หากเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้วยังเสนอเรื่องการหมั้นหมาย เจ้าหมอปีศาจผู้นั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
เพียงแค่ต้องการทดสอบนาง หรือเขามีอิทธิพลที่จะทำให้มันเป็นจริงได้อย่างที่พูด?
แต่ไม่ว่าเหตุผลของตงฟางฉีจะเป็นอะไรก็ตาม ลี่หยวนที่ได้นำข้อมูลจากซุนโม่เฉินมาประกอบเข้าด้วยกันก็มีสีหน้าสงบลง ทุกสิ่งที่ทำมาจนกระทั่งถึงยามนี้ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย หากเรื่องความระมัดระวังยังต้องเพิ่มขึ้นอีก
“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”
ครั้นเห็นว่าลี่หยวนมีแววตาที่เข้าใจคำพูดของเขาอย่างชัดเจน ซุนโม่เฉินก็พึงพอใจ
“ข้างล่างยังวุ่นวาย” แววตาคมกริบตรึงนัยน์ตาของลี่หยวนไว้ราวกับต้องการบอกเป็นนัยน์ว่าห้ามนางปฏิเสธสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้ “ประเดี๋ยวรอสักหนึ่งชั่วยามค่อยกลับเถิด ข้าจะให้คนไปส่ง”
ลี่หยวนได้ฟังเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน “วุ่นวาย...”
ยังไม่ทันที่นางจะได้กล่าวจนจบประโยค ทางด้านนอกก็เกิดเสียงดังบางอย่าง
สตั๊นแมนที่อยู่ในกองถ่ายแอกชันมาเป็นสิบปีทราบได้ทันทีว่ามันเป็นเสียงอาวุธที่กำลังฟาดฟันกัน!
ข้างนอกมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
แม้ในใจแทบอยากเดินไปกระชากบานหน้าต่างแล้วชะโงกออกไปมองสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ลี่หยวนก็ยั้งใจตนเองแล้วนั่งอยู่กับที่
สีหน้าของบุตรสาวเสนาบดีนิ่งสงบ ไม่ไถ่ถาม ไม่แสดงออกอารมณ์ใดๆ ทางสีหน้า จะมีก็แต่มือเรียวที่วางบนตักซึ่งเผลอขยำกระโปรงยาวของตนเอง
มีการต่อสู้กำลังดำเนินอยู่ทางด้านนอก เสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เสียงร้องไห้แห่งการสูญเสีย
กลิ่นคาวเลือดแทรกผ่านบานหน้าต่างเข้ามายังด้านใน
พระพักตร์ขององค์ชายสี่ยังคงราบเรียบ พระหัตถ์ใหญ่เคลื่อนไปหยิบถ้วยน้ำชาขณะที่นัยน์ตามิได้เคลื่อนไปจากใบหน้างามของลี่หยวนแม้แต่เสี้ยวอึดใจเดียว
ก่อนหน้าที่เด็กสาวจะมาถึง คนของเขาจับตัวฉินเหมินกับครอบครัวไว้ได้แล้ว แต่ที่ยังปล่อยทหารให้พลุกพล่านก็เพื่อหาวิธีหลอกล่อให้คนของซุนจื่อหมิงมาติดกับก็เท่านั้น
ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ฟางอวี้ต้องถูกกำจัด!
และหากเขาสามารถจับตัวทหารที่ซุนจื่อหมิงส่งมาได้ จากเดิมที่เป็นความผิดของฟางอวี้คนเดียวก็ย่อมลามไปถึงองค์รัชทายาท
เพราะรู้ว่าฟางอวี้จะถูกลงโทษจึงส่งคนมาชิงตัวคนร้ายที่กำลังหลบหนี คราวนี้ซุนจื่อหมิงเดินหมากผิดมหันต์ จากเดิมแค่สูญเสียกำลังสำคัญที่ควบคุมกองทัพ กลายเป็นดึงตนเองให้ต้องโทษข้อหาสมรู้ร่วมคิดไปด้วย
ในเมื่อองค์รัชทายาทต้องการแกว่งเท้าหาเสี้ยน เขาก็พร้อมที่จะสนองอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน!
ซุนโม่เฉินอมยิ้ม จิบน้ำชาด้วยสีหน้ารื่นรมย์
เดิมทีคิดว่าลี่หยวนอาจเปลี่ยนฝ่ายและถูกองค์รัชทายาทส่งตัวมาเพื่อถ่วงเวลา แต่ครั้นได้พูดคุยกับนางสักพัก เขาก็สังเกตได้ว่าเด็กสาวมิได้มีเจตนาเช่นนั้น
ในเมื่อก่อนหน้านี้นางถามเขาว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร เขาก็คิดจะใช้โอกาสนี้ให้คำตอบแก่นางด้วยการกระทำ
หากลี่หยวนต้องการให้เขาเปิดใจให้ นางก็ต้องยอมรับส่วนนี้ของเขาให้ได้
หลังจากผ่านไปสักพัก ลี่หยวนก็บังเกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้อง บริเวณท้องแน่นเกร็งขึ้นมาเมื่อระลึกได้ว่า ต่อให้ซุนโม่เฉินจะให้ความรู้สึกเป็นกันเอง แต่บุรุษผู้นี้คือวายร้ายของเรื่องซึ่งไม่ลังเลที่จะกำจัดผู้อื่นเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ
ช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไปทุกๆ ลมหายใจราวกับฝันร้ายอันยาวนานที่ไม่มีวันสิ้นสุด
นางไม่รู้ว่าการต่อสู้ทางด้านนอกเกิดจากอะไร อาจเป็นนักฆ่าที่ถูกองค์รัชทายาทส่งมา หรืออาจจะเป็นฝ่ายขององค์ชายสี่ที่เป็นฝ่ายจู่โจมเสียเอง
แต่ว่า การรับรู้ว่าด้านนอกมีทั้งคนของตนเองและศัตรูล้มตายแล้วมานั่งดื่มชาหน้าระรื่นเยี่ยงนี้ จะมีสักกี่คนกันที่ทำได้
หากเป็นนาง นางคงทำไม่ลง
ลี่หยวนตามแบบฉบับในนิยายต้องหลงรักบุรุษคนนี้มากเพียงไร จึงสามารถเป็นมือเท้าที่ฆ่าผู้อื่นให้เขาได้ จะต้องเทิดทูนคนแบบนี้มากเพียงไรถึงได้มองลมหายใจของผู้อื่นเป็นสิ่งไร้ค่า
ซุนโม่เฉิน... แม้บุรุษคนนี้จะดีกับนางในยามนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่กลายเป็นบุรุษใจดำที่กำจัดนางทิ้งอย่างเลือดเย็นในวันข้างหน้า
คนอย่างเขาปกป้องใครได้ด้วยหรือ?
คนอย่างเขารักใครเป็นด้วยหรือ?
หัวใจของผู้คิดเย็นยะเยือก เกิดเป็นลี่หยวน ไม่ว่าอย่างไรก็คงมิได้โชคดีเหมือนพระเอกกับนางเอกในนิยาย การข้องเกี่ยวกับเขาไม่ต่างจากการอยู่ใกล้อสรพิษดังที่เคยคิดไว้
...อสรพิษที่ไร้หัวใจ
ความลังเลก่อนหน้านี้ถูกนางลบทิ้งจากสมอง ไม่มีทางที่นางจะฝากชีวิตไว้กับคนแบบนี้ได้
ลี่หยวนคลายมือที่กุมกระโปรงจนยับยู่ยี่ นัยน์ตาคู่งามมุ่งมั่นจริงจังราวกับตนสามารถตัดสินใจได้แล้ว
ไม่ว่าชะตากรรมของซุนโม่เฉินหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร นางสาบานแล้วว่าจะไม่วันพาตนเองล่มจมไปพร้อมกับเขาเด็ดขาด!
[1] วันปีใหม่ในที่นี้ หมายถึงวันตรุษจีน (**) ซึ่งจะมีหลังจากที่ฤดูหนาวสิ้นสุดลง